เอาจริงก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามกราไปไหนมาตั้งมากมาย เหมือนกับว่าออกไปข้างนอกเกือบทุกวันหยุดเลย ก็เลยว่าจะลองลิสต์ว่าไปที่ไหนมาบ้าง เผื่อมีคนอยากตามไปบ้าง (คงไม่น่ามีหรอกมั้ง)
วัดอินทรวิหาร เป็นวัดแรกที่เราเดินทางไป อยู่ตรงเทเวศร์ ใกล้ๆ กับแยกบางขุนพรหม (ทางเข้าเล็กมาก ต้องสังเกตดีๆ) คนเยอะพอควร แต่ก็ไม่ได้เยอะมากจนแน่น และด้วยความที่มันอยู่ใกล้บ้านด้วย ก็เลยทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปเยอะเท่าไหร่
วัดอินทรวิหาร ตั้งอยู่ที่แยกบางขุนพรหม ถนนวิสุทธิ์กษัตริย์ เขตพระนคร เขาบอกว่าวันอินทรเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีชื่อเดิมว่าวัดบางขุนพรหม
ที่ตั้ง: เลขที่ 144 ถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพ
เข้าไปไหว้พระ และไปเข้าชมได้ทุกวัน ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เปิดตั้งแต่ 08.30 - 20.00
การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 3, 9, 30, 32, 33, 49, 53, 64, 65, 524
หรือทางเรือ (แม่น้ำเจ้าพระยา) นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเรือเทเวศร์ แล้วเดินต่อ
หรือทางเรือ (คลองบางลำพู-คลองแสนแสบ) นั่งเรือแบงค็อกคาแนล ลงท่าเรือคลองบางลำพู แล้วเดินต่อ
มีพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร หลวงพ่อโต (สมเด็จพระพุฒจารย์ (โต พรหมรํสี)) เป็นคนเริ่มให้ก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 แต่มาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยถือว่าเป็นเป็นพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตรที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ (ใหญ่มากกกกกกกกกกกก) แต่ถ้าจำไม่ผิด ตอนที่ไปน่าจะปิดซ่อมแซมอยู่
วัดที่สอง วัดเอี่ยมวรนุช ตรงสี่แยกบางขุนพรหม (อยู่ไม่ไกลจากวัดอินทรวิหาร เรียกได้ว่าอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนกันเลย)
ที่ตั้ง: เลขที่ 178 ถนนสามเสน แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพ
การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 3, 9, 30, 32, 33, 53, 64, 65, 524
หรือทางเรือ (แม่น้ำเจ้าพระยา) นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเรือเทเวศร์ แล้วเดินต่อ
หรือทางเรือ (คลองบางลำพู-คลองแสนแสบ) นั่งเรือแบงค็อกคาแนล ลงท่าเรือคลองบางลำพู แล้วเดินต่อ
ภายในวัดเอี่ยมวรนุช มีเจดีย์เจ้าแม่กวนอิมด้วย วัดค่อนข้างเล็ก คนไม่ค่อยแน่น ได้ถ่ายแต่เจ้าเหมียวประจำวัดมาแทน
วัดที่สาม วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร คนเยอะมาก เยอะแบบร้อนโคตร เบียดมาก แสงไม่สวยด้วย เพราะเที่ยงเป๊ะ แดดจ้า (จริงๆ อาจจะเพราะหิวด้วย ก็เลยหงุดหงิดเป็นพิเศษ)
ปล. วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 ด้วยนะ
ที่ตั้ง: ต้นถนนตะนาวและถนนเฟื่องนคร ริมถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพ
การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 3, 56
- วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร
วัดที่สี่ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร ใกล้ๆ ตรอกข้าวสาร วัดนี้คนเยอะเช่นกัน แต่ไม่เบียดเท่าวัดบวรนิเวศ วัดนี้ต่างชาติมากันเยอะ เพราะมันอยู่ใกล้กับตรอกข้าวสาร ก็เลยไม่ค่อนแปลกใจเท่าไร่
การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 3, 9, 30, 32, 33, 53, 64, 65, 524
หรือทางเรือ (แม่น้ำเจ้าพระยา) นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเรือท่าพระอาทิตย์ แล้วเดินต่อ
แล้วก็แวะพักกันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป
ที่ตั้ง: เลขที่ 4 ถนนเจ้าฟ้า แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพ
เปิดเฉพาะวันพุธ-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดราชการ)
เวลาเปิด 09.00-16.00 น.
ค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท
นักเรียน ภิกษุสามเณร นักบวช และผู้สูงอายุ เข้าชมฟรี
การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 3, 9, 30, 32, 33, 53, 64, 65, 524
หรือทางเรือ (แม่น้ำเจ้าพระยา) นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเรือท่าพระอาทิตย์ แล้วเดินต่อ
อยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์เหรียญเท่าไหร่ ภายในเป็นงานศิลปะ ภาพวาด ภาพเขียน ปูนปั้น ตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ถึงปัจจุบัน มีภาพวาดฝีพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 9 ด้วย และงานปั้นของ อ.ศิลป์ พีระศรี เราไม่แน่ใจว่ามันจะหมุนเวียนรึเปล่านะ แต่เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากที่ได้เข้าไปเยี่ยมชม
ปล. เขาไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในห้องนิทรรศการนะ
- วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
วัดที่ห้า วัดโพธิ์ คนเยอะตามคาด ทั้งไทยทั้งต่างชาติ เรานี่ไม่ได้เข้าเลย นั่งรอแม่อยู่ข้างนอกแทน คนเยอะ ร้อน เสียงดัง
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ เดิมเรียกว่าวัดโพธาราม
การเดินทาง นั่งรถเมล์สาย 3, 9, 53
หรือทางเรือ (แม่น้ำเจ้าพระยา) นั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเรือท่าเตียน แล้วเดินต่อ
วัดที่หก วัดราชบพิธ ตอนที่ไปก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีมารอรับเสด็จฯ กัน
วัดนี้เราเพิ่งเคยมาครั้งแรก สวยมาก ประทับใจ เราชอบทวารบาลของที่นี่เป็นรูปทหารฝรั่ง แต่ละจุดก็จะไม่เหมือนกัน ดูเพลินมากเลย ถ้าใครมาก็อยากจะแนะนำให้เก็บทวารบาลแต่ละที่ให้หมดเหมือนกัน
ด้านหลังของวัดราชบพิธเป็นสุสานหลวง ดูสวยสะอาดตามาก คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ส่วนมากจะเป็นคนที่แวะไปไหว้พระที่วัดราชบพิธและวัดราชบูรณะ ไม่ก็คนท้องถิ่นด้วย
วัดที่เจ็ด วัดราชประดิษฐ์ วัดนี้ก็สวยงามมากๆ เครื่องแขวนสวยด้วย ที่นี่คนไม่ค่อยเยอะเหมือนกับวัดก่อน เรียกได้ว่าค่อนข้างเงียบสงบ ไม่จอแจ มีคนมาไหว้พระบ้าง แต่ไม่มากมายจนน่ารำคาญ
วัดที่แปด วัดสุทัศน์ อยู่ติดกับเสาชิงช้า คนเยอะต่างกับสองวัดก่อนลิบลับ แต่ก็ไม่เยอะเท่ากับวัดโพธิ์หรือวัดบวรฯ นะ พื้นที่โล่งกว่ามาก คนกระจุกตัวเฉพาะบริเวณทางเข้าและทางขึ้นพระอุโบสถวัด
ที่นี่มีปิดซ่อมแซมบางส่วนด้วยล่ะ
วัดสุดท้ายที่ไปคือวัดเทพธิดาราม เยื้องกับวัดราชนัดดาและภูเขาทอง วัดนี้สวยมาก มีพิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ด้วย มีรูปหล่อหมู่ภิกษุณี อีกอย่าง ที่นี่มีเจ้าถิ่นหลายตัวอยู่ น่ารักทั้งนั้น
6 มกราคม 2018
ไปเดินซื้อผ้าและอุปกรณ์ที่สำเพ็ง แล้วเดินต่อไปยังปากคลองตลาดเพื่อไปนั่งเรือกลับศิริราช จริงๆ แค่ซื้อของเสร็จก็น่าจะกลับเลย แต่ว่าเรากับพี่ๆ ก็ได้เดินต่อไปปากคลอง ไปหาร้านนั่ง แล้วก็ตกลงปลงใจกันว่าจะไปร้าน Floral Cafe สนุกและอร่อย พอลงมาก็เจอน้องแมวน่ากอดด้วยล่ะ
รูปทั้งสามรูปนี้ไปจิ๊กมาจากพี่ที่ไปด้วยกัน เพราะว่าวันนั้นไม่ได้ถ่ายรูปเลยสักรูป
13 มกราคม 2018
ตอนบ่ายก็ไปปิกนิกและเดินเล่นในสวนลุมพินี
14 มกราคม 2018
ล่องเรือไป The Jam Factory คือตอนแรกว่าจะไปฟังเพลงแจ๊สของมหิดล แต่ว่าเพิ่งเสร็จงานที่บ้าน พอไปถึงก็ บู้ม งานเลิกแล้ว (แป่ว - -) แต่ก็นะ ถือเป็นการเปิดโลกการเดินทางทางน้ำก็แล้วกัน (ปกติไปไกลสุดแค่ปากคลองตลาด)
เราไปลงเรือที่ท่าเรือซังฮี้ มุ่งหน้าไปทางสะพานพุทธ-สาทร ลงท่าเรือสี่พระยา แล้ววิ่งลงเรือข้ามฟากไปท่าเรือคลองสาน และเดินเลาะไปยัง The Jam Factory
รูปนี้จำไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน เพราะนั่งเรืออยู่ เจอสวยๆ ก็กดถ่ายเลย
บรรยากาศของ The Jam Factory ตอนขากลับ
น้องแมวแห่ง The Jam Factory
แสงน่ารักดี เราคิดว่างั้นนะ
ส่วนขากลับเราไม่รู้ว่านั่งสายอะไร ก็เลยเดินย้อนไปทางเส้นถนนสมเด็จเจ้าพระยา เดินไปถึงตีนสะพานพุทธเลย ถึงได้นั่งรถกลับ
20 มกราคม 2018
แอบไปส่องงานเทศกาลบางกอกแหวกแนว Bangkok Edge Festival 2018 ที่ Museum Siam - จักรพงษ์วิลล่า - โรงเรียนราชินี
ภายในก็จะมีทั้งของกิน ของใช้ งานเสวนา ร้านหนังสือ (จาก Hard Cover) อีเวนท์ต่างๆ เวิร์คชอปที่น่าสนใจ รวมไปถึงคอนเสิร์ตยามเย็นที่จัดขึ้น
บริเวณถนนมหาราช
ภายในมิวเซียมสยาม โดมใหญ่ๆ นั่นเป็นโซนขายหนังสือทั้งหนังสือไทย หนังสือต่างประเทศ ปกแข็ง ปกอ่อน และงานเซรามิก งานผ้า งานไม้ ฯลฯ
โซนสำหรับเด็กๆ ที่มีกิจกรรมต่างๆ ให้เล่น ทั้งเล่านิทาน ระบายสี วาดรูป ฯลฯ
หลังจากเดินดูงานเสร็จ เราก็ขึ้นไปนั่งฟังเสวนาของคุณวีรพร นิติประภา และก้อง ฤทธิ์ดี เกี่ยวกับหนังสือไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต ฉบับแปลอังกฤษ
เสร็จแล้วตอนบ่ายๆ เย็นๆ ก็ล่องเรือไปดูหนังกลางแปลง "เรื่องตลก 69" ของเป็นเอก รัตนเรือง ที่ The Jam Factory
27 มกราคม 2018
วันนี้เรามีนัดกับน้องไปทัวร์เยาวราช แต่ก่อนหน้านั้น เราไปเดินเล่นรอน้องที่หอศิลป์ กรุงเทพฯ (ตรงข้าม MBK) มีนิทรรศการของ Green Peace ด้วย ในชื่อว่า "Right to Clean Air: The Art Exhibition ขออากาศดีคืนมา"
เนื่องจากเกิดประเด็นที่ประเทศไทยมีมลพิษทางอากาศ PM 2.5 ปกคลุมทั่ว และทางกรมควบคุมมลพิษไม่ได้แจ้งประชาชน ทาง Green Peace ก็เลยออกมารณรงค์เรียกร้องจนกว่ากรมควบคุมมลพิษจะนำค่า PM 2.5 เข้ามาคำนวณวัดดัชนีคุณภาพอากาศของไทย
พอตอนเย็นๆ เราก็ออกไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปเยาวราช (นั่งสาย 40 ไป ขึ้นตรงสยามสแควร์วัน หรือตรงป้ายจุฬาฯ ฝั่งตรงข้าม MBK ก็ได้ ปล. เราไม่รู้สายอื่นนะ รู้แค่ 40 สายเดียว)
เราไปถึงเยาวราชเร็วกว่าเวลานัด แล้วคิดว่าเราจะไปไหนก่อนดี ก็เลยลองเสิร์ชหาร้านหนังสือที่เยาวราชว่าอยู่ตรงไหน และเราก็ไปเจอว่ามีร้านหนังสือมือสองอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเยาวราชมากนัก (ร้านหนังสือมือสองเยาวราช อยู่ตรงตรอกมะขาม 2 ใกล้ๆ วงเวียน 22 ฝั่งเยาวราช) ถือเป็นโชคดีของเรามาก เพราะเรากำลังตามหาหนังสือชุด "อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย" อยู่ (และเราเจอ 3 เล่มแน่ะ) เราก็เลยซื้อมา 2 เล่ม อีกเล่มมีแล้ว อยากบอกว่าหนังสือเยอะมาก ต้องตาดีๆ ถึงจะหาเจอ เพราะลุงเจ้าของร้านบอกเราว่า ก่อนหน้าที่เราจะไปซื้อ ก็มีคนมาหาหนังสือชุดนี้อยู่เหมือนกัน แต่หาไม่เจอ (กลายเป็นเราโชคดี)
พอซื้อหนังสือเสร็จก็เดินมารอที่เดิม รอไปรอมาก็หิว เลยไปหาขนมกินในเซเว่นกับซื้อนิตยสารรอ พอน้องมาถึง น้องบอกว่าหิวมาก ก็เลยเดินหาร้านกินรองท้องกันก่อน และนี่คือสิ่งที่สั่งมา ราดหน้าเส้นใหญ่หมูนุ่ม ราคาก็แพงกว่าร้านทั่วๆ ไป อร่อยตรงผักกรอบและหมูนุ่มๆ นี่แหละ อย่างอื่นก็เฉยๆ นะ
เสร็จแล้วก็ไปต่อที่ร้านปาท่องโก๋สังขยา ที่ได้ดาวมิชลินมาด้วย เราว่าตัวแป้งที่ทำปาท่องโก๋ซาลาเปามันไม่หวานเกินไป อร่อยกำลังดี กับสังขยาที่เอาไว้จิ้ม มันไม่หวานเหมือนร้านอื่นๆ อันนี้มันจะข้นกว่า แล้วให้กลิ่นใบเตยมากกว่า ไม่หวานมาก กินกับปาท่องโก๋นี่อร่อยเลย
เราบอกน้องว่าอยากแวะไปซอยนานา เห็นคนพูดถึงกันเยอะ แต่พอไปถึงก็พบว่ามีแต่บาร์ทั้งนั้นเลย (แต่ละร้านก็โคตรสวยเลย บรรยากาศดีด้วย) เรากับน้องก็เดินวนกันอยู่สักพัก (คือแต่ละร้านมันสวย เลือกไม่ถูกว่าจะเข้าร้านไหนดี)
เลยตัดสินใจว่าจะเข้าร้านนี้ ไปนั่งดื่มเบียร์ แต่เราไม่ดื่มนะ บรรยากาศดี เพลงเพราะ (เปิดเพลงแจ๊สอะ) เครื่องดื่มก็โอเคเลย (เราไม่ชอบเบียร์ มันขม) เจ้าของร้านก็แนะนำดีนะ แนะนำเบียร์ให้น้องเรา ส่วนเราบอกว่าไม่ดื่มแอลกอฮอล์เขาก็แนะนำเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ให้ (แต่ไม่เอาอะ)
พอดื่มเบียร์กันเสร็จ นั่งชิวกันสักพัก น้องก็บอกว่ายังอยากกินผัดหมี่ฮ่องกงอยู่ เราก็เลยพากันเดินไปตามหาร้านผัดหมี่ฮ่องกงเจ้าอร่อย ราคาไม่แพง เดินวนกันอีกรอบ (ก่อนฟ้ามืดก็เดินวนไปแล้วรอบนึง)
แล้วก็มาเจอร้านอร่อยของน้องจนได้ (จำผิดฝั่งอีกต่างหาก) ร้านเยาวราชโภชนา ตอนแรกก็สั่งแค่ผัดหมี่ฮ่องกงแหละ ไปๆ มาๆ ก็สั่งก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อีก อิ่มอร่อยกันไปตามๆ กัน อ้อ ร้านเปิดทุกวันนะ
ผัดหมี่ฮ่องกงแค่ 50 บาทเอง ร้านข้างนอกนี่จานละ 100
ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ก็ 50 บาท
28 มกราคม 2018
เดินไปศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และเดินเล่นบนสะพานพระรามแปด
คนไปวิ่ง ไปขี่จักรยาน เล่นไอซ์สเก็ตกันข้างบนสะพานพระรามแปดกันก็เยอะ แวะถ่ายรูปกันก็มี พื้นที่โล่งๆ น่าไปวิ่งอยู่เหมือนกันนะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นสวนสาธารณะใหญ่ๆ กว้างๆ มีคนไปวิ่ง ไปเดินเล่น หรือนั่งเล่นกันเพียบเลย
แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ
ภายในบริเวณศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย มีบริเวณริมน้ำให้ไปพักผ่อนหย่อนใจด้วย มุมโล่งๆ โปร่งๆ ดูสบายตา
แต่ว่าเราไม่ได้ถ่ายภายในศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะว่าเกรงใจคนเขา แต่ว่าภายในโล่งมาก คนไม่เยอะเท่าไหร่ เพดานสูงดี เหมาะกับเอาหนังสือมานั่งอ่าน หรือว่ามานั่งทำงานภายในนั้น หนังสือมีบาง แต่ไม่เยอะเท่าไหร่ นิตยสารเยอะดี มีให้เลือกอ่านหลากหลาย ถ้าเกิดเอาคอมมานั่งทำงาน เขาก็มีบริการปลั๊กให้ใช้ด้วย
ถ้าเกิดใครชอบนั่งดูดวงอาทิตย์ตก มีโต๊ะให้นั่งริมหน้าต่างด้วย ตอนเย็นๆ ก็นั่งดูดวงอาทิตย์ลับขอบตึกไปได้ เพลินตาดี แต่แอร์ค่อนข้างเย็น พกเสื้อไปด้วยนะ ถ้าใครขี้หนาว
ส่วนตัวชอบมุมนี้ตอนดวงอาทิตย์กำลังจะตก บรรยากาศเหงาๆ ดี
บรรยากาศตอนขากลับ เขาจัดแสงสวยดี
นุ้งแมวแห่งศูนย์การเรียนรู้ฯ
ขอจบเดือนมกรากับการไปยังสถานที่ต่างๆ เพียงเท่านี้
คืองี้ เราตั้งใจว่าปีนี้เราจะไปงาน / อีเวนท์ / พิพิธภัณฑ์ ให้ได้เยอะๆ จะได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับเรา และเปิดโลกการเดินทางให้กับเราด้วย
เราเชื่อว่า เพราะชีวิตคือการเดินทาง การที่เราได้ก้าวไปยังสถานที่ต่างๆ เหล่านั้นแล้ว ถือว่าเป็นการเปิดโลกใหม่ให้กับเรา ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การท่องเที่ยว การพบปะผู้คน การพบเจอสังคม ฯลฯ มันเหนื่อย แต่ก็สนุกนะ ยิ่งตอนนี้เราเอากล้องไปไหนมาไหนด้วย ก็ยิ่งสนุก มีรูปกลับมาลงให้คนอื่นๆ ได้ดูกันด้วย
ไม่ว่าเราจะทำได้แค่อ่าน หรือดูของคนอื่น มันก็สนุกแล้ว แต่ถ้าได้ลองออกเดินทางด้วยตัวเองล่ะก็ มันจะยิ่งสนุกกว่านี้อีก เชื่อสิ ถ้ามีเวลา ก็อยากจะให้ลองดูนะ เริ่มจากใกล้ๆ บ้านก่อนก็ได้ เราเชื่อว่าทุกๆ สถานที่มันมีอะไรแอบซ่อนอยู่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in