เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
WHAT i've WATCHEDsujira_lr
พูดถึงละคร BLINK: เพราะรักคืออะไรก็ได้ที่คุณรู้สึกว่า "ใช่"

  •                                        (รูปภาพจาก Facebook Page: Drama Arts Chula ค่ะ)

    เราได้มีโอกาสไปดูละครเวทีเรื่อง Blink ของภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมา ละครเรื่องนี้เป็นบทละครของ Phil Porter ที่เป็นนักเขียนบทละครเวทีชาวอังกฤษ จัดแสดงมาหลายที่มาก โดยที่แรกเลยคือ Soho Theatre


    Blink เป็นเรื่องราวของความเหงา ระยะห่าง และความรักที่ไม่เป็นไปตามสูตรสำเร็จที่ใคร ๆ เชื่อกัน

    เรื่องมีอยู่ว่า “โซฟี่” หญิงสาวที่ใครต่อใครบอกว่าเธอดูไม่มีตัวตนได้สูญเสียพ่อที่เป็นคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกมีตัวตนไป เธอเผชิญกับความเศร้า โดดเดี่ยว จนวันนึงเธอก็ส่งจอมอนิเตอร์ไปให้ “โจนาห์” ชายหนุ่มที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ชั้นล่าง เมื่อโจนาห์เปิดจอมอนิเตอร์มาก็เห็นโซฟี่ และจากนั้นเขาก็เริ่มเฝ้ามองโซฟี่จากจอนั้นทุกวัน เริ่มทำกิจกรรมต่าง ๆ ไปพร้อมกันจนเกิดเป็นความรัก…


    เราชอบการที่ละครต้องการถามเราและท้าทายความเชื่อเรื่องความรักแบบเดิมของเรา เราอาจจะมองว่า “ความรักของตัวละครทั้งสองเป็นความรักจริง ๆ เหรอ?” หรือเราอาจจะเชื่อได้อย่างสุดใจว่ามันคือความรักก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเรามองความรักว่าเป็นแบบไหน และในเมื่อความรักของตัวละครสองตัวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในรูปแบบที่คนส่วนใหญ่คิดและทำกัน แบบนั้นมันจะยังเป็นความรักไหม? ตรงนี้น่าสนใจดี 


    อีกจุดที่เราชอบคือเนื้อเรื่องที่พูดถึงความเหงาและระยะห่าง เมือนกับช่วงที่โควิดระบาดและเราต้องอยู่ห่างจากเพื่อน ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ได้แบบแต่ก่อนแถมมีข่าวหดหู่ทุกวัน มันเป็นช่วงเวลาที่เหงาและเศร้ามาก ๆ เราเห็นความเหงาของโซฟี่หลังสูญเสียพ่อไป เธอเคยมีตัวตนในสายตาพ่อเสมอ เมื่อพ่อไม่อยู่แล้วเธอจึงอยากมีตัวตนในสายตาใครสักคน เธอจึงส่งจอมอนิเตอร์ไปให้โจนาห์ ชายแปลกหน้าที่อยู่ห้องชั้นล่าง  ตรงนี้เราแอบคิดว่าเหมือนเวลาคนไลฟ์ใน Facebook Instagram หรือ Social Media อื่น ๆ เลย หรือกลับกัน ช่วงโควิดที่ผ่านมาตอนเราเหงา ๆ เราก็ไปดูคนอื่นไลฟ์อ่านหนังสือ ไลฟ์ทำกับข้าวเหมือนกัน ตอนนั้นเรารู้สึกว่าการเฝ้ามองใครสักคนให้เราไม่รู้สึกเหงา ตรงนี้ก็เหมือนโจนาห์ที่เฝ้ามองโซฟี่ มัน relate กับเรามากกกก


    ในส่วนของฉาก เราชอบมาก ๆ เป็นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ใช้งานได้ดี เป็นฉากขาว ๆ ที่เจาะรูสี่เหลี่ยมไว้ วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ เหมือนหน้าต่างซ้อนกัน ฉากขาว ๆ นี้นี่แหละที่ทำให้ละครเรื่องนี้น่าสนใจเพราะระหว่างเรื่องนักแสดงต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างฉากพวกนี้ มันเพิ่มสีสันและความน่าสนใจให้ละครมาก พอมองภาพรวมมันก็น่ารักมาก ๆ ด้วย


    ถือว่าละครเรื่องนี้ทำให้เราหายคิดถึงโรงละครได้ดีเลย แถมยังทำให้เราได้ตั้งคำถามกับตัวเองในหลายเรื่องด้วย ประทับใจมาก หวังว่าจะได้ดูละครในโรงอีกเรื่อย ๆ หลังจากต้องดูผ่าน Zoom และคลิปวิดีโอมาตลอดตั้งแต่มีโควิด 

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    จากนี้จะมีสปอยล์ แต่จะพยายามไม่สปอยล์มากค่ะ 



    เราดูละครแล้วมาคิดว่าถ้าเราเป็นโซฟี่ นี่จะถือว่าเป็นความรักไหม เพราะความรักของตัวละครเริ่มจากการที่มีคนนึงเฝ้ามองอีกคนตลอดเวลา โซฟี่ก็รู้ว่าโจนาห์มองตัวเองอยู่ แต่โจนาห์ไม่รู้ว่าโซฟี่รู้ และไม่รู้ว่าโซฟี่อยู่ที่ไหน แต่พอมันมีเหตุการณ์ที่ทำให้โจนาห์รู้ โจนาห์ก็ตามโซฟี่ไปทุกที่ สำหรับเราตรงนี้แอบน่ากลัว5555 แบบว่า เหมือนมีใครตามติดชีวิตเราตลอดเวลา มันออกจะน่าอึดอัด แต่เพราะการที่โจนาห์ตามโซฟี่มันเลยทำให้นำไปสู่ความรักในช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นเป็นความรักที่ Challenge นิยามความรักของตัวเราเองอีก เพราะความรักของสองคนนี้ไม่ได้เริ่มจากการเจอกัน คุยกัน ศึกษากันแล้วคบกัน แต่มันเริ่มจากการเฝ้ามองและคอยติดตามกัน ไม่มีการพูดคุยกันแต่ทั้งสองคนไปไหนมาไหนด้วยกันทุกที่โดยรักษาระยะห่าง จนถึงจุดที่ทำให้ทั้งคู่ได้มาคุยกันต่อหน้า ตอนนั้นก็ยังถามตัวเองในใจว่าแบบนนี้จะเรียกว่าความรักไหมนะ โอเค สำหรับเรามันสามารถเรียกว่าความรักได้ แต่มันคือความรักจริง ๆ ใช่ไหม เราจะสามารถรักคนแปลกหน้าที่ตามเราไปเรื่อย ๆ จนเราเริ่มชอบการที่เขาตามเราแบบนี้ได้ใช่ไหม

    สำหรับเรา โซฟี่อาจจะเหมือนดารา โจนาห์เป็นแฟนคลับ เป็นคนที่รู้อะไรเกี่ยวกับโซฟี่หลายอย่างแต่โซฟี่กลับไม่รู้จักโจนาห์มากไปกว่าการที่โจนาห์คือคนเช่าอะพาร์ตเมนต์ชั้นล่างเลย พอมาคุยกันมันจะ awkward ไหมนะ 


    อีกเรื่องที่เราชอบคือการที่ตอนจบทั้งคู่ก็กลับไปอยู่ห้องของตัวเองแต่ก็ยังเป็นคนรักกัน อันนี้เราว่ามันก็ทำให้เราเห็นการอยู่ร่วมกันของคู่รักในอีกรูปแบบ บางทีการที่เป็นคนรักกันก็ไม่ได้แปลว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอด และการที่พวกเขาอยู่แยกกันก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักกันแล้ว บางครั้ง สำหรับบางคู่ การอยู่ด้วยกันแบบมีระยะยห่างก็อาจจะดีกว่า เห็นได้จากคู่นี้ที่สุดท้ายโจนาห์ก็เป็นฝ่ายมองโซฟี่ผ่านจออีกครั้ง ทั้งคู่ต่างอยู่ในห้องของตัวเองและทักทายกันเมื่อเจอกัน ถึงจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน ไม่ได้เป็นแบบคู่อื่น ๆ แต่นั่นก็คือความรักไม่ใช่เหรอ


    เราว่าละครเรื่องนี้ตั้งใจจะให้เราตั้งคำถามเกี่ยวกับความรักในความคิดของเรา “แบบนี้ถือว่าเป็นความรักไหม” เราอาจจะเห็นต่างไปจากใคร ๆ ก็ได้ แล้วก็ตามที่โจนาห์บอก “รักคืออะไรก็ได้ที่คุณรู้สึกว่าใช่” อันนี้ก็น่าจะเป็นคำตอบให้ได้เหมือนกัน ตราบใดที่คุณรู้สึกว่ามันใช่ มันก็คือความรักนั่นแหละ 




    ถ้าใครหลงเข้ามาอ่านแล้วอยากดูละครเวทีบ้าง ฝากติดตามเพจ Drama Arts Chula ไว้ด้วยนะคะ  เป็นเพจของภาควิชาศิลปการละครเอง ติดตามข่าวสารได้จากทางนั้นเลย ! มาดูกันว่าละครเรื่องต่อไปจะเป็นเรื่องอะไร !!!

    (ค่ะ ขายตรงกันแบบนี้เลย ฮ่า ๆ ) 


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in