ต้องบอกก่อนว่าปกติแล้วเราไม่ดูภาพยนตร์ฝั่งเอเชียเท่าไหร่ ยิ่งของญี่ปุ่นเรียกได้เลยว่าไม่เคยดูเลย เรื่องที่เข้าโรงเมื่อเร็วๆ นี้อย่าง Your Name หรือ Tomorrow I Will Date With Yesterday's You ก็ไม่เคยผ่านสายตาเราเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่างหนึ่งคือเราไม่ได้เป็นนักวิจารณ์หนังที่ดี บทความนี้เกิดขึ้นเพราะเราอยากแชร์ความรู้สึกของตัวเองให้คนอื่นอ่าน คิดซะว่ามาคุยกัน ชวนกันดูหนังดีๆ สักเรื่องแทนแล้วกันนะ
ปล. อาจจะมีสปอยล์เนื้อเรื่องเล็กน้อย แต่เอาจริงๆ ไม่น่าเสียอรรถรสเท่าไหร่เพราะเรื่องย่อก็พูดถึงตอนจบหมดแล้ว ไปดูหนังเรื่องนี้เหมือนเพื่อให้รู้สึกมากกว่าให้รู้เนื้อเรื่อง
20 ปี หลังการจากไปของแม่ ทาเอะ และ โย เดินทางกลับมาที่บ้านเก่าของพวกเธาซึ่งกำลังจะถูกรื้อถอน เพื่อเก็บของที่แม่เธอสะสมไว้ ทาเอะพบกล่องสีแดงที่เต็มไปด้วยสูตรอาหารที่เขียนด้วยลายมือของแม่ ในสูตรและจดหมายเหล่านี้ บอกเล่าเรื่องราวความรักระหว่างพ่อกับแม่ การเดินทางจากญี่ปุ่นเพื่อตามสามีไปใช้ชีวิตที่ไต้หวัน และช่วงเวลาสุดท้ายที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง เมื่ออ่านบันทึกจบ ทาเอะ ตัดสินใจทำตามสิ่งที่บันทึกบอกไว้ เธอเดินทางไปไต้หวันเพื่อติดตามวันเวลาและรำลึกถึงความรักของแม่ที่มีให้เธอ
ย้ำมาก ไม่ว่าคุณจะจอยหรือไม่จอยกับหนังแต่ยังไงคุณหิวแน่ๆ เพราะกว่าครึ่งเรื่องเกี่ยวกับการ
ทำอาหารของคุณแม่คาซึเอะ ฮิโตโตะให้ลูกๆ ทั้งสองคนทาน ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังญี่ปุ่นแต่เรื่องนี้ไม่ได้โฟกัสไปที่อาหารญี่ปุ่นทำนองข้าวหน้าปลาดิบหรือซูชิ แต่จะไปทางอาหารไต้หวันมากกว่า ทั้งบ๊ะจ่าง ทั้งคากิ แต่ยังไงก็ตาม มัน-น่า-กิน-มาก ดูจบแล้วอยากพุ่งตัวออกไปซื้อบ๊ะจ่างกินเลย
ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ Based on true story มันก็จะไม่หวือหวาอะไรมากนัก ไปเอื่อยๆ เนือยๆ ในบางช่วง แต่ก็ไม่ได้ยืดจนนอนหลับฝันดีนะ พอเริ่มเล่าถึงอดีตมันก็สนุกขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกลางเรื่องที่เรียกได้ว่าสนุกโคตรๆ เพราะมันขำมาก 55555555555555555 ขำกันลั่นโรงเลย เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากเพราะไม่คิดว่าจะมีมุมคอมเมดี้อยู่ด้วย ประทับใจมาก แต่คอมเมดี้ไม่อยู่กับเราตลอดไป มีเสียงหัวเราะแล้วก็ต้องมีรอยน้ำตา ด้วยอารมณ์ที่คอนทราสต์กันและความน่ารักของคุณแม่ที่ทำให้เราหลงรัก มันก็เลยทำให้รู้สึกใจหายไปกับลูกๆ ด้วยเมื่อรู้ว่าคุณแม่เป็นมะเร็ง
คุณแม่ฮิโตโตะ รับบทโดย มิชิโกะ คาวาอิ ซึ่งเล่นได้น่ารักมากๆ แม้ว่าเราจะแอบรำคาญตอนแรกไปหน่อย คือตอนคุณพ่อมาจีบคุณแม่เนี่ยนางก็จะมีความเขินอายเล็กๆ ก็ตามสไตล์ญี่ปุ่นนะคือทำตัวแบ๊ว ทำปากบึน ทำท่าหงุงหงิงๆ แต่คนเล่นจะ 50 อยู่แล้วอ่ะ เลยรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ แต่พอเวลาผ่านไป ลูกๆ โตขึ้นจนอายุราว 20 ปีได้ คุณแม่ก็น่าจะอายุราวๆ คุณมิชิโกะแล้ว เราก็อิน เริ่มรู้สึกว่า เออ คุณแม่น่ารักมาก จากตอนแรกที่จะเล่นแนวแบ๊วนิดหนึ่ง (ในบทน่าจะยังสาวอยู่อ่ะตอนนั้น) ก็กลายเป็นคุณแม่ใจดี น่ารัก และที่สำคัญตลกเป็นบ้า 555555555555555 นางเป็นคนที่พลังเยอะมาก ดูกะตือรือร้นตลอดแล้วก็ใจสู้มากด้วย ภายนอกอ่อนโยนแต่ภายในแข็งแกร่ง นางไม่เคยตวาดลูก พูดจาแย่ๆ ใส่แต่เลี้ยงเหมือนเพื่อน เลี้ยงด้วยความเข้าใจอ่ะ ทำให้เราคิดถึงแม่ตัวเอง และแน่นอนแม่เราทำกับข้าวอร่อยมากเลยยิ่งเหมือนกันเข้าไปใหญ่
ซีีนของคุณแม่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทำกับข้าวตามชื่อหนังเนี่ยแหละ ที่เป็นอาหารไต้หวันเพราะลูกๆ ทั้งสองคนชอบ แล้วก็เป็นของถนัดของคุณแม่ด้วยเนื่องจากโดนแม่สามีเคี่ยวให้ทำตลอดตอนอยู่ไต้หวัน มีหลายซีนไม่ว่าจะเป็นทาเอะ โยจัง หรือเพื่อนๆ ของทั้งสองคนนี้ก็จะพูดถึงว่าคุณแม่ทำอาหารอร่อยๆ มาก ไม่มีใครทำ...(ชื่ออะไร)อร่อยเท่านี้อีกแล้ว ซึ่งประโยคนี้มันวนเวียนอยู่ในใจเราตลอดเวลาที่เราไปอยู่หอเลยแหละ คิดถึงกับข้าวแม่ชะมัด ความอิน +100 กันเลยทีเดียว
นี่เป็นเรื่องที่เราทุกคนต่างก็รู้ดี ต่อให้เราอยากให้แม่อยู่ไปนานแค่ไหน แต่วันสุดท้ายของแม่ก็ย่อมมาถึงสักวันหนึ่ง วันสุดท้ายของคุณแม่คาซึเอะก็เข้าใกล้มาทุกทีหลังรู้ว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตามคุณแม่ที่เข้มแข็งก็ยังเป็นบุคคลที่เข็มแข็งเหมือนเดิม ตลอดทั้งเรื่องเราไม่เห็นเลยว่าคุณแม่จะบ่นว่าเจ็บตรงนั้น ปวดตรงนี้ นางยังทำอาหารให้ลูกเหมือนเดิม เป็นคนร่าเริง สนุกสนานเหมือนเดิมถึงจะดูเนือยไปจากตอนก่อนหน้าก็ตาม
แล้ววันสุดท้ายของคุณแม่ก็มาถึงจริงๆ จากบ้านที่เคยมีเสียงหัวเราะ มีอาหารอร่อยๆ ตั้งอยู่บนโต๊ะ ทุกสิ่งมันหายวับไปเลยเมื่อคุณแม่จากไป ตอนทาเอะชวนโยจังกินข้าวทำเราให้เราคิดว่าเมื่อแม่ไม่อยู่แล้ว แต่ทุกๆ อย่างในบ้านยังทำให้เราคิดถึงแม่ เราจะเป็นยังไงบ้างนะ
หนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกหม่นถึงขนาดร้องไห้ แต่ด้วยความที่มันเล่าเรื่องมาเรื่อยๆ เห็นพัฒนาการของตัวละคร เราเห็นเรื่องราวของคุณแม่ ความสุข ความทุกข์ ทุกอย่างๆ ทำให้เราผูกพันกับตัวละคร เหตุหนึ่งก็เพราะว่ามันเรียลจนรู้สึกจับต้องได้ด้วยแหละ ทุกๆ องค์ประกอบทำให้เราคิดถึงเรื่องราวของตัวเอง คิดถึงความรักของแม่ คิดถึงกับข้าวที่แม่ทำ แล้วก็รู้สึกอิ่มเอม อบอุ่นหัวใจมากกว่าอยากร้องไห้ออกมา ตอนจบยังมีฉากทะเล้นๆ ของคุณแม่อีก ก็เลยทำให้เราไม่รู้สึกว่ามันเศร้าอะไรมากนัก
ถ้าชอบหนังที่รวบรัดฉับไว หรือดราม่าสุดๆ ก็คงต้องบอกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ทาง ที่บอกว่ามันเนิบคือมันเนิบจริงๆ นะ เนื้อเรื่องก็ธรรมดาๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราก็คือความรู้สึกที่เราได้รับหลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ รู้สึกอบอุ่นๆ แบบแอบอมยิ้มให้หน้าจอเมื่อเอนเครดิตขึ้น ชวนให้นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ แล้วก็มีความสุขอย่างน่าประหลาด อะไรทำนองนั้น
เพลงประกอบชื่อว่า "Sorene" เพราะมากกกกกกกกกก อยากให้ไปฟัง คนร้องก็คือคุณ โย ฮิโตโตะ คนน้องในเรื่องนี่แหละ
ไปละ แม่เรียกกินข้าวแล้ว :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in