เข้าฉายให้ได้ชมกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา
สำหรับภาพยนต์ที่แฟนๆเจ้าหญิง Disney รอชมกันทั่วโลกอย่าง..   
" Beauty and the Beast "  
การ์ตูนเจ้าหญิงจากค่ายมิกกี้เมาส์ ที่ตราตรึงความฮิตในใจเด็กๆทุกยุคทุกสมัย
ได้นำมาสร้างและเข้าฉายในรูปแบบ Live Action 
ซึ่งนำแสดงโดยสาว   Emma Watson    และ   Dan Stevens  
ที่มารับบทเป็น  ' โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ' 
สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจมากๆ จากภาพยนต์เรื่องนี้คือการเป็น ' Musical '  
ที่เพลงในภาพยนต์นั้นไพเราะติดหูเอามากๆ 
ดูเสร็จออกจากโรงฯ มาแล้ว ถึงกับ Search หาเลยทีเดียว
มาให้สาวกเจ้าหญิง และแฟนๆภาพยนต์เรื่องนี้ได้เข้าไปฟังกัน
เริ่มเพลงแรกกันด้วย    " Belle  "      เพลงเปิดตัวนางเอกเจ้าหญิงของเรา
ที่ท่อน " บ่องชู   บ๊องชู่ !  บองชู่   บองชู่ว์   บ๊องโฉ่ว์ ~ "  
ฮิตติดหูสุดๆ ด้วยการไล่โน๊ตเสียงสูงต่ำของคำในท่อนนี้
ที่ฟังแล้วน่าเลียนแบบ ไปทักเพื่อนเอามากๆ
VIDEO 
และหนึ่งในซีนที่    Emma     เล่นได้น่ารักสมเป็น   Belle    สุดๆ
คือซีนที่เราเรียกว่า   ' Madam Gaston '     นั่นเอง โดยทาง Disney Music VEVO 
ก็ได้ทำ  Reprise   Version   ในซีนนี้ออกมาด้วยแหละจ้า
คือเพลง   "  Belle (Reprise)  "
ต่อกันด้วยเพลง   "  Gaston   " 
เพลงที่บ่งบอกถึง Gaston ชายผู้หลงรัก และต้องการที่จะครอบครองเบลล์
ที่เด็กๆต่างยกตำแหน่ง ตัวร้าย  ของเรื่องนี้ให้เขานั่นเอง
ซึ่งฉากในภาพยนต์ซีนนี้ อลังแบบฟุ้งๆ ครบรสชาติสุดๆ ใครที่ยังไม่ได้ไปดู หรือกำลังจะไปดู
เราแนะนำว่าซีนนี้เป็นหนึ่งในซีนที่ โฟกัส ไว้ได้เลย
เพราะเป็นหนึ่งใน Musical Sence  ที่เราชอบมากๆ
ด้วยอารมณ์ของนักแสดง การไล่โน๊ตตามฉบับ Musical 
รวมถึงเนื้อหาของเพลงที่ต้องการจะบ่งบอกตัวละครตัวนี้นั้นน่าประทับใจเอามากๆ
เพลงต่อมาได้แก่     "  Be Our Guest    "
ซีนที่บรรดาสิ่งของต่างๆ เชิญชวนเบลล์ไปทานอาหารค่ำในปราสาทนั่นเอง
กราฟฟิคซีนนี้ทำเอาเราสะพรึงไปเลยทีเดียว บันเทิงตามากๆ
อาจเพราะทุกอย่างลงตัวทั้ง แสง สี และเสียงจากเพลงนี้
ทำให้ดูเป็นกราฟฟิคซีนที่ความบันเทิงอลังสมกับชีวิตเจ้าหญิงในปราสาทมากๆ
ต่อกันด้วยเพลง    "  Evermore     " 
ที่ร้องโดยเจ้าชายอสูร  ผู้รับบทโดย  Dan Stevens 
ในฉากที่เจ้าชายปล่อยให้เบลล์กลับไปหมู่บ้านเพื่อช่วยพ่อของนาง
Musical Sence นี้เราก็ประทับใจอย่างมากอีกซีนนึง
เพราะการวิ่งขึ้นปราสาทไปขับร้องไปของเจ้าชาย
ดูเป็น Movement ที่สะกดสายตาสุดๆ
หรือจะเป็น   "  Evermore     "   อีก Version ที่ขับร้องโดย   Josh Groban 
ก็ไพเราะไม่แพ้กัน โดย 3D ประกอบเพลงนี้ดึดดูงสายตาเรามากๆ
ความน่าดูอยู่ที่การเป็นภาพนิ่งที่ฉากเคลื่อนไหวนั่นเอง
นอกจากนี้แล้วเวอร์ชั่นนี้ยังเคยปรากฎอยู่บนแผ่นฟิล์มของ Beauty and the Beast 
ในปี ค.ศ.1991 มาแล้วด้วยนะเออ
และอีก Version ได้แก่   "  Evermore     "   โดย    Alan Menken 
ใครที่ชอบแนว Real Musical อาจจะชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่า 2 เวอร์ชั่นข้างบนจ้า
เพลงต่อมาคือ    "   Aria     "    ที่ถูกขับร้องโดยคุณป้า   Audra McDonald  
เพลงในซีน เต้นรำหมู่  สุดอลังการ ด้วย Costumes แบบฝรั่งเศษ 
และเสียงอันทรงพลังของคุณป้า Audra 
ทำเอาเราตะลึงกับความอู่ฟู่ของชุดเต้นรำ ที่นักแสดงสวมใส่ไปครู่ใหญ่กันเลยทีเดียว
เพราะด้วยความพริ้วไหว และท่าเต้นที่รื่นเริง ประกอบกับเสียงขับร้อง
ทำให้ซีนนี้เป็นซีนเต้นรำในงานเลี้ยงหมู่ตามแบบฉบับของ Disney ที่เรารอคอยอย่างแท้จริง
และเพลง    "   Aria     "   ยังมีอีก Version สั้นๆ โดย  Alan Menken 
อีกด้วยซึ่งจะให้อารมณ์ที่แตกต่างกันนิดหน่อย แต่น่ารักเหมือนกันนะ ;)
ต่อที่เพลง    "   The Mob Song     "  
เพลงในซีนตามฆ่าอสูร ที่นำทัพบุกปราสาทโดย Gaston  กันเลยจ้า
และมาต่อด้วยอีกเพลงที่ไพเราะมากๆ คือ   "   How Does A Moment Last Forever     "
เป็นอีกเพลงที่ถูกขับร้องไว้หลาย Version ด้วยกัน และแต่ละเวอร์ชั่นก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป
มาฟังกันที่เวอร์ชั่นแรก โดย    Céline Dion    
ที่เคยอยู่บนแผ่นฟิล์มของการ์ตูนเรื่องนี้ในปี ค.ศ.1991 มาแล้ว
เช่นเดียวกับเพลง  Evermore    ที่ถูกขับร้องโดย   Josh Groban  เช่นกัน
และ  Version  ที่สอง   "   How Does A Moment Last Forever     "  
ที่มาในแบบ   Montmartre  
โดยเสน่ห์ของเพลงนี้ คือการเล่นกับจังหวะของเมโลดี้
ที่ฟังแล้วจะให้อารมณ์ขึ้นๆลงๆของโน๊ต ทั้งเสียงร้อง เพลงเสียงดนตรี
อีก 2 เวอร์ชั่นต่อมาเป็น    "   How Does A Moment Last Forever     " 
ในรูปแบบของ  Music Box   ที่ฟังแล้วรู้สึกสบายๆ 
และดนตรีประกอบก็ออกจะน่ารักเสนาะหู
อาจเพราะเป็นดนตรีประกอบของ Music box ไขลาน
เลยทำให้เพลงนี้ ในทั้ง 2 เวอร์ชั่น นี้ดูน่ารักน่าฟัง 
ชวนหวลความทรงจำกับการ์ตูนเรื่องนี้ในวัยเด็กขึ้นมาเลยทีเดียว
 "   How Does A Moment Last Forever     "  ในรูปแบบของ   Music Box  เวอร์ชั่นแรก 
มีเสียงของการเป็นดนตรีไขลานแบบแหลมอยู่หน่อยๆ
 "   How Does A Moment Last Forever     "  ในรูปแบบของ   Music Box  เวอร์ชั่นที่สอง  มีความทุ้มของดนตรีไขลานมากกว่าเวอร์ชั่นแรกนิดนึง และจังหวะการร้องต่างกันนิดหน่อย
ปล่อยออกมาอีก 2 เวอร์ชั่นเช่นกัน  ได้แก่เพลง  "   Days In The Sun    " 
ในรูปแบบที่มีเสียงร้องของผู้หญิง 
และอีกเวอร์ชั่นของ      "   Days In The Sun    "    
ที่มีเสียงขับร้องในแบบของผู้ชาย ให้อารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่ชวนฟังทั้งคู่เลย
ถึงคิวของเพลงชูโรงอย่าง     "    Beauty and the Beast     " 
ที่ถูกปล่อยออกมาทั้งหมด 3 เวอร์ชั่น ด้วยกัน
โดยเวอร์ชั่นแรก  คือ   "    Beauty and the Beast     "  ที่ได้ศิลปินแรงดึงดูดสูงอย่าง
ทั้งเสียงร้องของทั้งคู่ และ Music Video เพลงนี้ ทำให้เราประทับใจมากๆ
โดยเฉพาะการหุบ - บานของดอกกุหลาบ โดยเหล่า Dancer   
รอบๆ  Ariana Grande   ในช่วงนาทีที่ 0.43 - 1.00 
เวอร์ชั่นต่อมาของ   "    Beauty and the Beast     "  ที่ได้รับการขับร้องโดย   Emma Thompson 
และเวอร์ชั่นสุดท้ายของ    "    Beauty and the Beast     "  ที่มาแบบ Finale
ความน่าฟังของ Version นี้ คือเสียงร้องมีความเป็น  Ballad   อยู่หน่อยๆนั่นเอง
เพลงสุดท้าย ที่เรายกมาไว้ท้ายสุด คือเพลง     "   Something There     "
ที่ตอนนี้ฮอตฮิตสุดๆ และยังเป็น 1 ในเพลงที่ครองใจเด็กๆเอามากๆ อีกด้วย
โดยเป็นเพลงในซีน ปาหิมะ ของเบลล์กับเจ้าชาย   ที่สวนหน้าปราสาท
ที่ถูกแปลเป็น Multi-Language ถึง 17 ภาษาด้วยกัน
นอกจากนี้แล้วเพลงหลายๆ เพลง ในภาพยนต์เรื่องนี้
ได้รับการ  Compose     โดย   Alan Menken  นั่นเองแหละจ้า
ใครที่กำลังอยากฟังเพลงประกอบจากภาพยนต์เรื่องนี้
สามารถเข้าไปฟังใน Youtube ได้เลยจ้า
หรือดาวน์โหลดผ่านช่องทาง Official ต่างๆของ Disney กันได้เลย
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก  http://universalmusic.co.th/?p=2956 http://www.billboard.com 
				 
			
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in