เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แอบอ่านไดอารี่.. 2009 เกาหลีเบื้องต้น101keep an ire on him
2009 เกาหลีเบื้องต้น101 - Day 1/6
  •        ฉันถูกใจกลอนประตูที่ guesthouse แห่งนี้มากจริงๆ กลอนอัตโนมัติเป็นระบบรหัสสี่หลักทั้งประตูเข้าบ้านและประตูห้องนอน คนลืมของบ่อยๆอย่างฉันจะได้เที่ยวอย่างสบายใจ ประตูใหญ่เป็นรหัสที่ทางพี่ชายตั้งไว้ใช้ด้วยกันทั้งบ้านแต่สำหรับประตูห้องนอนของเรานั้น เราถือวิสาสะตั้งเองได้ จะรู้กันเฉพาะพี่ชายและเราเท่านั้น

           ฉันลากกระเป๋ามาวางในห้อง กลอนล็อคประตูอัตโนมัติทำหน้าที่ของมันเรียบร้อยแล้ว สายตาและมือไม้ของฉันเริ่มอยู่ไม่สุขซะแล้วสิ ฉันเอื้อมมือไปเปิดม่านหน้าต่างดูพิกัดว่า ตอนนี้ฉันอยู่ตรงส่วนใดของอินซาดง เมื่อฉันมองตรงไป ฉันก็ไปเจอะเข้ากับผนังตึกด้านหนึ่งของ Ssamziegil ดีจัง ใกล้แค่นี้เองนะเนี่ย ความร้อนจากแสงแดดทำให้ฉันตัดสินใจปิดหน้าต่างและเปิดเครื่องปรับอากาศ 

           มาถึงตอนนี้ฉันก็ง่วงมากแล้ว หันไปมองเตียงนอนอย่างอาลัยอาวรณ์ หากได้ล้มตัวลงนอนแล้ว เจอกันอีกทีพรุ่งนี้เลยแน่ๆ ฉันเลยตัดสินใจไปใช้บริการห้องน้ำเสียหน่อย แต่ละชั้นจะมีห้องน้ำที่สามารถอาบน้ำได้ 1 ห้อง และห้องน้ำอีก 1 ห้อง ของที่อยู่ในห้องน้ำพี่ชายบอกว่า ใช้ได้ทั้งหมด ทั้งสบู่ แชมพู ยาสีฟันหรือแม้กระทั่งแปรงสีฟันและมีดโกนหนวด หลังจากพิจารณาหนวดตัวเองแล้ว ฉันคิดว่าน่าจะแค่จัดการล้างหน้าและอาบน้ำเท่านั้น


           หลังจากรู้สึกตื่นมาได้นิดหน่อย ฉันตัดสินใจไปเดินเล่นที่ Ssamziegil ดีกว่า ปกติฉันเป็นคนไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะหรือมีความวุ่นวายมากๆ แต่กับที่ Ssamziegilมันทำให้ฉันมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไปหมด ข้าวของต่างๆ จากร้านค้าล๊อคเล็กบ้างใหญ่บ้าง ที่อยู่ที่นี่ ล้วนน่าสนใจและต้องตาต้องใจคนอย่างฉันเหลือเกิน มันเป็นแหล่งรวม ไอเดียสดใหม่ ที่ทำขึ้นเอง ทั้งเครื่องประดับกาย เช่น สร้อยคอต่างหู หรือ เครื่องประดับสิ่งของ เช่น พวงกุญแจ ที่ห้อยโทรศัพท์ ไหนจะมีเสื้อผ้า หมวกหน้าตาเก๋ๆ แถมยังไม่พอร้านเครื่องเขียนน่ารักน่าชังก็พลอยมากระจุกอยู่ที่นี่กับเขาด้วย พื้นที่ว่างตรงกลางจัดเป็นซุ้มขายอาหารว่างที่ฉันดูๆแล้วคิดว่าหนักพอที่จะเป็นอาหารหลักได้เลยล่ะ ฉันเพลิดเพลินกับการดูสินค้าโดยหลงลืมไปเลยว่าจากชั้นหนึ่งจนมาถึงชั้นสุดท้ายนี้ ฉันยังไม่ได้ขึ้นบันไดมาเลยซักขั้น นี่ขนาดตึกยังแสดงไอเดียสดใหม่เลยนะนี่นะ

            ฉันเดินไปเรื่อยๆ เหมือนเด็กเดินตามลูกกวาด มันน่าตื่นเต้นทุกก้าวที่ก้าวออกไป ฉันเดินมาถึงชั้นบนสุดที่เป็นที่ตั้งของสวนเล็กๆให้ชมวิวและมีร้านขายน้ำปั่นให้ลองลิ้มรส ฉันตัดสินใจเดินลงบันไดกลับลงมายังชั้นล่างสุด และแล้วฉันก็มาหยุดอยู่ที่ปากทางเข้าที่มีป้ายสีแดงสดเขียนว่า SsamzieMarket ตลาดที่แอบซ่อนตัวอยู่ในซอกหนึ่งของตึกเมื่อเดินเข้าไปจะพบกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายเยอะแยะมากมายที่สมองของฉันลงความเห็นแล้วว่า "ถูกจริตกับฉันที่สุดแล้ว" ข้าวของหน้าตาแปลกๆแต่มีแรงดึงดูดมากพอที่จะพาวัยรุ่นเดินเข้าออกสำรวจอยู่ไม่ขาด ฉันหมายตา หมายหัวของที่ฉันชอบเอาไว้หวังว่าถ้าโชคดีพอที่เงินจะเหลือให้ฉันพาของเหล่านั้นกลับบ้านกับฉันด้วย ฉันจะกลับมารับในวันสุดท้ายที่เหลือของฉัน

         ฉันเดินออกมาจาก Ssamziegil ด้วยอารมณ์เหมือนเด็กเพิ่งออกมาจากสวนสนุก ฉันยังมีอารมณ์สนุกสนานมันยังค้างอยู่ที่ปลายขา ติดอยู่ที่ปลายจมูก ฉันจำกลิ่น Ssamziegil ได้แล้ว ฉันอยากลองดมเมียงดงดูมั่ง ฉันตัดสินใจนั่งรถไฟใต้ดินไปเมียงดง

    ..ฉันอยากรู้จังว่าเมียงดงจะมีกลิ่นอะไรดีๆมาอวดฉันบ้าง..


         การเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน สะดวกรวดเร็ว และถูกสำหรับการเดินทางคนเดียว จากอินซาดงไปเมียงดง (Myeongdong) สนนราคาอยู่ที่เก้าร้อยวอนระบบขนส่งมวลชนของที่นี่สะดวกและมีมากมายให้เลือกหลายรูปแบบ รถเมล์มากมายหลายสีวิ่งสวนกันขวักไขว่ แต่สำหรับคนไม่รู้ทางอย่างฉันยังไม่อยากเสี่ยง ฉันใช้บัตร T-Money ที่ซื้อมาเมื่อเช้าจัดการพาตัวเองเข้าไปในชานชาลา การใช้งานของบัตรนี้ไม่ต่างจากที่กรุงเทพฯ เพียงแค่แตะบัตรไว้ระบบจะหักเงินจากบัตรไปเก้าร้อยวอนพร้อมบอกยอดเงินคงเหลือให้เราทราบ

            ฉันโผล่ออกมาทางออกเบอร์อะไร ฉันเองก็ไม่ได้จำซะด้วยฉันเลือกทางนี้เพราะฉันเห็นว่ามันไม่ค่อยได้รับความนิยมซักเท่าไหร่ ฉันเดินขึ้นมาพบกับร้านกาแฟ Pascucci ฉันไม่รู้พิกัดของเมียงดง ฉันเลยเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาเรื่อยเปื่อย จนมาเจอเข้ากับร้าน Outback Steakhouse ที่มุมถนน มันช่าง
    เหมือนภาพเดจาวูซะเหลือเกิน นี่ฉันยังเดินอยู่ที่อังกฤษหรือนี่ ก็เมื่อมองจากมุมนี้มันคล้าย Poland Street ใน London จริงๆนะ จากตรงนี้ฉันมองตรงไปยังสุดปลายถนน ฉันมองเห็นคลื่นมหาชนมากมายเหมือนกำลังเดินพาเหรดกันอยู่เพียงแต่ไม่มีวงดุริยางค์และทุกคนไม่ได้เดินไปในทิศทางเดียวกัน

              ฉันได้ยินสมยานามของเมียงดงมาว่าเป็นสยามแสควร์เกาหลี ฟังแล้วก็ดูจะไม่ผิดนัก ร้านรวงมาก
    มาย คนเดินก็มากมายตามไปด้วย ร้านค้ามีทั้งตึกชั้นหนึ่ง ชั้นสองหรือจะเป็นรถเข็นที่จอดแน่นขนัดอยู่กลางถนน สินค้าหลากหลาย ปะปนกันไปคุณอาจพบรถเข็นขายอาหารว่าง จำพวกมันฝรั่งทอด แมลงต้ม สลับกับรถเข็นขายแว่นกันแดดหรือกระเป๋าต่างๆ ก็ดูจะเข้ากันได้ ไม่แปลก

         เมียงดงมีสิ่งที่ทำให้ฉันได้อมยิ้มอีกแล้วฉันไม่ได้อมยิ้มให้เฉพาะคู่รักที่เดินจูงมือกันมาหรอกนะ ฉันอมยิ้มให้พริตตี้เครื่องสำอางค์สาวที่แต่ละเจ้า แต่ละแบรนด์ ขนกันมาประชันกัน บางร้านถึงกับติดไมโครโฟนและเครื่องขยายเสียงเพื่อที่จะได้ชัยชนะจากร้านฝั่งตรงข้าม บางร้านแต่งตัวคล้ายกับออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น พากันร้องเรียกลูกค้าผ่านเครื่องขยายเสียง บางเจ้าถึงขั้นลงมาที่ถนนยื่นตะกร้าเล็กๆที่มีกล่องสำลีนอนรออยู่แล้ว หากเราเผลอเอื้อมมือออกไป อย่างไม่รั้งรอเธอผู้นั้นจะจัดการลากเราเข้าร้านทันที

              เมียงดงเป็นแหล่งรวมวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว เพียงแค่นั่งดูวัยรุ่นแต่งตัวเก๋ๆ ฉันก็สนุกไปด้วยแล้วดูเค้าเพลิดเพลินสนุกสนานในการแต่งกายทั้งชายและหญิง คุณผู้ชายจะได้ไม่เบื่อเวลาคุณผู้หญิงเดินเลือกซื้อของ เพราะหนุ่มๆที่นี่ก็คงซื้อของกันเก่งไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย    

    ฉันเดินดมดูของ เข้าร้านนู้น ดมร้านนี้ของมันน่าซื้อไปหมดเลย ฉันกำเงินในกระเป๋าแน่นด้วยกลัวจะเผลอใจไปกับของจุ๊กจิ๊กตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนี่น่ะสิ ฉันตั้งใจจะหมายตาไว้ เหมือนที่ฉันทำกับ Ssamziegil แล้วฉันจะกลับมารับนะ

              ฉันเหลือบดูนาฬิกา ตายล่ะ ฉันเพลินมากไปหน่อย นี่ใกล้หกโมงแล้วนี่นา ฉันมีนัดกับเพื่อนรักของฉันที่ ฮงแด ย่านกลางคืนที่เด็กซ่าๆ แซ่บๆ (ซึ่งไม่น่าจะใช่ฉัน) พลาดไม่ได้

    ..ฉันก้มลงมองพิจารณาทั้ง สมรรถภาพ สังขาร และสารรูปจะเป็นการหยามน้ำหน้าเจ้าถิ่นกันเกินไปรึเปล่านะ..

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in