ฉันหันหลังเดินออกจากพระราชวังคยองบกกว่าจะรู้ตัวอีกที ฉันก็มาหยุดอยู่ตรงถนนอินซาดง (Insadong) ซะแล้ว มาถึงตอนนี้ ฉันมีแค่นมกล้วย ขวดป้อม หอม หวานที่ฉันดื่มเข้าไปเมื่อเช้า ถึงแม้จะยังไม่รู้สึกหิวข้าว แต่ฉันหิวการนอนเสียแล้วตาฉันแสบและปรือ แทบจะต้านแรงโน้มถ่วงไว้ไม่ไหว ฉันตัดสินใจกลับมาเช็คอิน เข้าที่พักเสียก่อน เผื่อว่าการล้างหน้าล้างตาจะปลุกฉันขึ้นมาได้บ้าง
ฉันแวะเอากระเป๋าที่ร้านเครื่องปั้นดินเผาของพี่สาว พี่สาวใจดีโทรบอกพี่ชายเจ้าของที่พัก ว่าฉันมาถึงแล้วให้ลงมารับฉันข้างล่างด้วย ฉันลากกระเป๋ามาหยุดอยู่ที่หน้าตึก ฉันเจอพี่ชายยืนรอฉันอยู่แล้วและกำลังอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ พี่ชายบอกฉันเป็นภาษาอังกฤษแบบคล่องปร๋อว่า วันนี้ยุ่งมากๆ เพราะนักท่องเที่ยววัยรุ่นชาวเยอรมันกลุ่มใหญ่เพิ่งจะออกไปกัน นั่นหมายความว่าห้องของฉันยังคงไม่เรียบร้อย พี่ชายพาฉันเดินขึ้นไปบนตึกแห่งนี้ Ye-Ha-Do-Ye guesthouse ซึ่งให้บริการอยู่ที่ชั้นสาม, สี่, และห้าของตึก เรามาหยุดอยู่ที่ชั้นสี่ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องนอนสี่ห้อง ห้องนอนของฉันเป็นหนึ่งในนั้น พี่ชายขอเวลาสิบนาทีในการทำความสะอาด เสียงกุกกัก และเสียงเครื่องดูดฝุ่นดังออกมาจากห้องที่อีกสิบนาทีและต่อจากนี้อีกสี่วันจะเป็นห้องของฉัน
ฉันนั่งมองออกไปทางหน้าต่างตรงล๊อบบี้ของชั้นสี่ฉันมองเห็นตึกเขียนเป็น ภาษาเกาหลีอ่านได้ว่า ไลอ้อนซึ และยังเห็นหลังคาบ้านที่มีพลาสติกแผ่นยักษ์คลุมอยู่ ถัดไปอีกหน่อยฉันเห็นหลังคาโบสถ์ (มั้งนะ) ฉันเผลออมยิ้มไม่รู้ตัว ก็มันขัดกับหลังคาแบบเกาหลีเตี้ยๆที่อยู่ล้อมรอบน่ะสิเมื่อฉันหันกลับมาดูในล๊อบบี้ ที่นี่ดูเหมือนบ้าน host family ไม่ผิดเพี้ยนเพราะพื้นที่รับแขกเป็นที่ตั้งของ โซฟา โต๊ะทานข้าว เครื่องซักผ้า เตาทำกับข้าวซิงค์ล้างจาน ตู้เก็บจาน ตู้เย็น เครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็น หม้อหุงข้าว เตาไมโครเวฟคอมพิวเตอร์ พริ้นเตอร์ ไดร์เป่าผม หม้อต้มกาแฟ หนังสือไบเบิล พจนานุกรมเกาหลี-อังกฤษ-เกาหลี รวมไปถึงกองผ้าเช็ดหน้าที่เราสามารถหยิบจับไปใช้ได้
ฉันเอื้อมมือไปหยิบหนังสือ guestbook อ่านข้อความที่ฉันอ่านออกบ้าง ไม่ออกบ้าง และดูภาพประกอบน่ารักๆ ข้อความเหล่านี้เป็นคำในใจที่มาจากความในใจของผู้ที่มาพักก่อนหน้าฉัน ฉันเปิดไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ผู้ที่มาพักเป็นชาวญี่ปุ่น จีน เกาหลี และชาวยุโรปอีกนิดหน่อย ฉันเจอข้อความของชาวไทยหนึ่งคน ซึ่งมาพักก่อนหน้าฉัน 2 ปี
ฉันอ่านมันไปเรื่อยๆเพียงเพื่อฆ่าเวลาในการรอ และคงจะบ้ามากหากหวังว่าจะเจอคนรู้จัก แต่แล้วฉันก็เจอเข้าจริงๆฉันเจอข้อความของเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ฉันเข้าใจได้ว่าชื่อเหมือนกันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ตัวการ์ตูนที่เธอวาดไว้เปรียบเสมือนลายนิ้วมือยืนยันว่าเป็นเธอแน่นอน เธอมาพักที่นี่ ก่อนที่ฉันจะรู้จักเธอซะอีก
ซักพักหนึ่งพี่ชายก็เดินเข้ามาบอกว่าห้องฉันพร้อมแล้วพี่ชายชวนฉันกินซึงพยอน ขนมชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแป้งเหนียวๆ ใส่น้ำตาล ใส่งาใส่ถั่วต่างๆ เป็นขนมที่มักจะกินกันในช่วงวันหยุด Chuseok ฉันกล่าวขอบคุณและส่งเข้าปากไปหนึ่งชิ้น ให้อารมณ์เหมือนกินขนมเหนียวเพียงแต่ไม่มีน้ำอ้อย และมีธัญพืชผสมให้เคี้ยวกรุบๆ
พี่ชายเล่าให้ฟังว่านักท่องเที่ยวชาวไทยเลือกมาพักที่นี่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆเป็นเท่าตัว ฉันจึงเล่าให้ฟังถึงอาการเกาหลีฟีเวอร์ เขาดูประหลาดใจมาก ไม่นึกว่าศิลปินประเทศเขาสามารถทำให้วัยรุ่นไทยกว่าค่อนประเทศอยากมาฝากรอยเท้าไว้ที่นี่ ฉันเลยเล่าต่อไปอีกนิดว่า ซีรี่ย์ต่างๆ และนักร้องจากประเทศของพี่ชายนั้นมีอิทธิพลต่อวัยรุ่นในประเทศไทยมากทีเดียวพี่ชายยิ้ม นัยน์ตาดูภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด
พี่ชายถามฉันว่า ฉันเจอเวปไซต์ของพี่ชายจากที่ไหนฉันบอกว่า ฉันเจอจากเวปไซต์ของ KTO http://www.visitkorea.or.kr (มีภาษาไทยให้เลือกด้วยนะ) และสาเหตุที่ฉันเลือกที่นี่ เพราะคำว่า Insadong และรูปภาพห้องนอนที่ให้แสงนวลๆ ดูน่าอยู่ กอปรกับราคาที่ฉันสามารถจ่ายได้แบบไม่ลำบากมากนัก พี่ชายยิ้มแล้วบอกว่าฉันจะรักที่นี่ เพราะที่นี่เป็นเสมือนบ้าน ฉันยิ้มแล้วตอบพี่ชายว่าฉันรักที่นี่ไปตั้งนานแล้ว ตั้งสิบกว่านาทีมาแล้ว พี่ชายหัวเราะเสียงดังพลางเข็นกระเป๋ามาไว้ให้ฉันที่หน้าห้อง ฉันโค้ง “บอกขอบคุณและบอกยินดีที่ได้รู้จัก” เป็นภาษาเกาหลี ประโยคที่ฉันท่องมาตั้งแต่เมืองไทยฉันตั้งใจจะใช้ประโยคนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ฉันยิ้มกับตัวเองไม่รู้ว่าเพราะสาสมอารมณ์หมาย หรือฉันยิ้มให้เธอกันแน่
..ฉันยิ้มกว้างในใจมันกว้างมากนะ ไม่รู้ว่าเธอเห็นบ้างรึเปล่า..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in