เอดินบะระต้อนรับเราไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าลอนดอน นั่นคือมีฝนตกปรอยๆไปทั้งวันให้เราได้ชื่นใจ หลังจากลงเครื่องที่สนามบินเอดินบะระ เราก็นั่ง Airlink Bus จากสนามบินเข้าไปสู่ city center ของเอดินบะระ นั่นคือเราตั้งใจจะลงตรงป้าย Waverly Bridge ที่อยู่แถวสถานีรถไฟ Waverly ซึ่งเป็นสถานีรถไฟหลักของเอดินบะระ โฮสเทลที่ฉันจองมานั้นสามารถเดินไปได้จากป้ายนั้น ซึ่งเพื่อให้สมกับที่เที่ยวเองหลงเอง เราก็ต้องเดินหลงเป็นวงกลมเล็กๆ กว่าจะเจอโฮสเทล ก็เพราะว่า Google Map น่ะบอกเรามาถูกทางแล้ว แต่ว่าโฮสเทลที่เราจะพักน่ะอยู่ในตึกเล็กๆที่แบ่งชั้นกันกับที่พักเจ้าอื่นด้วย จึงไม่ได้มีป้ายใหญ่โตอะไรติดด้านบน เราต้องเดินวนรอบตึกจนมาเห็นป้ายที่ติดอยู่ตรงหน้าตึกถึงเห็นชื่อโฮสเทล Haystack ที่เราจะใช้เวลา 2 คืนที่นี่ก่อนเดินทางไป Inverness
ฉันจองห้อง Female Dorm 6 เตียงมา ซึ่งที่ชอบโฮสเทลนี้คือ อยู่ในตำแหน่งที่เดินเที่ยวที่หลักๆได้หมด แล้วก็เตียงนอนมีม่านปิดนี่แหละ แล้วพอมาเจอก็รู้สึกว่าโฮสเทลนี้โอเคตรงที่เขาจัดการส่วน Pantry และห้องนั่งเล่นได้ในขนาดที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับตัวโฮสเทล ห้องน้ำและห้องส้วมก็สะอาดดี ล็อกเกอร์ที่ให้ในห้องก็ขนาดใหญ่ แถมมีชั้นให้วางของ และส่วนที่ตากผ้าแบ่งสำหรับแต่ละเตียงเป็นสัดส่วนดี
เรามาถึงเอดินบะระ แบบยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน ฝนก็ตก อากาศก็เย็นๆ เราก็เลยว่ากินอะไรกันก่อนที่โฮสเทลแล้วค่อยออกไปเดินเที่ยวจะดีกว่า แล้วอาหารที่เหมาะกับบรรยากาศแบบนี้ก็คือ บะหมี่สำเร็จรูปที่ขนมาจากเมืองไทยสิคะ ความฟินอยู่ที่เป็นรสต้มยำกุ้งด้วย เพอเฟค ทำให้ฉันยิ้มออกได้
อุ่นท้องอิ่มพุงแล้ว เราก็ต้องไม่ให้น้ำจากฟ้ามาทำลายการท่องเที่ยวของมนุษย์เดินดิน เราก็เลยออกจากโรงแรมโดยมีเป้าหมายหาที่ร่มเดิน ร่มและฟรีด้วยก็ยิ่งดี นั่นก็คือ St Giles' Cathedral ถือว่าเป็นโบสถ์หนึ่งที่มีชื่อเสียงของเอดินบะระ ส่วนด้านบนที่มีโครงสร้างเหมือนมงกุฏก็เห็นได้เด่นชัดในน่านฟ้าของเอดินบะระ (ซึ่งแน่นอน จะเห็นชัดมากกว่านี้ ถ้าฟ้าไม่ปิด ฝนตก หมอกมาเยี่ยงวันที่ฉันไป) ส่วนด้านในก็ยังเปิดให้คนเข้ามาสักการะบูชา ซึ่งภายในนั้นก็สวยงามด้วยกระจกสี (Stained Glass) ที่ตกแต่งทั่วภายในตัวโบสถ์
ต่อจากโบสถ์ ที่ที่เรามุ่งหน้าไปก็คือNational Museum Of Scotland ซึ่งด้านในก็สวยงามดี แถมนิทรรศกาลที่มาจัดแสดงก็ไม่ได้ไก่กา ถึงแม้ว่าจะให้เข้าฟรีแบบนี้ เดินดูไปก็เพลินๆดี เราเดินกันจนเริ่มเหนื่อย ก็เลยนั่งพักในมิวเซียมสักพัก แล้วก็ตัดสินใจไปหาอาหารเย็นกินกัน ซึ่งก่อนมาเอดินบะระ ฉันก็พยายามหาดูว่ามีอะไรน่าไปลองบ้าง แล้วก็มาเจอสิ่งที่เรียกว่า Pull Pork Sandwich ที่เป็นหน้าตาดูเป็นเบอร์เกอร์มากกว่าแซนวิช โดยมีไส้เป็นหมูฉีกๆ ร้านที่มีชื่อเสียงคือ ร้านชื่อ Oink ที่มีมากกว่าหนึ่งสาขาในเอดินบะระ สิ่งที่การันตีความดังคือ นักท่องเที่ยวที่ยืนออกันหน้าร้านและมีคิวอยู่เพื่อรอสั่งเจ้า Pull Pork นี้
ฉันลองสั่งแบบออริจินัลคือเป็นหมูฉีกพร้อมซอสแอ๊ปเปิ้ล แล้วก็พบว่ามันไม่ได้อร่อยแบบที่คิด คือเอาจริงๆ ตอนแรกนึกว่าตัวหมูฉีกจะมีรสชาติอะไร เอ้า เป็นแบบพะโล้ก็ได้นะ แต่คือนี่เป็นหมูฉีกเพียวๆ เหมือนไม่ได้หมักไรเลย แล้วซอสแอ๊ปเปิ้ลก็พอช่วยได้ แต่กินไปกินมารวมๆกันก็แอบเลี่ยน ฝืนกินกันไปเท่าที่ไหว ด้วยความเสียดาย เพราะชิ้นหนึ่งก็ไม่ถูกนะ 5-6 ปอนด์ได้ กินกันอิ่มแล้ว ฝนก็ยังตกต่อ เราก็เลยว่า กลับโฮสเทลดีกว่า ไปอาบน้ำ นอนพัก ลุ้นพรุ่งนี้ให้ฟ้าเป็นใจ เพราะอยากไปเดินขึ้นเขา โอมเพี้ยง ขอให้ได้ไปเถอะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in