แต่อย่างที่บ่นในตอนก่อนหน้านี้ที่ว่า ฝนตกต้อนรับฉันในทุกที่ ดังนั้นก็เลยต้องลุ้นว่าวันที่ตั้งใจจะไป Arthur's Seat นั้น ฝนอย่าตกเลย ซึ่งเหมือนจะยังมีแต้มบุญ เพราะเช้าตื่นมาดูพยากรณ์ก็พบว่าถึงเมฆจะมาก บรรยากาศจะขมุกขมัว แต่ฝนจะยังไม่ตกจนกว่าจะหลังเที่ยง พวกเราก็เลยรีบทานอาหารเช้าและถามทางไป Arthur's Seat จากพนักงานโฮสเทล ซึ่งก็ไม่ได้ไปยากอะไร เดินไปสัก 15-20 นาทีก็ถึงทางขึ้นของเส้นทางไปยังจุดสูงสุดของ Arthur's Seat

Arthur's seat เป็นจุดสูงสุดของ Holyrood Park ซึ่งเป็นสวนที่อยู่ติดกับพระราชวัง Holyrood การเดินขึ้นก็ไม่ยากอะไรมาก มีเส้นทางที่ทำเป็นทางไว้ให้เราเดินขึ้นไป จะยากก็คงตรงช่วงใกล้ยอด ที่บางคนอาจต้องใช้มือดึงตัวเองขึ้นไปบ้าง แต่ว่ารับรองว่าวิวทั้งระหว่างทางที่ไป และบนนั้นก็สวยแบบน่าประทับใจ เพราะขนาดพวกเราไปช่วงที่เมฆเต็ม ยังรู้สึกว่าการมองลงไปเห็นเมืองเบื้องล่าง หรือการมองออกไปให้สุดขอบตา ก็ทำให้เรารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเทียบกับความเป็นมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราๆ

เราใช้เวลาสักพักกับการเดินขึ้นไป ถ่ายรูป ชื่นชมด้านบน แล้วก็พาตัวเองลงมา โดยก็มีจังหวะให้ลุ้นว่าฝนจะตก และก็มีการได้สัมผัสละอองฝน ไม่มากกว่าน้อย พวกเราแวะกลับไปกินอาหารกลางวันที่โฮสเทล ซึ่งถือเป็นการมาพักเอาไออุ่นให้ทั้งตัวและท้อง ฝนก็ตกลงมาให้เรารู้สึกสบายใจว่า ภารกิจแรกของวันจบลงด้วยดี หนีฝนทันจ้ะ

หลังจากฝนหยุดตก เราก็ออกไปปราสาทเอดินบะระ ที่ซื้อตั๋วจองเวลาไว้รอบบ่ายสาม เราเดินดูปราสาท ซึ่งเป็นสถานที่ก็ต้องมานะ ถ้าคุณมาเอดินบะระ พอจบการเดินรอบปราสาท เข้าห้องโน้น ออกห้องนี้ ดู Crown Jewel เราก็ไป Calton Hill ต่อ ซึ่งเป็นเนินเขาไม่ห่างจากโฮสเทลเรามาก และมีความสำคัญเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก โดยบนเนินเขานั้นมีหลายอนุสรณ์สถานตั้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็น National Monument, Nelson Monument, Dugald Stewart Monument, Robert Burns Monument, Political Martyrs' Monument

เราจบวันที่ Calton Hill เดินขึ้นทั้งเขาลูกเล็กและเขาลูกใหญ่ เขาที่เป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของธรรมชาติต่างหากนะ