ตอนเด็กๆ เราชอบเล่นเป็นนักธุรกิจมีเศษกระดาษทำเป็นเช็คเขียนตัวเลขที่มีศูนย์หลายๆ ตัว
เศษกระดาษที่มีมูลค่าศูนย์บาท
แต่มีค่าความสนุกอยู่ในนั้น
..
ตอนเด็กๆ เราเอากล่องพิซซ่าที่กินหมดแล้ววางไว้บนเบาะหลังจักรยาน
แล้วก็ขี่จักรยานวนในรั้วบ้านเพื่อส่งพิซซ่า
เรามีพี่เป็นลูกค้า แล้วก็มีแม่ที่โดนบังคับให้เป็นลูกค้าอีก1คน
..
ตอนเด็กๆ เรามีกระป๋องนมผงเก่าๆ กับช้อนตักนมผงที่แถมมาด้วยกัน
เราเอาทรายแถวกระถางต้นไม้ของแม่ตักใส่ลงไป โคตรสนุก
..
ตอนเด็กๆ เรามีพ่อเป็นเครื่องบิน บางวันก็เป็นรถ แล้วเราก็เป็นคนขับ
แต่บางวันพ่อก็เป็นหุ่นยนต์ซึ่งมีอาหารคือมันฝรั่งทอดกรอบ
มีปุ่มกดให้พ่อเคี้ยวหรืออ้าปากกินมันฝรั่งด้วย
เราเอาหมอนวางบนหลังพ่อที่นอนดูทีวี แล้วก็ทำมันเป็นเบาะ
เราขับรถแล้วก็ขับเครื่องบินไปทุกที่...
..
ตอนเด็กๆ เรามีแม่ที่เราบังคับให้เค้าเล่านิทานให้เราฟัง
แล้วก็มีพี่สาวที่ไม่ชอบเล่นด้วย
แต่เราก็ชอบเล่นจนพี่รำคาญแล้วเราก็โดนหยิกโดนตีกลับทุกทีเพราะเราเล่นไม่เลิก
..
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็ไม่เคยมีใครบอกให้เราทำแบบนั้น
แต่มันก็แค่เป็นไปแบบนั้น
และเรามีความสุขดี
เราไม่เคยรู้แล้วก็ไม่เคยสงสัยหรอกว่าตอนนั้นเพื่อนร่วมห้องตอนอนุบาลเล่นอะไรกัน
...
แต่พอโตมา เรื่องไร้สาระอย่างการเดินขึ้นบันไดเลื่อนกับการเดินขึ้นบันไดเอง
ก็สามารถทำให้เราสงสัยว่าแบบไหนมันจะเร็วกว่าจริงๆ
ว่ามันจะทำให้เรารีบไปรออะไรซักอย่างเร็วเกินไป
หรือว่ามันจะทำให้เราไปไม่ทันอะไรซักอย่างที่เพิ่งผ่านไป
ถึงแม้ว่าเราจะพยายามรีบแล้วก็ตาม
..
ความจริง
เราก็คงไม่รู้อะไรซักอย่าง
เราถึงได้ชอบพูดกันว่า"ถ้ารู้อย่างนี้..."
..
แล้วบางทีแม่ก็อาจจะบอกว่ารู้อย่างนี้จะไม่แต่งงานกับพ่อ
และถ้าแม่รู้อย่างนี้ก็อาจจะไม่มีพี่แล้วก็ไม่มีเรา
และบางครั้งในชีวิตก็ทำให้เรารู้สึกว่าถ้ารู้อย่างนี้
เราอาจไม่เกิดมา....
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ไหม.
since 2015
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in