One Shot: Fade
Lai Kuanlin x Yoo Seonho
ลมยามค่ำคืนกลางเดือนธันวาคมหอบเอาไอความเย็นพัดมาปะทะใบหน้าหนาวจนบาดหลังมือที่โผล่พ้นชายแขนเสื้อ ยูซอนโฮยืดตัวตรง แขนที่เคยใช้ค้ำราวระเบียงที่กั้นตัวเขาไม่ให้ร่วงลงไปจากความสูง 28 ชั้นขยับไปมาเพื่อถูฝ่ามือหวังไล่ความหนาว หากแต่สัมผัสยะเยือกเหล่านั้นก็ดื้อด้านเสียจนน่ารำคาญ
ชายหนุ่มทอดสายตามองแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องที่ตัดกับท้องฟ้าดำมืด นึกสงสัยว่าหากเป็นเขาเมื่อสองปีก่อนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ภาพตรงหน้าจะให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปไหม
จะเหงาน้อยกว่านี้ไหม
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในตอนที่ยูซอนโฮซุกมือทั้งสองข้างลงกระเป๋ากางเกง สองขายาวเดินไปยังทิศทางของเสียง หัวเสียนิดหน่อยเมื่อพบว่าที่ประจำของมันอย่างพื้นที่บนโต๊ะทำงานด้านขวาข้างแมคบุ๊กว่างเปล่าไร้วี่แววของอุปกรณ์ที่กำลังแผดเสียงอย่างต่อเนื่อง และก่อนที่จะหงุดหงิดมากไปกว่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลก็พบตัวต้นเสียงนอนหงายอยู่บนเตียง
ยูซอนโฮพ่นลมหายใจออกแรง อยากจะตำหนิตัวเองที่เผลอวางของใช้ไม่เป็นที่แต่กระแสความคิดก็สะดุดลง
วางไม่เป็นที่
ไม่ใส่ใจ
น่าขำเหลือเกิน
มือขวาดึงผ้าห่มสีขาวที่คลุมตัวเครื่องไปเกือบครึ่งออก ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอไม่ได้ทำให้ใจเต้นแรงเหมือนก่อน มุมปากไม่ได้ยกสูงขึ้น แววตายังคงเรียบนิ่ง
เป็นครั้งที่สามที่ยูซอนโฮถามคำถามเดิมกับตัวเอง
และเป็นครั้งที่สามที่ตัวเขาพบว่าคำตอบของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม
“เสร็จแล้วเหรอ”
“…”
“อ๋อ”
“…”
“ไม่เป็นไร”
“…”
“อืม”
“…”
“ให้ไปรับไหม”
“…”
“โอเค”
“…”
“เดี๋ยว ควานลิน”
“…”
“เปล่า ไม่มีอะไร ไว้เจอกัน”
ปลายสายตัดไปแล้ว บทสนทนาเมื่อครู่ไม่ได้ต่างไปจากที่เขาคาดเดาสักเท่าไร ยูซอนโฮวางโทรศัพท์ลงบนที่ที่มันควรจะอยู่ก่อนจะยิ้มเยาะกับตัวเองที่นึกอิจฉาได้แม้กระทั่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เย็นชืดไร้ชีวิต
นั่นสิ แม้แต่สิ่งของเย็นชืดไร้ชีวิตยังได้รับการเอาใจใส่มากกว่ามนุษย์ที่มีความรู้สึกอย่างเขาเลย
ยูซอนโฮพ่นลมหายใจยาวออกมาอีกครั้งหลังพบว่าความคิดฟุ้งซ่านในหัวดื้อด้านพอกันกับอากาศหนาวเหน็บนอกระเบียงนั่น ชายหนุ่มหมุนตัวไปยังห้องทานอาหาร มองความว่างเปล่าในนั้นอย่างคุ้นชินโต๊ะทานข้าวที่มีอาหารเพียงพอหรืออาจจะมากเกินพอเสียด้วยซ้ำสำหรับสองคนยังคงวางอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเมื่อสามชั่วโมงก่อน ยูซอนโฮทรุดตัวลงนั่งตำแหน่งประจำของตัวเองแล้วลงมือจัดการอาหารตรงหน้า แต่ทานไปได้ไม่นานก็ตัดสินใจรวบช้อนแล้วทิ้งหลังกับพนักเก้าอี้
เขารำคาญ
ความเงียบงันที่ดังก้องไปทั่วห้องมันน่ารำคาญเกินจะทนไหว
- - - - - - - - - - - - - - -
“ซอนโฮไม่โกรธเหรอ”
ไลควานลินชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงแล้วหันไปตอบคำถามของเพื่อนร่วมงาน
“ก็ไม่นะ”
“แต่ผิดสัญญากับเขาอีกแล้วไม่ใช่เหรอ”
ชายหนุ่มรัวปลายนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดทิ้งให้ความเงียบเป็นตัวสานต่อบทสนทนาของอีกคนอยู่พักใหญ่
“แล้วแดเนียลโกรธหรือเปล่าที่เลิกดึก”
“ก็ไม่เชิง น้อยใจปนคิดถึงอะไรทำนองนั้นมากกว่า” เสียงถอนหายใจดังชัดพอกันกับเสียงสบถของใครบางคนจากอีกฟากของห้อง “แต่อย่างว่า งานเรามันทีเวลาพักที่ไหน ลูกค้ารื้อบรีฟตอนสองทุ่มแล้วจะเอาภายในเที่ยงคืน หัวหน้าก็รับปากเขาไปดิบดี ไม่ถามลูกน้องสักคำ”
อีกครั้งที่ไลควานลินเลือกให้ความเงียบทำหน้าที่เป็นคู่สนทนาที่ดีแทนเขา ดวงตาสีนิลจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมินเฉยชิ้นส่วนความคิดที่เกาะกลุ่มเป็นก้อน ปล่อยให้เสียงจากปลายนิ้วที่เคาะตัวอักษรบนแป้นพิมพ์กะเทาะจนเปลือกนอกเริ่มปริร้าว
“แล้วเสียใจไหม”
ปลายนิ้วกระทบแป้นพิมพ์ครั้งแล้วครั้งเล่า
“อะไร”
ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ที่ทำให้แดเนียลรู้สึกแย่ไง เสียใจไหมซองอู”
และรอยร้าวที่เพิ่มมากขึ้น
“ก็ต้องเสียใจสิที่ทำให้แฟนรู้สึกไม่ดี”
มากขึ้น
“เหรอ”
มากจนไลควานลินนึกกลัว
“ใช่สิ ทำไม ไม่รู้สึกแย่หรือไงที่ทำซอนโฮเสียใจ”
กลัวสิ่งที่เขาพยายามเพิกเฉยมาตลอด
เสียงรัวแป้นพิมพ์หยุดลงแล้ว พร้อมกับที่รอยร้าวกินพื้นที่จนทั่วบริเวณ
ปริแตก
แยกออก
วินาทีนั้น ไลควานลินค้นพบคำตอบของความรู้สึกว่างเปล่าภายในใจ
- - - - - - - - - - - - - - -
“ทำคุณตื่นเหรอ โทษที”
ไลควานลินที่เพิ่งวางกระเป๋าลงบนโซฟากลางห้องรับแขกเอ่ยทักใครอีกคนที่เปิดประตูห้องนอนออกมา ยูซอนโฮเพียงส่ายหน้าเบา ๆ ตอบรับ ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งครู่หนึ่ง ปล่อยให้เสียงเข็มวินาทีตอกย้ำถึงกระแสเวลาที่ไหลผ่านตัวคนทั้งคู่ ย้ำเตือนให้รู้ถึงการมีตัวตนท่ามกลางความสับสนวุ่นวายที่แสนเรียบนิ่ง
“หิวไหม”
“แวะแมคไดรฟ์ทรูมาแล้วเมื่อกี้”
ยูซอนโฮยันตัวขึ้นจากการยืนพิงขอบประตู
“งั้นคุณไปอาบน้ำเถอะ จะได้พักผ่อน”
แล้วหันหลังเตรียมกลับเข้าห้อง
ไม่ใช่เพราะต้องการหลีกหนีจากความอึดอัด เปล่าเลย ความเงียบงันที่โอบล้อมรอบตัวพวกเขาไม่ใช่ความอึดอัด แต่เป็นความคุ้นเคย
และที่ตลกร้ายไปกว่านั้น ยูซอนโฮพบว่าในบางครั้ง ความเงียบงันนี้เป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมากกว่าใครอีกคนเสียอีก
“ซอน…โฮ”
เสียงเรียกชื่อเบาหวิวราวกับไม่แน่ใจแต่ก็ชัดเพียงพอที่จะตรึงสองขาของเจ้าของชื่อเอาไว้กับที่
“ตอนคุยโทรศัพท์กันมีอะไรจะพูดหรือเปล่า”
ยูซอนโฮหันกลับไปสบตาใครอีกคน ดวงตาสีดำสนิทของคนตรงหน้ายังคงทำให้เขานึกถึงห้วงจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่ แต่เขาพบว่าจักรวาลที่เขาเคยหลงใหลจนอยากปล่อยใจให้ล่องลอยท่ามกลางดวงดาวนับล้านเมื่อสองปีก่อน ในตอนนี้กลับดูอ้างวางและหนาวเหน็บ
บาดลึกเสียยิ่งกว่าลมหนาวเดือนธันวาคม
“คุณก็คิดเหมือนกันใช่ไหม”
ไร้ซึ่งวี่แววของความลังเลใจและยูซอนโฮเองก็ไม่ได้แปลกใจ เขาไม่ได้ผิดหวัง ชายหนุ่มรู้คำตอบของคนตรงหน้าดี หรืออาจจะรู้ก่อนด้วยซ้ำ
แม้ว่าการสบตากับคนตรงหน้าในเวลานี้จะเหมือนแกว่งเอาตะกอนที่เคยนอนนิ่งอยู่ตรงก้นให้ลอยขึ้นมาปะปนในวังวนความรู้สึก ขุ่นมัวจนน่าสับสน แต่เพราะคำตอบของคำถามเดิมที่เขาถามตัวเองซ้ำเป็นครั้งที่สี่ยังคงเหมือนเดิม ยูซอนโฮจึงพบว่า ตะกอนเหล่านั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของความรู้สึก ย้ำเตือนว่ามีอยู่จริง ยังคงอยู่หาก แต่แหลกสลายและแตกกระจายเกินกว่าจะประกอบขึ้นใหม่
“งั้น…”
“ค่อยคุยต่อพรุ่งนี้เถอะ คุณควรไปพัก”
ไลควานลินพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นแล้วก้าวไปสวมกอดคนที่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของชีวิตเขาตลอดสองปีที่ผ่านมา
“ขอโทษ”
สองแขนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ลูบบนแผ่นหลัง
“คุณไม่ได้ผิด”
แต่เขาทั้งคู่รู้ดีว่ามันไม่แน่นพอ
“เราไม่ได้ผิด”
ไม่แน่นพอมาตั้งแต่ต้น
“ไม่มีใครผิดทั้งนั้น”
ไม่แน่นพอจนปล่อยให้ความว่างเปล่าเติบโตขึ้นทีละน้อย
“ผมก็จะไม่ขอโทษเหมือนกัน”
และโอบกอดเขาไว้แทนใครอีกคน
- - - - - - - - - - - - - - -
#cloudytue
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดี
tuesdayblue’
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in