N
วันอาทิตย์ 10:30 น.
วันนี้ก็เป็นวันปกติที่เราสองคนนัดกัน ให้มันไม่มีใครเบี้ยวนัดเถอะ นี้ก็ตื่นเช้าไปทำงาน วันอาทิตย์ ใช่ค่ะ ทำงานวันอาทิตย์ อาจมองนี้เป็นคนบ้างาน ต้องไปทำงานทุกวัน ไม่ใช่จ๊ะ ต้องหันมามองว่าที่บ้านมีนี่ทำงานคนเดียวก็จะเข้าใจทันทีว่าทำไมต้องออกไปทำงานด้วย 55555 แอบอยากเล่าเท้าความไปตั้งเเต่ตอน เช้า
8:11 น.
E : ตื่นมาทำไมเช้าจัง
N : ตื่นมาข* อ่ะ ยังง่วงอยู่เลย
E : เซม5555 ไม่น่าเชื่อ เราตื่นมาข* เหมือนกัน
นี้เเละที่บอกเป็นความเเตกต่างเเต่เหมือนกันของเราทั้งคู่นั้นเอง
เเล้วนี้ก็เฟดตัวออกไปนอนต่อจนเกือบเก้าโมงถึงลุกมาทำอะไร นี่เป็นคนขี้เกียจคนนึงเลยเเละ คนภายนอกอาจบอกว่าเป็นคนทำไรเร็ว เก่ง บลา ๆ เเต่จริง ๆ เเล้วเป็นคนทำอะไรให้มันเสร็จเร็ว ๆ ต่างหาก(กูจะได้ไปทำอะไรของกูสักที)
ใช้เวลาในการทำงานไปจนเกือบสี่โมงเย็น ก็ตั้งใจขับรถมาให้ทันนัดของคุณนายเขาตอนห้าโมงจนมาถึงก่อนเวลาด้วยซ้ำ
E
16.00
วันนี้มีนัดเลี้ยงส่งเพื่อนไปเรียนต่อก่อนจะไปเจอกับคุณเขา เพื่อนเพิ่งจะมากันครบตอนสี่โมง (คิดในใจว่าไม่ทันนัดห้าโมงแน่ๆ น้องขอโทษ) เพื่อนที่มาเจอนี่สนิทกันตั้งแต่ม.ต้น ถึงจะไม่ได้เจอกันเป็นปี เพราะต่างแยกย้ายกันไปทำตามความฝันของตัวเอง แต่พอกลับมาเจอกันทีไรก็เหมือนเดิมทุกครั้ง ยังมีความรักความปราถนาดีให้กันเสมอ แค่นัดมากินข้าวกันแบบวันนี้ ก็เพิ่มพลังงานความสุขได้เยอะแล้ว
เรื่องที่คุยกับเพื่อนนอกจากการอัพเดตชีวิตของแต่ละคน หลักๆก็มีแต่การพูดเรื่องเก่าๆ เหมือนกับคนแก่ที่ชอบรำลึกความหลัง บวกกับเรื่องนินทาคนอื่นไปตามประสา
16:27 น.
N : ถึงสยามละ
E : รอก่อนน้า เค้าอยู่ SQ1
เมื่อเห็นข้อความเเบบนั้นสิ่งที่เราเลือกที่จะทำคือไปค่ะ ไปในที่ที่อยากไปเเบบเรื่อยเปื่อยไปชอปปิ้ง เเต่สิ่งที่ไม่เคยพลาดเวลาเดินมาห้างสรรพสินค้า คือการเดินเข้าไปร้านหนังสือ ในใจอยากไปหาอ่านภาษาสักเล่มเพื่อจะฝึก ภาษาที่สาม ไปเดินดู ภาษาที่นอกจากอังกฤษเเละจีนญี่ปุ่นเกาหลีเเล้ว ทางร้านจับหนังสือเรานั้นมัดรวมกันไว้ในเชลเตอร์เดียวทั้งฝรั่งเศษ เยอรมัน สเปน หรือเเม้กระทั้ง หนังสือท่องเที่ยว ตอนหยิบขึ้นมาเเอบงงกับวิธีจัดหนังสือของร้านมาก เเต่ก็พิถีพิถันอยู่นานจนสรุป ไม่ได้มาเลยค่ะ เพราะถ้าอยากจะเริ่มเรียนภาษาเพิ่ม คงยากเเน่ๆ ถ้าบทที่1 ของหนังสือเหล่านั้นขึ้นมาด้วยประโยค เเละ เเปลเลยโดยไม่มีคำอ่านด้วยซ้ำ (ในใจคืออีนี้ยังอ่านไม่ออกเลย) เลยตัดสินใจวางลงเเล้วเดินไปเรื่อยเปื่อย หยิบหนังสือนั้นที่นู้นที่
จนในที่สุดได้หนังสือเล่มนึงมาอย่างน่าประหลาด เพราะหนังสือเล่มนี้ได้มาจาก ร้านอื่นที่ไม่ใช่ร้านหนังสือใหญ่ของที่นั้นเเต่เดินเข้าไปในโซน กะจะไปนั่งลงบนโซฟาในร้านนั้นเเต่สายตาดันเลือบไปเห็นหนังสือเล่มนึงที่ ตั้งอยู่บนชั้น หน้าปกออกเเบบสีเเดงอย่างเรียบง่าย วางไว้ในชั้นที่อาจไม่ได้สะดุดตา อาจต้องตั้งใจมองเเต่ก็ตัดสินใจลุกไปยิ้ม หลังจากที่ทิ้งตัวลงบนโซฟาเเล้ว
หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า how i love my mother ( ไม่ได้โปรโมทหนังสือมันดีจริงๆ) ตอนที่หยิบมาอ่านขอยอมรับเลยว่าเเอบตัดสินใจเพราะหน้าปกเเต่พอได้อ่านข้างในเเล้วนี้น้ำตาหยดจนหนังสือเปียกต้องเดินไปจ่ายตังเลยทีเดียว (หยดตั้งเเต่หน้าสองบรรทัดเเรกเเล้ว )
อาจจะประจวบเหมาะกับช่วงนี้ที่บ้านคุณพ่อไม่สบาย ต้องได้รับการเปลี่ยนไตด่วน เลยทำให้มีอาการ sensitive กับเรื่องป่วยของคนที่รักมาทันที หนังสือเล่มนี้เล่าตั้งเเต่ก่อนคุณเเม่ของพี่พายเขาป่วย เเละจนพี่พายเขาเลือกดูเเลคุณเเม่ จนเราอยากทำได้สักครึ่งนึงเเบบพี่เขาเลยจริงๆ พอจ่ายตังอาจจะอยากนั่งอ่านต่อให้เสร็จ เเต่คือลุกขึ้นเดินเพื่อที่จะบอกว่า ฉันจะไม่มาร้องไห้ขนาดนี้ ทั้งๆที่ในใจนี้ ตึ้บ ตึ้บ เเล้ว
ตอนนั้นเหลือบไปเห็นเเบทโทรศัพท์ที่เหลือเพียง10 % เเละได้ทักไปหาคุณนายเข้าว่า
17:15 น.
N : มีพวบ (เพาเวอร์เเบงก์) ป่ะ
E : ไม่มี เเบทจะหมดเหมือนกัน น่าจะเสร็จช้าหน่อยเพื่อนมาสายกัน
ในใจอีนี้เเบบอ้าวชิบหายละกูจะไปทำไร เลยตัดสินใจหอบร่างไปเดินมาร์เก็ตกะจะซื้ออะไรรอ เดินไปเดินมาตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปส่งพี่ท่านเขาอยู่เเล้วเลยตัดสินใจขอไปใส่บาตรหน่อยดีกว่า 555555 เลยเลือกของใส่บาตร เเล้วไปเลือกเครื่องปรุงที่ซื้อให้พ่อทั้ง น้ำปลาลดโซเดียม ซีอิ๋วขาว น้ำมันรำข้าว หรือเเม้กระทั่งน้ำมันหอย ก็จะซื้อเเบบลดโซเดียม (เดี่ยวจะเเอบมาบอกสูตร อาหารสำหรับคนโรคไตด้วยอิอิ ) เดินไปจนเวลาจะล่วงเลยไปไกลมากๆ เเละเเบทโทรศัพท์ก็ลดเร็วดั่งชินคังเซ็น
18:40 น.
E : แกแบทเหลือสองโทรเบอร์เอานะ
N : ใกล้เเละ รอเจอเพื่อนอีกคนนึงก่อน
E
วันอาทิตย์ 19:00
หลังจากแยกกับเพื่อน นี่รีบเดินจาก SQ1 มาจนถึงมาร์เก็ต เดินวนๆหาตั้งหลายรอบ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรก็ไม่ติด สงสัยโทรศัพท์เขาแบตหมดไปแล้วแน่ๆ จะหากันเจอได้ไง ถ้ายังเป็นเด็กร้องไห้ไปแล้วนะเนี่ย
.
.
.
เฮ้ยย โทรกลับมาแล้ววว
เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเเบบ นานทีเดียวจนดีใจว่ามันโทรมาเเล้วสักที
19:20. น.
E : แกมาเเล้วอยู่ไหน
N : อยู่ในนี้เเละ
E : ตรงไหนวะเดินหาตั้งนานเเล้ว
N : เเกบอกเลขมาดิว่าอยู่ช่องไหน
E : เลขอะไรว่ะเลขเเคชเชียร์อ่อ
N : เลขเชลเตอร์เก็บของดิ
E : ไม่รู้เว้ย อยู่ตรงร้านอาฟเตอยูเนี่ย
N : หยุดอยู่ตรงนั้น เดะเดินไป
E : เเละก็มีเสียงตะโกนในโทรศัพท์ว่า หยุดอยู่กับที่เห็นเเกเเล้ว
N : ไหนวะ (เเต่ก็ไม่ได้หยุดเดิน)
E : กูบอกให้มึงหยุด หยุดตรงนั้นเเหละ
และใช้เวลาร่วมกันหลายนาทีเพื่อที่จะเจอกันทั้งๆที่อยู่บนที่ที่เดียวกันเเล้วเเท้ๆ555555. สุดท้ายเราก็จัดเเจงเลือกของที่จะไปใส่บาตรด้วยกันเเละก้คุยกันจนตัดสินใจว่าทริปที่จะไปนั่งกินไรตามร้านของเราวันนี้มันต้องล่มเพราะเราอยากกลับไปดูหนังซีรีย์ที่รอเราอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันคือตอนจบ พอเดินมาถึงรถ ก็ขับวนออกไป เเล้วเปิดเพลงที่ฟังประจำเเล้วหันไปบอกว่า
N : เเกต้องชอบเเน่ๆ เเละต้องชอบทุกเพลงในซีดีนี้ด้วย
E : เห้ยเพลงดี ดีมาก เมื่อคืนยังฟังเพลงนี้ก่อนนอนเลย
N : บอกเเล้วว่าเราชอบเหมือนกัน พลางหยักคิ้วเเล้วทำหน้าภูมิใจ
ระหว่างทางก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนมีบทสนทนานึงที่เเอบดูเป็นเรื่องของอนาคตเราขึ้นมา
E : ถ้าเค้าเรียนจบเราไปซื้อคอนโดเเถวสีลมด้วยกันมะ
N : เอาดิ เเต่มีของเเม่เค้าอยู่เเถวนั้นอันนึง เเต่ซื้อใหม่ก้ได้นะ
E : เออ เพื่ออยากทำงานเเถวนั้น
N : เเต่ถ้าซื้อบ้านออกมาหน่อยติดทางด่วน พร้อมเสนอชื่อโครงการออกไป
E : เเต่มันไกลที่ทำงานนะ
N : เค้าไงไปส่งทำงานทุกวันยังได้เลย
เเล้วก็ต้องเกิดเสียงหัวเราะขึ้นเพราะนั้นอาจเป็นอนาคตของเราที่ได้คุยกัน จริง ๆ เวลาขับรถเเล้วมีคนนั่งข้าง ๆ ที่ไม่ได้รู้สึกอึดอัด มันเป็นอะไรที่เเบบอธิบายไม่ถูกเท่าไร เเต่บทสนทนาที่อบอุ่น เพลงโปรดที่ชอบ เเละไฟทางด่วนตอนกลางคืน น่าจะเป็นอะไรที่ลงตัวมาก ๆ ทีเดียวเลยเเหละ
E
21.00
เราคุยกันไม่ได้หยุด ตั้งแต่ขับรถออกจากสยามจนมาถึงหน้าหมู่บ้าน ตอนขับเข้ามาในหมู่บ้านเรื่องๆนึงก็ผลุดขึ้นมาในหัว
E : ไม่น่าเชื่อเนาะ ได้มาบ้านแกและ
N : ชวนตั้งแต่ประถม ตอนนี้มหาลัยปีหนึ่งเอง
E : นานชิบหาย แต่ก็ได้มาจนได้
รู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้าบ้าน มันยิ่งทำให้เห็นภาพสิ่งที่เขาเคยเล่าได้ชัดขึ้น...
เขาอยู่บ้านเดียวกับลุงกับป้า แต่พ่อกับแม่อยู่บ้านหลังตรงข้ามนู้น น่างงเนาะ แต่ก็นั้นแหละ เรื่องในครอบครัวมันซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้หมด แค่อยู่ข้างๆคอยรับฟังกันคงดีที่สุดแล้ว
หลังจากจัดแจงทุกอย่างเสร็จ ก็ถึงเวลาดูซีรี่ย์ซะที เย่ Romance is a bonus book เป็นซีรี่ย์เรื่องที่เราสองคนชอบโดยมิได้นัดหมาย แถมคืนนี้เป็นตอนจบด้วยสิ ระหว่างที่ดูไปพอเจอบทสนทนาโดนๆนี่ก็ต้องขอถ่ายลง ig story ไว้หน่อย
N : ไหน แกถ่ายอันไหนน
E : นี่ ‘ ฉันอยู่ตรงนี้ค่ะ ไม่ใช่ทั้งเพื่อนหรือแฟนของคุณ แต่ฉันก็อยากอยู่ข้างๆคุณ’
N : ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
E : เฮ้ย ดูดีๆ ออกจะมีอะไร
N : ไม่เห็นมีอะไร
E : โอเค้ ยอมมม ช่างมันเถอะ ดูต่อๆ
N
จริงๆเเอบชอบคำนั้นอยู่ในใจอยู๋เเล้วเเละเเต่เเค่ไม่ได้พูดไรไปสักหน่อย เพราะจริงๆเเล้วพึ่งมารู้ในเรื่องนี้เหมือนกันว่า
: วันนี้พระจันทร์สวย (I love you)
: พระจันทร์สวยมาตั้งนานแล้ว (I love you more)
มันเป็นคำง่ายๆ เเต่เเอบคิดว่าคนญี่ปุ่นก็ช่างคิดเหมือนกันเนาะ
เเต่เราไม่เคยบอกเเกเลยว่าเราชอบประโยคไหน เเกมารู้พร้อมคนอื่นเเล้วกันว่าเค้าชอบอันไหน
ให้เเกมาเเปลมันเองเเล้วกัน มันเป็นประโยคที่ดีประโยคนึงอ่านเเล้วยังสามารถคิดตามเเล้วนำไปใช้กับเรื่องอื่นได้ด้วย
อ่ะไหน เเปลให้คนอ่านฟังหน่อยสิ
E
ตอนถามก็ไม่เคยบอกว่าชอบประโยคไหน
ดันมาบอกในนี้ ขี้โกงนี่หน่าาา
‘ฉันเปิดหนังสือเล่มเก่าของฉันขึ้นมาอีกครั้ง
มันก็ดี ในตอนที่ฉันอ่านมันครั้งแรก
แต่เมื่อฉันอ่านมันเป็นรอบที่สอง และรอบที่สาม
มันทำให้ฉันขีดเส้นใต้หลายประโยคซ้ำแล้วซ้ำอีก
ฉันพบเจอประโยคใหม่ๆจากหนังสือเล่มนี้ในทุกๆวัน
มันคือหนังสือที่อยู่กับฉันมานานที่สุด’
N
จริงๆ เราสองคนต้องดูหนังสองตอนเเต่ด้วยความที่เราเกิดอาการท้องร้องเลยชวนกันลงไปทำมาม่ากิน นี้ก็จัดเเจงเปิดทีวีกะจะให้ดูไปก่อนไม่ต้องรอ เเละเดินไปทำมาม่า โดยการหาของที่พอจะกินได้ในครัวมาใส่เป็นเครื่องเคียง นั้นก็คือหมูสับ ทำให้เกิดคำพูดนึงออกมา
เปิดประตูครัว
N: แกเอารสไหน
E: มีรสไรบ้าง
N: หมูสับกับต้มยำ
E: เอาต้มยำ พร้อมเดินมาดูหน้าตา
N: เอาหมูสับหรือหมูก้อน
E: เอาหมูสับ พร้อมเลือบสายตาไปเห็นกองมาม่าบนชั้นเก็บของในห้องครัว เเละสบถออกมาว่า นี้บ้านเเกกินมาม่าขนาดนี้เลยหรอ
N: มื้อเช้าเค้าเองเเละง่ายดี
หลังจากใช้เวลาอยู่ในครัวในการทำมาม่าสองถ้วยเลยเดินออกไปพร้อมจัดเเจงเปิดซีรีย์ดูอีกครั้ง
เเล้วใช่ค่ะกินกันอิ่มก่อนที่หนังจะจบเลยรีบเก็บบอกขึ้นห้องไปดูเพราะตอนนั้นอากาศข้างล่างมันร้อนจนเเบบควรจะอาบน้ำใหม่อีกรอบนึงได้เลยอ่ะ
ซีรี่ย์จบลงโดยทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคนี้ ‘ถึงผู้ชมที่ชมซีรี่ย์ของเรา พระจันทร์สวยจังเลยนะ’
เมื่อใช้เวลาคุยกันถึงเรื่องต่อไป เวลาตื่นพรุ่งนี้เเละมื้อเช้า ก็มีคนได้พล๊อยหลับลงไปอย่างง่ายดายเหลือเเต่นี้ที่ยังนอนเล่นไปเล่นมา จนนอนไม่หลับ เล่นเกมส์ไป พยายามนอนให้หลับให้ได้มากเพราะพรุ่งนีต้องตื่นเช้าไปส่งเเม่นางเขาที่มหาวิทยาลัย
01:00
02:00
02:30
02:45
เเละได้พยายามข่มตาหลับไป
05:15
ไลน์ดัง จนต้องตื่นเเล้วเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก การตื่นมาทำงานตอนตีห้านี้เป็นเรื่องบ่อยมากหลังจากที่พ่อป่วยเเละเเม่ต้องดูเเลพ่อเรานี้เเละก็เป็นคนช่วยงานของทางเเม่ทำเเปลกเนอะเเต่ก้เป็นไปเเล้วคนที่ไม่เคยทำงานไรเลยเอาเเต่เที่ยวก้กลับมาขยันทำงานเฉยเลย 5555 เเละพอกลับมาเข้าห้องอีกทีก้ตัดสินใจ ขอไปเซทผมในห้องน้ำ จัดการตัวเองให้เสร็จเเล้วจะเดินไปปลุก เเต่ระหวางที่กำลังง่วนหาที่กั้นคิ้ว มีคนเปิดประตูห้องน้ำมาเเล้วบอกว่า
E: เเนะ อดเห็นหน้าม้าเลย เเกตื่นได้จริงๆด้วย
N: ตื่นตั้งนานเเละ เเกจะอาบน้ำป่ะ ขอเเปปนะ
เเละเเปปของเราคือนานมากนานมากพอจนเขียนคิ้วเสร็จนั้นเเหละค่ะ พอทั้งคู่เริ่มเสร็จ เตรียมของเเล้วลงไปข้างล่าง เเละตัดสินใจเตรียมของตักบาตรเพื่อจะไปตักบาตร เเต่มองนาฬิกานั้นก็ 7:30 น. เเล้วจะมีพระป่ะ อยู๋ดีๆก็พูดออกมา
พอไปถึงอย่างที่คาดไม่มีพระจริงๆด้วย เลยตัดสินใจถอยทัพ ไปหาอาหารเช้ากับกาเเฟอร่อยๆกิน ซึ่งนี้ไม่กินกาเเฟ เเต่วนรถไปมาจนมาจบที่ ครัวซอง สตาบัค กับผักโขมอบชีส เเล้วจริงๆไม่ได้สั่งผักโขมด้วยเเละ
กินเสร็จ พลางดูเวลาก็ยังไม่สาย เลยขับรถชิวๆ ไปส่งหน้าหอเเบบทันเวลาเรียนเเบบ พอดี ระหว่างทางมีการนัดเเนะคุยเรื่องราวของอาทิตย์หน้าด้วยเเละ จริงๆ เเค่นี้ก็มีความสุขเเล้วนะ
กลับบ้านดีๆละ
-----------------------
ถึงเวลากลับไปทำหน้าที่ของตัวเองกันละนะ
อาทิตย์หน้ามาเจอกันใหม่ละ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in