รถติด
ใครจะไปคิดว่าจะมาเจอรถติดในไต้หวัน
สถานการณ์ในตอนนั้นเหมือนเชียงใหม่ช่วงปีใหม่ที่ชาวกรุงเทพและนักท่องเที่ยวต่างพากันขึ้นดอยแล้วรถไปกองกันอยู่บนถนนแถบนั้น Keelung ในตอนนี้ก็เช่นกัน
ช่างแตกต่างกับความเวิ้งว้างในเมืองไทเปเสียจริง ๆ
ในรถมีเราเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียว คนอื่นเขาคงจะเดินกันอยู่ข้างล่างไม่ก็อยู่บนรถที่อยู่บนถนนเส้นเดียวกันนี้
ใจนึงเราก็อยากจะอยู่ที่ Keelung ให้นานกว่านี้เสียหน่อย แต่อีกใจนั้นอยากจะรีบไปถึงหมู่บ้านแมว Houtong ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
Nikon FE + Fuji Pro 400H
ระหว่างทางรถบัสผ่านท่าเรือ ซึ่งอยู่ใกล้ตลาดปลา 1 ในสถานที่ที่เราอยากจะแวะลงไปเดินเล่น เราชอบดูท่าเรือในต่างประเทศ ส่วนหนึ่งเพราะมันดูสะอาดสะอ้านน่าเดินกว่าบ้านเรา และเวลาถ่ายรูปออกมาแล้วสีขาวของเรือมันตัดกับสีน้ำเงินของน้ำทะเล
เราชอบมัน
Nikon FE + Fuji Pro 400H
จากบนรถเรากดชัตเตอร์มาได้นิดหน่อย ระหว่างทางเราก็บอกตัวเองว่าเราต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งนะ เพราะยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังไม่ได้ไปสำรวจเลย แม้จะนึกเสียดายแต่ในขณะเดียวกันก็ภาวนาให้รถไปถึงสถานีรถไฟ Ruifang เร็ว ๆ
เรามาถึง Ruifang ประมาณ 4 โมงครึ่ง เมื่อ 2 ปีก่อนเราถึงมาขึ้นรถบัสไป Jiufen ที่ Ruifang นี่ล่ะ แต่ในตอนนั้นมืดกว่านี้ อีกทั้งฝนยังตกลงมาทำให้มองดูเมืองได้ไม่ชัด แม้ตอนนี้เราจะไม่ได้มีเวลามาก แต่ก็ยังสามารถมองไปรอบตัวแล้วกดชัตเตอร์มาได้บ้าง ยังพอเห็นว่ามีคนพิการนั่งเล่นดนตรีอยู่หน้าสถานี แถมยังมีผู้ชมนั่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อย
Nikon FE + Fuji Pro 400H
Nikon FE + Fuji Pro 400H
เราเดินเข้าไปในตัวสถานีรถไฟ Ruifang ด้วยความรวดเร็วเพราะอยากจะรีบไปถึง Houtong ให้เร็วที่สุด แถมในตอนนั้นทั้งหิวข้าวและอยากเข้าห้องน้ำ ความจริงตั้งใจว่าจะมาหาข้าวกินที่ Ruifang แต่ก็เปลี่ยนใจ
พอขึ้นมาบนชานชาลา เพิ่งคิดได้ว่าเราน่าจะยังมีเวลาไปเข้าห้องน้ำก่อนจะขึ้นรถไฟไป Houtong แต่เราหันไปเห็นร้านขายของที่ระลึกเลยแวะดู พอเหลือบไปเห็นโปสการ์ดน่ารัก ๆ อยู่ปลายตาเลยหันไปมอง แต่มันไม่ได้จบแค่มองเพราะเราใช้เวลาอยู่พักนึงในการเลือกโปสการ์ดติดมือมาได้ 12 ใบ ก่อนจะเดินไปบอกคุณป้าว่าเอาแสตมป์ด้วย
Nikon FE + Fuji Pro 400H
คุณป้าถามกลับมาว่าจะส่งไปที่ไหนด้วยภาษาจีน เราเดาได้ความว่าอย่างนั้นเพราะนอกเหนือจากนี้คุณป้าคงไม่น่าจะถามอะไร เราพยายามนึกภาษาจีนที่เขาใช้เรียกประเทศไทยที่เพื่อนเราเคยบอกเอาไว้ก่อนจะหลุดปากออกมา
"ไท่กั๋ว"
คำนี้มั้งนะ
คุณป้าพยักหน้าแล้วหยิบแสตมป์มาเท่าจำนวนโปสการ์ดแล้วลงมือทากาวติดให้ทุกใบ ต้องขอบคุณคุณป้าจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเราคงต้องเสียเวลานั่งแปะมันอีก หลังจากที่คุณป้าคิดเงินให้เสร็จสรรพเราหมดตรงนี้ไปประมาณ 500 กว่า ๆ เลยคิดว่าพอแล้ว แต่พอเดินออกมาเห็นตู้กาชาปองก็อดไม่ได้ ขอสักลูกก็แล้วกัน
เสร็จภารกิจจากร้านขายของที่ระลึกก็เดินเล่นถ่ายรูปบนชานชาลาสักหน่อย เดินไปเดินมาใกล้จะ 5 โมงแล้ว ตามเวลารถไฟจะมา 17.10 น. นั่นแปลว่าน่าจะไปเข้าห้องน้ำไม่ทัน
Nikon FE + Fuji Pro 400H
Nikon FE + Fuji Pro 400H
ไม่เป็นไรหรอกมั้ง สถานีเดียวเอง
จากสถานีรถไฟ Ruifang ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสถานี Houtong ผู้คนพากันลงมาบ้างส่วน แต่เราคิดว่าส่วนใหญ่น่าจะมุ่งหน้าไปยัง Shifen ที่มีจุดขายเป็นการปล่อยโคม ใกล้มืดแล้ว แสดงว่าคนน่าจะไปที่นั่นกันมากขึ้น ส่วนเรามองออกไปทางหมู่บ้าน มองเห็นแมวตัวนึงกำลังกลบอึ(หรือฉี่ก็ไม่รู้)อยู่ตรงรางรถไฟ
พอเดินออกจากสถานีก็เริ่มเห็นแมว แต่เราคิดว่าน้อยกว่าจากครั้งแรกที่เรามา อาจเป็นไปได้ว่าใกล้ค่ำแล้ว แมวเริ่มออกหากินตามธรรมชาติมากกว่าจะอยู่เฉย ๆ ตามจุดเพื่อนอนเหมือนในตอนกลางวัน
และพอมองออกไปนอกสถานีก็เห็นเจ้าตัวเมื่อกี้ที่ก่ออาชญากรรมที่ทิ้งไว้กำลังวิ่งข้ามถนนอย่างรวดเร็ว
เราแวะเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเตรียมกล้องแล้วรีบออกไปเดินก่อนที่แสงจะหมด ผู้คนดูเหมือนจะมีอยู่พอสมควร ไม่แน่นขนัดเหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ แต่ก็ถือว่ายังคึกคักอยู่
Nikon FE + Kodak Portra 400
พอมองขึ้นไปทางเนินเขาอีกฝั่งของสถานี เห็นหมอกปกคลุมเต็มไปหมด ตอนนั้นรู้สึกหนาวมากจนต้องสวมแจ๊ตเก็ตอีกตัวทับแล้วรูดซิปปิดสนิท
Nikon FE + Kodak Portra 400
เราเดินตามไปยังทิศทางที่เจ้าสามสีตัวเมื่อกี้เดินไป เห็นแมวสองตัวขดกันเป็นก้อนอยู่ในบ้าน และเข้าสามสีก็เดินออกมากินอาหารที่มีคนวางเอาไว้ ก่อนจะจรลีไป
Nikon FE + Kodak Portra 400
Nikon FE + Kodak Portra 400
เราเดินได้แป๊บเดียวก็มืดแล้ว แถมยังหิว พอหันไปเห็นคาเฟ่ที่มีอาหารด้วยก็เลยรีบเลี้ยวเข้าไป ข้างในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นเลย มีแต่คนท้องถิ่นกับเจ้าของร้านจับกลุ่มคุมกัน รวมไปถึงแมวอีก 2 ตัวที่เดินไปเดินมา
ความจริงอาหารในร้านราคาค่อนข้างสูง แต่เราไม่เกี่ยงแล้วเพราะหิวมาก เราสั่งพาสต้าซีฟู้ดอะไรสักอย่างไป พร้อมกับซุปครีมเห็ดและขนมปังที่มาเป็นเซ็ต ส่วนเครื่องดื่มสั่งเป็นชานมร้อน พอซุปมาเสิร์ฟเท่านั้นแหละถึงได้รู้ว่าเราหิวมาก ๆ พอตักซุปร้อน ๆ เข้าปากหลังจากที่เดินตากแดดตากลมเย็นมาทั้งวันก็รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน ส่วนพาสต้าเครื่องก็แน่นมาก เป็นมื้ออาหารในวันเกิดที่ดีมาก ๆ เลย ประทับใจ
ระหว่างรออาหารเราก็เอาโปสการ์ดมานั่งเขียนจนครบทุกใบ โชคดีที่สมัยนี้เราใช้สมาร์ทโฟนบันทึกข้อมูลเอาไว้ได้มากมาย เลยไม่ต้องมานั่งจดที่อยู่ในสมุดเอาไว้ 1 ใน 12 ใบนี้เราเขียนถึงตัวเองด้วย ดูเหมือนเขียนการ์ดวันเกิดให้ตัวเองยังไงชอบกล
เขียนเสร็จ กินอาหารเย็นเสร็จ จิบชาอุ่น ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมา เราน่าจะเป็นลูกค้ารายสุดท้ายของร้านแล้วมั้ง เพราะตอนที่เดินออกมาข้างนอกก็ไม่เหลือใครแล้ว มีแค่แมวตัวเดียวเดินผ่านมา ให้ความรู้สึกเหมือนร้านนี้เป็นไทม์แมชชีน หรือไม่ก็เป็นประตูทะลุไปอีกมิตินึง
เราเดินกลับมาหน้าสถานี Houtong สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดคือเมื่อปี 2016 ยังไม่มี 7-11 แต่ตอนนี้กลับมีแสงไฟสว่างจ้าจนแสบตา
พอเดินกลับเข้ามาในสถานีก็จัดการส่งโปสการ์ดที่เขียนเอาไว้ แน่นอนว่าต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก
เราสำรวจสถานีอย่างรวดเร็ว บางร้านเปิด แต่ส่วนใหญ่ปิดกันแล้ว
พอขึ้นไปถึงทางเข้าสถานี มีป้ายบอกเวลารถเที่ยวถัดไปที่จะกลับไป Taipei ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อยเลยเดินไปสำรวจอีกฝั่ง ระหว่างทางเราเจอคนแค่ 2 คนกำลังยืนดูแมวน้อยตัวนี้ น้องไม่ขยับเลย พอเอามือแตะพบว่าเปียก น่าจะเป็นเพราะตากน้ำค้าง (แต่ก็ไม่ยอมขยับไปไหน)
พอเห็นว่าไม่เหลือใครแล้วรอบตัว เราก็ยืนตากลมอีกสักพักก่อนจะกลับเข้าไปในสถานี ตอนแรกเห็นมีเวลาเหลือพอที่จะกลับรถไฟเที่ยวสุดท้าย แต่พอเห็นปริมาณคนที่จะมุ่งหน้าไปทาง Shifen แล้วเราก็เปลี่ยนใจกลับไทเป ยิ่งพอเห็นคนบนขบวนรถไฟแล้วเหมือนสภาพเย็นวันศุกร์หลังเลิกงานมาก ๆ
และระหว่างที่รอเราก็ได้ยินเสียงพลุ ก่อนจะเห็นแสงสว่างวาบมาจากที่ไกล ๆ ไม่รู้ที่ไหนจุดเหมือนกันนะ แต่ตอนนั้นเรามีความสุขมากเลย อยู่ ๆ ก็เหมือนมีใครมาฉลองให้เรา จากวันที่น่าจะไม่มีอะไรเพราะหลายอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่คิด กลับกลายเป็นสิ่งที่ดูพิเศษขึ้นมา ขอบคุณทุก ๆ อย่างในวันนี้ ขอบคุณอากาศดี ๆ ที่ไม่ทำให้เราอดถ่ายรูป
นั่งคิดอยู่อย่างนั้นได้สักพัก รถไฟขบวนที่มุ่งหน้าไปยัง Taipei ก็มาถึงพอดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in