พอคิดไม่ออกแล้วว่าจะทำอะไรต่อเลยตัดสินใจว่ากลับไปเก็บกล้องแล้วไปหาซื้อของน่าจะดี เพราะพรุ่งนี้ก็เดินทางกลับแล้ว
และขั้นตอนการจัดกระเป๋ากลับนี่แหละยากที่สุด
เรานั่งรถไฟไปลงสถานี Ximen ตั้งใจว่าจะเก็บภาพตอนกลางวันเอาไว้หน่อย คิดว่าจะขึ้นไปบนจุดชมวิว(?)ที่อยู่ใกล้ ๆ สถานีตำรวจเผื่อจะได้ภาพมุมสูง แต่เขากำลังตั้งเวทีหรืออะไรสักอย่างไม่รู้ ทำให้บดบังทัศนียภาพแยก Ximending แน่นอน
Nikon FE + Fuji Superia 200
มอง ๆ ดูแล้วกดมาสักรูปเป็นที่ระลึกก็พอ ก่อนจะเดินไปที่ร้านซีดีร้านเดิม
Nikon FE + Fuji Superia 200
Nikon FE + Fuji Superia 200
วันนี้ลุงกับป้าก็ยังไม่อยู่เช่นเคย เห็นหนุ่มคนเดิมสวมเสื้อยืดสีขาวหนังอยู่หลังเคาน์เตอร์ วันนี้ตั้งใจมาซื้อซีดีของเพื่อน เนื่องจากท่าทางจะหายากและขี้เกียจ เลยเอาภาพให้น้องเขาดูและถามว่ามีไหม เขาก็ลุกออกมาจากเคาน์เตอร์และใช้เวลาหาอยู่สักพักจนเจอ
ตอนจ่ายเงิน เราตัดสินใจบอกน้องพนักงานคนนั้นว่า สองปีก่อนเราเคยมาที่นี่ และเจอคุณลุงกับคุณป้า พวกเขาใจดีมาก เราประทับใจมากเลยตั้งใจกลับมาที่นี่อีก ตอนแรกน้องเขาน่าจะฟังภาษาอังกฤษสำเนียงไทย ๆ ของเราไม่ค่อยออก แต่พอเขาเข้าใจว่าเราถามถึงคุณลุงกับคุณป้า เขาก็พยักหน้ารัวแล้วพูด Thank you อยู่หลายครั้ง ท่าทีเขาดูเป็นมิตรมากขึ้น จากที่ตอนแรกก็นั่งเฝ้าร้านแล้วเล่นมือถือไปแบบหงอย ๆ ตอนส่งบัตรเครดิตขึ้นเขาก็ยิ้มกว้างแล้วพูดว่า Happy New Year เรายิ้มตอบก่อนจะบ๊ายบายน้องพร้อมกับคิดในใจว่าเราจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่นอน
วงเวียนชีวิตชัด ๆ
วันนี้เราตั้งใจว่าจะเดินกลับที่พักจากตรงนี้เลย ระหว่างทางก็กดชัตเตอร์มาได้นิด ๆ หน่อย ๆ
เพิ่งมาสังเกตเห็นว่าบนแท็กซี่มีลูฟี่อยู่ด้วย...
Nikon FE + Fuji Superia 200
Nikon FE + Fuji Superia 200
ระหว่างทางเดินกลับ หันไปเจอร้านขายชา หน้าตาดูดีเชียว เลยเลี้ยวเข้าไปโดยไม่คิดอะไร ก่อนออกเดินทางแม่ก็บอกว่าอยากได้ชาจีน เลยคิดว่าสิ่งนี้น่าจะตอบโจทย์ล่ะมั้ง เลยให้พนักงานช่วยแนะนำ เพราะตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกแล้ว
สารภาพตรงนี้เลยว่าซื้อแบบไม่ได้ชิมสักนิด ไม่รู้ตอนนี้แม่ได้ลองหรือยัง 55555
เรากลับไปถึงโฮสเทล จัดการเอากล้องออกจากกระเป๋า เลือกไปเฉพาะของจำเป็นแต่ยังพกกล้องดิจิตอลไปเผื่อ ๆ ตั้งใจว่าจะไปหาข้าวเย็นกินที่ Taipei Main Station และหาซื้อของฝากให้ชาวออฟฟิศจากแถวนั้น
ระหว่างทางเดินหามื้อเย็นก็เจอโซนที่มีตู้กาชาปองจำนวนหนึ่ง แต่เหรียญไม่พอ และพนักงานกำลังซ่อมตู้แลกเหรียญ เลยตั้งใจว่าค่อยแวะขากลับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แวะ
เดินผ่าน Eslite Undergroud เลยแวะดู เผื่อจะมีอะไรน่าสนใจ มุมโปสการ์ดมีน่ารัก ๆ หลายใบเลย แต่ตอนนั้นไม่มีอารมณ์จะซื้อมาเขียน
ตอนที่กำลังเดินคิดว่าจะกินอะไรดี ก็หันไปเห็นป้ายร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ Sushimoto ดูน่าจะรอด เลยเดินตามป้าย จัดการสั่งข้าวหน้าปลาดิบรวม รสชาติใช้ได้เลย กินจนเกลี้ยง คงเป็นเพราะหิวจัดแน่นอน
เติมอาหารใส่ท้องเรียบร้อยแล้วเลยไปเดินหาซื้อของฝากให้เสร็จ จะได้กลับไปจัดกระเป๋าและนอน ดูจากรีวิวชาวบ้านเขาเขียนไว้ว่า ร้าน sunmerry เป็นร้านของฝากยอดนิยม พอเห็นร้านนี้เป็นร้านแรกก็ตัดสินใจเลือกมาโดยกะจำนวนคร่าว ๆ แล้วจ่ายเงิน มาถึงตรงนี้แล้วไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลย เพราะคิดว่าตัวเองคงขี้เกียจและเพลียสะสม ซื้อของเสร็จก็เดินตากลมกลับที่พัก
ก่อนจะถึงโฮสเทลเราเจอร้านกาแฟน่านั่ง เลยแวะถามเขาว่าร้านปิดกี่โมง ตอนนั้นประมา 20.20 แล้ว แต่คนในร้านไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลย เราจึงใช้มือแตะนาฬิกาแล้วทำท่าปิดประตู คนนึงในร้านเลยโพล่งขึ้นมาว่า เทนมินิทๆ โอเค... แปลว่ากำลังจะปิด เพราะฉะนั้นแผนจิบชารับลมจึงเป็นอันยกเลิก เราเลยกลับขึ้นห้องแล้ววิดีโอคอลหาพี่สาวกับน้อง เมาท์ให้ฟังว่าวันนี้ไปเจออะไรมาบ้าง
ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเดินทางกลับอยู่แล้ว แต่นึกอยากคุยตอนนั้นเลย
บางทีนี่อาจจะเป็นข้อเสียของการเดินทางคนเดียวก็ได้มั้ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in