เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
GO ALONE TAIPEISor Winchester
เดินเล่น Zhongxiao Dunhua และตามหา Lomography


  • ชมงานศิลป์จนสาแก่ใจแล้ว  เสียเงินกับของที่ระลึกแล้ว  ท้องก็เริ่มร้องขึ้นมานิดนึง

    เราเดินออกมาผ่านโซนของ San-X ที่ตั้งป้าย Rilakkuma เอาไว้ใหญ่โต  อยากเข้าไปเดินเล่นเหมือนกัน   เผื่อจะได้ของติดไม้ติดมือมา  แต่ดูจากปริมาณคนแล้วคิดว่า...  ไม่เป็นไร  เราเสียสละก็ได้

                                                         Nikon FE + Fuji Superia 200

    มองซ้าย  มองขวา  หาร้านอาหาร  หรือร้านกาแฟก็ได้  หันไปเจอร้านนึง  คนแน่นเชียว  ดูแล้วไม่น่าจะมีที่ให้เรา  เลยเดินต่อไปอีกนิด  สะดุดตากับหน้าร้านสีเหลือง  พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เป็นร้านนมถั่วเหลือง  มีสองหนุ่มกำลังยืนคุยกันอย่างตั้งอกตั้งใจ  เห็นเด็กน้อยกำลังกินซอฟต์ครีมอย่างเอร็ดอร่อย  เลยตัดสินใจเดินไปต่อแถวบ้าง อย่างน้อยนมถั่วเหลืองก็น่าจะให้โปรตีนอิ่มสบายท้อง

                                              Olympus mju ii + Kodak Color Plus 200

    ขวดใหญ่เบิ้มเลย  ราคา 50 บาท  ไม่แพงเท่าไหร่  ระหว่างยืนรอ  สองหนุ่มนั่นก็ยกซดจนหมดขวดแล้วสั่งซอฟต์ครีมต่อ  ถึงตอนนั้นจิตใจก็เริ่มไหวหวั่น  หรือเราจะกินซอฟต์ครีมดีวะ

                                                   Nikon FE + Fuji Superia 200

    และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่...


    เรามองเข้าไปในร้านมีโต๊ะอยู่ 2 โต๊ะ  เลยนั่งกินให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่า  ซอฟต์ครีมนมถั่วเหลืองอร่อยมากกกก ไม่เลี่ยนเลย  และหลังจากเราซื้อเสร็จคนก็มาจากไหนไม่รู้เยอะแยะมากมาย  ยืนต่อแถวหน้าร้านกันเต็มไปหมด

    ระหว่างที่นั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยก็เห็นสองพ่อลูกที่ต่อแถวหลังจากเราเดินเข้ามานั่ง  เราโบกมือทักทายเด็กน้อย  คุณพ่อก็พูดกับน้องเป็นภาษาจีนประมาณว่า ให้พูดว่า Hello แล้วน้องก็พูดตาม  น่ารักมาก

                                                     Nikon FE + Fuji Superia 200

    พอไอติมหายไปจากมือแล้ว  เราก็เดินไปด้านหน้า  วันนี้คึกคักมาก  มีเตนท์ตั้งเต็มไปหมด  ร้านค้าส่วนใหญ่ขายของกระจุกกระจิก  ด้านหน้ามี pop up store ของคานาเฮซังด้วย  แถวยาวมาก  เอาเป็นว่าตั้งแต่เห็นคนต่อแถวในบริเวณนี้มา  แถวของคานาเฮซังนี่ยาวสุด  เลยเดินมายืนถ่ายรูปด้านหน้าเป็นที่ระลึกก็พอ

                                            Olympus mju ii + Kodak Color Plus 200

                                           Olympus mju ii + Kodak Color Plus 200

                                                      Nikon FE + Fuji Superia 200

    พอคิดว่าไม่รู้จะทำอะไรต่อดี  ก็เลยคิดว่ากลับไปตั้งหลักที่สถานี MRT ก่อนดีกว่า  ตอนแรกตั้งใจว่าจะเดินไปทางสถานี Zhongxiao Fuxing แต่เปลี่ยนใจเดินไปทางสถานี Shandao Temple ด้วยเหตุผลที่ว่ายังไม่เคยเดินไปทางนั้นเลย

                                                      Nikon FE + Fuji Superia 200

    พอเลยออกมาจากบริเวณของ Huashan 1914 Creative Park ก็กลับเข้าสู่โหมดเวิ้งว้างอีกครั้ง

                                                 Nikon FE + Fuji Superia 200

                                                    Nikon FE + Fuji Superia 200

    พอมาถึงสถานีก็ใช้วิธีเดิม  กดดูกูเกิลแมพว่าตอนนี้เราอยู่ใกล้อะไรบ้าง  เพราะก่อนเดินทางเราแพลนเอาไว้ในสมุดและมาร์คตำแหน่งเอาไว้ในกูเกิลแมพด้วย  เพราะฉะนั้นบนแผนที่ไทเปของเราจะมีดาวอยู่หลายจุดมาก  เราสะดุดตา Lomography ที่เรามาร์คตำแหน่งเอาไว้มาก ๆ  และนึกขึ้นได้ว่าร้านนี้เป็น 1 ในร้านที่ขายฟิล์มและมีบริการรับล้าง-สแกนฟิล์มด้วย  ไหน ๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรดีแล้วก็แวะไปดูสักหน่อยก็ได้  เราเลยตัดสินใจนั่ง MRT ย้อนไปสถานี  Zhongxiao Dunhua  ซึ่งถ้าตอนแรกเราเลือกเดินไปทางสถานี Zhongxiao Fuxing ก็จะไม่ย้อนไปย้อนมาแบบนี้...


    พูดถึงสถานี Zhongxiao Dunhua เราเคยมาย่านนี้เมื่อปี 2016 เพราะตอนนั้นมากินเนื้อย่างหลังจากโซซัดโซเซกันมาจากเขาช้าง  และมาอีกครั้งในวันสุดท้ายเพราะมาร้านหนังสือ Eslite Dunnan Store ซึ่งเป็นสาขาใหญ่ที่สุด(เท่าที่จำได้)

    Zhongxiao Dunhua เป็นแหล่งช้อปปิ้ง  ซึ่งในตอนที่เลือกไปกินเนื้อย่างที่นั่นก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับที่นั่นเลย  นอกจากคำว่าหิวมาก  ถ้าออกจากสถานีโดยใช้ประตู 1 หรือฝั่งเดียวกันจะพบกับแหล่งช้อปปิ้ง  ร้านค้าเก๋ ๆ  เสื้อผ้าสวย ๆ  ร้านรองเท้าแบรนด์ดัง  บอกไม่ถูกว่าจะเทียบกับย่านไหนในเมืองไทย  แต่เรานึกไปถึงกังนัมในเกาหลี  แต่อาจจะไม่หรูหราเท่านั้นล่ะมั้ง  และถ้าออกไปทางประตู 9 หรือข้ามถนน Dunhua South ไปจะเจอกับร้านอาหารเยอะแยะมากมาย  และเป็นสไตล์ร้านที่เปิดกลางคืน  ร้านปิ้งย่าง  ร้านเหล้า  ละลานตาเต็มไปหมด

    แต่ในวันนี้เราเลือกออกฝั่งประตู 1  เพราะจุดหมายของเราคือร้าน Lomography 

    แค่เดินออกมาจากสถานีก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศคึกคัก  หรือนี่จะเป็นอีกแหล่งที่คนมาใช้เวลาในวันหยุดนะ  

                                           Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400

    มีร้านอาหารสวย ๆ  ราคาสูง ๆ  และร้านเครื่องดื่มดูดีเต็มไปหมด  

                                           Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400

    อันที่จริงมีร้านกาแฟร้านนึงที่เราลิสต์เอาไว้อยู่ในย่านนี้ด้วย  แต่ตอนนั้นไม่มีอารมณ์จะจิบกาแฟ  เลยเดินเล่นไปก่อน

                                        Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400

    ร้านนี้ขายอะไรไม่แน่ใจ  น่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามล่ะมั้งนะ  สงสัยกลัวร้านตัวเองจะหรูหราเกินจนคนไม่กล้าเข้า  เลยตั้งเทสเตอร์เอาไว้หน้าร้านแบบนี้กันเลย

                                                        Nikon FE + Fuji Superia 200

    เดินตามกูเกิลแมพมาเรื่อย ๆ ก็เจอแล้ว  จุดหมายของเรา

                                     Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400

                                       Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400

    หน้าร้านสีแดงโดดเด่นขนาดนี้  ต่อให้ไม่ตั้งใจมาก็ต้องแวะเข้าไป  แถมยังเปิดด้วย 555555555

    ภายในร้านมีกล้องฟิล์มใหม่ ๆ ขาย  เช่นของ Lomo เอง  มี Diana ที่เคยฮิต ๆ ช่วงหลายปีก่อน  กล้องฟิล์มใช้แล้วทิ้งของ Fuji Kodak และอีกมากมาย  รวมไปถึงมีฟิล์มขายเยอะมาก  มีตั้งแต่ฟิล์มราคาถูกอย่างพวก color plus 200 ไปจนถึงฟิล์มราคาสูงอย่าง Revolog , CINESTILL  และแน่นอนว่าต้องมีฟิล์มของ Lomography ทุกตัว

     
    ภายในร้านจะมีพวกตัวอย่างภาพถ่านจากฟิล์มให้ดูด้วย  


    และจะเจอคนขายหน้าตากวน ๆ แบบนี้ 


    ความตั้งใจเดิมคือกะจะไปดูเฉย ๆ  ไม่ได้คิดจะซื้ออะไร  จนกระทั่งคนขายถามว่าหาฟิล์มตัวไหนอยู่หรือเปล่า  เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะกดดันเรา  แต่คิดว่าไม่น่าจะกลับออกไปมือเปล่าแล้ว  เลยตัดสินใจเอา AGFA VISTA 400 มาม้วนนึง  ซึ่งร้านเขาขายม้วนละ 260 NTD ซึ่งก็ราคาพอ ๆ กับเมืองไทยล่ะ  และนับวันเจ้าฟิล์มตัวนี้ราคาก็สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ  เราเลยพูดกับเขาว่ามันหายากแล้วเนอะ  เขาก็ตอบกลับมาว่าใช่ ๆ  เพราะมันเลิกผลิตไปแล้ว  

    ระหว่างนั้นเจ้าสองหนุ่มนี่ก็คุยกันเป็นภาษาจีน  และคิดว่าน่าจะพูดกันว่ากล้องที่เราจะภายอยู่น่ะคือรุ่นไหน  ได้ยินว่า Nikon ๆ FM2 ๆ นี่  จนในที่สุดคนสวมหมวกก็ถามเราว่ากล้องรุ่นอะไร  เราก็ตอบไปว่า Nikon FE เขาก็หัวเราะกัน  ซึ่งน่าจะทายผิดกันทั้งคู่  จนเราหยิบ Sony ขึ้นมาถ่ายรูปในร้าน  เขาก็ถามต่อว่ารุ่นอะไร  เราก็ตอบคำถามไปแล้วบอกว่าตัวนี้มันเบาดี  เพราะพกกล้องฟิล์มก็หนักแล้ว  คนสวมหมวกก็พยักหน้าแล้วบอกว่าตัวนี้เบาแล้วนะ  ของเขาใช้รุ่นอะไรสักอย่างซึ่งฟังไม่ทัน  หนักตั้ง 3 กก.  เออ...  มีการขิงใส่อีก  โอเคจ้ะ  ยอมแล้ว

    ส่วนราคาล้างฟิล์ม  เราลืมดู  แต่มันมีติดเอาไว้ตรงกระจกเคาน์เตอร์ล่ะ

                                      Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400

    ซื้อฟิล์มเสร็จก็เดินออกมาจากร้าน  เดินเล่นย่านนั้นอีกสักหน่อย  ตอนนั้นเริ่มหิวมากขึ้น  เลยคิดว่าจะไปหาอะไรกินฝั่งห้าง  ยอมรับว่าตอนนั้นเริ่มหลงเลยเดินมั่ว ๆ จนมาโผล่ตรงลานกว้าง ๆ  เดินผ่านร้านขนมปังเห็นดูน่ากินก็เลยเลือกมา 1 ชิ้นแล้วมานั่งกินตรงม้านั่งในลานหน้าร้านนั่นแหละ



                                       Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400

    นั่งกินเสร็จก็หันไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก  เจอตาฝรั่งคนนี้โบกมือใส่กล้อง  พอเอากล้องลงเขาก็ทักทายมาเป็นภาษาจีน  เลยตอบเขาไปว่า ซอรี่  ไอแคนท์สปีคไชนีส  เขาก็ถามเป็นภาษาอังกฤษว่าเป็นทัวริสต์เหรอ  เราบอกว่าใช่  เขาก็บอกว่าขนมปังร้านนี้อร่อยนะ  เราก็ได้แต่คิดในใจว่ารู้สิ  เพราะเพิ่งกินหมดไปนี่ไง  55555  เขาก็ถามต่อว่าเรามาจากไหน  เลยบอกว่าแบงคอก  และปฏิกิริยาที่ได้รับคือ ซาหวาดดีคราบ  เราเลยสวัสดีค่ะกลับไป  ก่อนจะแยกย้ายกัน

                                                    Nikon FE + Fuji Superia 200


    เรานั่งเล่นแถวนั้นต่อสักพักก็คอแห้ง  เห็นคนเดินถือแก้วชานมมาเลยเดินไปดูจึงเห็นว่าข้าง ๆ ร้านขนมปังเป็นร้านชานม  เราเลือกเมนูที่รูปใหญ่ที่สุดซึ่งเป็นนมสดไข่มุกอีกแล้ว  แสดงว่าช่วงนี้ฮิตกันจริง ๆ  รสชาติก็หวาน ๆ  โอเคล่ะมั้ง

                                           Olympus mju ii + Kodak Ultra Max 400


    พอหมดแก้วก็มานั่งคิด  จะไปไหนต่อดีนะ


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in