เสียงรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดใสดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอใบหน้าหล่อเหลาที่ดูนิ่งเฉย ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ ดวงตาคมคายจับจ้องอยู่กับตัวเลขที่วิ่งไปมาบนหน้าจอบางเฉียบตรงข้ามกับโซฟายาวสถานที่ที่ชายหนุ่มใช้ทำงานเป็นประจำ แต่เพียงชั่วอึดใจถัดมาความนิ่งเฉยที่ฉาบเอาไว้ก็แตกสลายเสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นพร้อมกับที่มาร์คกดหน้าจอให้ดับลงและวางคีย์บอร์ดใสลงบนโต๊ะกลางตาคมเหลือบมองเวลาบนข้อมือที่บอกว่าใกล้จะครึ่งวันเข้าไปแล้วนิ้วเรียวเคาะลงบนพนักวางแขนโซฟาอย่างครุ่นคิด
เพื่อนเขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะกลับบ้านวันนี้ตอนเช้าหลังจากที่เขาเอาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนเข้าไปให้เมื่อวาน แต่นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วเพื่อนเขากลับยังไม่ถึงบ้านรวมทั้งยังไม่มีการติดต่อใดๆ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย
ชายหนุ่มล้วงเอาสมาร์ทโฟนสีดำขนาดเท่าบัตรเครดิตขึ้นมาจ้องอย่างลังเลนึกถึงเบอร์ส่วนตัวของใครบางคนที่เขาได้รับตอนที่ชายคนนั้นโทรมาแจ้งข่าวอาการบาดเจ็บของเพื่อนสนิทเขายังไม่เคยลองโทรกลับไปสักครั้งเพราะความเกรงใจ แต่ตอนนี้ความกังวลเรื่องเพื่อนเขามีมากกว่าลองรบกวนดูสักนิดคงไม่เป็นไร
เมื่อตัดสินใจได้มาร์คก็กดนิ้วประทับลงบนหน้าจอเพื่อสแกนลายนิ้วมือสมาร์ทโฟนขยายจากขนาดสแตนบายกลับสู่ขนาดพร้อมใช้พอดีกับมือหนา หน้าจอสีดำสว่างจ้าขึ้นด้วยข้อความต้อนรับแล้วเข้าสู่เมนูสำหรับโทรศัพท์
“ครับ จินยองครับ”
“เอ่อ.. สวัสดีครับ ผม มาร์ค ต้วน”
“ครับคุณต้วน ผมทราบมีอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าแจ็คสันมีอะไรผิดปกปติ”
“ผมก็ไม่ทราบครับเพราะว่าเขายังไม่ถึงบ้าน ผมก็เลยจะโทรมาถามว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรรึเปล่า”
“หืม แต่คนของผมบอกว่าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนี่ครับ ผมคิดว่าเขารอไม่ไหวอยากจะรีบกลับบ้านซะอีก ถ้าอย่างนั้นเขาไปไหนกัน”
“ผมติดต่อเขาไม่ได้เลยก็เลยกำลังกังวลอยู่ ถ้ายังไง ผมขอเข้าไปที่สถาบันได้รึเปล่าครับ”
“ได้ครับ
“ขอบคุณครับ..
ตอนที่จินยองโทรมาแจ้งข่าวแจ็คสันเขาตกใจเรื่องที่เพื่อนบาดเจ็บจนลืมไปว่ากำลังคุยอยู่กับใคร เขาแน่ใจว่าตัวเองคงเสียมารยาทไปบ้างไม่มากก็น้อยแต่จินยองก็สามารถรับมือเขาได้อย่างสงบ ซึ่งน้อยคนนักที่จะทำได้ เพราะอารมณ์โกรธของมาร์คต้วนนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
.
.
.
.
มือเรียวจิ้มลงบนสมาร์ริสแบนด์ที่ข้อมือสองสามครั้งหลังจากวางสายที่ติดต่อเข้ามา
“ยองแจ อยู่รึเปล่า”
“คร้าบบบ.. ฮยองง” เสียงงัวเงียยานคางตอบกลับมา
“ขอโทษทีนะ เพิ่งได้พักล่ะสินายช่วยเช็คกล้องวงจรปิดเมื่อคืนเอาไว้ให้หน่อยนะ เดี๋ยวจะมีแขกพิเศษมาขอดู”
“แขกพิเศษ
“หวังแจ็คสันหายตัวไป”
“เฮียแจ็ค
“ใช่”
“แต่เฮียอาจจะไปไหนก็ได้นี่ครับฮยองก็หายจากบาดเจ็บแล้วนี่นา ไม่เห็นแปลกเลย โตๆ กันแล้ว”
“ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันแต่ว่าสัญญาณจากริสแบนด์ก็หายไปด้วย ท่าทางจะไม่ปกตินะยองแจ”
“เป็นไปไม่ได้นี่ฮะฮยอง
“นั่นแหละ ฉันถึงบอกว่ามันไม่ปกติฉันติดต่อไม่ได้ ระบุตำแหน่งก็ไม่ได้ด้วย แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่เช็คดูแล้วกัน ถ้าเจออะไรก็บอกด้วย อีกสักพักแขกคงมาถึง”
“แขกพิเศษนี่ใครกันฮะพ่อแม่เฮียรึเปล่าฮะฮยอง”
“เปล่า มาร์ค ต้วนน่ะ
“อ๋อ ผู้บริจาครายใหญ่คนนั้นสินะเฮียแจ็คนี่ก็มีเพื่อนเจ๋งไม่ใช่เล่น ดูถูกไม่ได้ซะด้วย เดี๋ยวผมดูไว้ให้ครับฮยอง”
“ขอบใจนะยองแจ
“ไม่เป็นไรคร้าบบบ ผมได้นอนไปสักพักแล้วยังไหวอยู่”
“ฝากด้วยนะ”
จินยองสะบัดข้อมือเบาๆ เพื่อยุติการสนทนาร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์ลุกออกจากห้องทำงานประจำของตัวเอง เดินตรงไปยังห้องที่เป็นที่พักของแจ็คสันเมื่อคืนเพื่อสำรวจอะไรบางอย่าง ภายในห้องสีขาวว่างเปล่า มีชุดผู้ป่วยกับสายคล้องไหล่ถูกถอดวางเอาไว้ลวกๆบนเตียง จินยองเดินไปเปิดตู้เล็กที่ใช้เก็บสัมภาระที่หัวเตียง พบกระเป๋าเป้ที่แจ็คสันใช้เป็นประจำยังคงอยู่ในตู้แสดงว่าเจ้าตัวยังไม่คิดที่จะกลับบ้านจริงๆ
.
.
.
.
.
รถคลาสสิกรุ่นเก่าที่ดูแตกต่างจากรถไฟฟ้ารูปทรงสมัยใหม่วิ่งเข้ามาจอดหน้าอาคารชั้นเดียวของสถาบันใกล้กับประตูเหล็กสีดำบานใหญ่ตัดกับอาคารสีขาว ชายหนุ่มที่ก้าวลงจากรถสวมแว่นกันแดดกับแจ็คเก็ตหนังสีดำคัทติ้งแปลกๆสวมทับเสื้อยืนกางเกงยีนส์ที่ดูเรียบง่าย แต่ท่วงท่ากับแบรนด์ยี่ห้อดังที่อยู่บนอกเสื้อบวกกับผิวที่ขาวจัดขับออร่าให้ชายหนุ่มดูโดดเด่นไม่แพ้ดาราดังในทีวี
จินยองมองคนที่กำลังเดินมาที่เคาท์เตอร์หน้าประตูอย่างสนใจถึงเป็นคนตระกูลใหญ่เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เคยเจอกับมาร์คต้วนมาก่อน ที่งานเลี้ยงคราวที่แล้วก็คุยกันแค่เพียงผิวเผินแต่ถึงจะไม่เคยเจอกัน ก็มักจะได้ยินคำซุบซิบนินทาหรือข่าวลือที่ลือกันไปทั่วอยู่เสมอด้วยความที่เป็นคนในตระกูลใหญ่ข่าวลือของมาร์คต้วนนั้นก็มักจะออกไปทางคุณชายเสเพลไม่ทำการทำงานเอาแต่ใช้เงินของพ่อไปวันๆ ซึ่งดูจากเงินบริจาคก้อนใหญ่ ที่บริจาคเพื่อให้ได้สิทธิพิเศษในการเข้าออกสถาบันและเพื่อให้การดูแลแจ็คสันแล้วก็อาจจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง ที่น่าแปลกคือคนอย่างมาร์คต้วนมาสนิทกับผู้ชายโลดโผนอย่างแจ็คสันขนาดนี้ได้ยังไงกัน
“สวัสดีครับคุณจินยองขอบคุณที่ออกมารับนะครับ” มาร์คต้วนก้มหัวทักทายเขาอย่างสุภาพด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาปกติผู้ชายเสเพลเค้าเป็นกันแบบนี้รึเปล่านะ
“มันเป็นกฎน่ะครับ ขอไอดีคุณด้วย” มาร์คยื่นไอดีการ์ดของเขาส่งให้กอร์ดอนทำตามกฎเมื่อวานเขาเคยเข้ามาแล้วเพื่อเอาเสื้อผ้ามาให้แจ็คสัน เพียงแต่เมื่อวานเป็นเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ออกมารับเขาไม่ใช่จินยอง เพียงครู่เดียวกอร์ดอนก็ส่งไอดีการ์ดคืนให้ และส่งการ์ดสีเงินให้กับจินยองก่อนจะพยักหน้าให้เล็กน้อย จินยองผายมือเชิญให้เขาเดินตามเข้าไป
ทั้งคู่นั่งนิ่งเงียบในรถมินิคาร์ทที่จินยองเป็นคนขับมาจนถึงหน้าห้องที่ป้ายบอกว่าเป็นแผนกไอทีจินยองแตะการ์ดสีเงินของตัวเองลงที่ประตูแล้วจึงเดินนำเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จอมากมายและไฟกระพริบกลางห้องมีโต๊ะขนาดใหญ่ ครึ่งโต๊ะกินพื้นที่ด้วยกำแพงจอแบนขนาดยักษ์สามอันต่อกันเป็นครึ่งวงกลมบังคนที่อยู่หน้าจอจนมิดจินยองพยักหน้าให้มาร์คนั่งลงด้วยกัน ก่อนจะเริ่มสรุปรายละเอียดให้ฟัง
“สถานการณ์เท่าที่ผมสรุปได้ตอนนี้คือแจ็คสันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไปจากห้องพัก ตั้งแต่เวลาประมาณสามทุ่มเมื่อคืนแล้วหายตัวไปเขายังไม่ได้ออกไปจากสถาบัน ปู่กอร์ดอนสอบถามจากรักษาการกะกลางคืนแล้ว แต่ไม่มีใครเห็นคนเข้าหรือออกไม่มีแม้แต่บันทึกการเข้าออกเช่นกัน กระเป๋าของแจ็คสันยังอยู่ที่ห้องพัก แสดงว่าที่เขาออกจากห้องไม่ใช่ต้องการกลับบ้านในตอนนั้น ข้าวของทุกอย่างในห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อยไม่มีร่องรอยการต่อสู้ คนของผมก็บอกว่าแจ็คสันเดินออกจากแผนกไปด้วยท่าทางปกติธรรมดาไม่มีอาการหวาดกลัว เหม่อลอย หรือไม่รู้สึกตัวแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เบาะแสเดียวของเราที่เหลืออยู่ก็คือกล้องวงจรปิดยองแจ ได้อะไรบ้าง”
“ได้เรื่องสิครับฮยองเรื่องใหญ่ซะด้วย” เสียงเครียดตอบมาจากหลังกำแพงจอยักษ์
“ว่ายังไงครับ แจ็คหายไปไหน” มาร์คแทรกขึ้นอย่างร้อนรน
“ผมไม่รู้”
“อ้าว
“ซึ่ง.. มันไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดจินยองฮยอง ผมมาไล่เช็คดูแล้ว พบว่ามีคนลบภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อคืนไปบางส่วนแถมยังเป็นการสั่งลบแบบมีคีย์การ์ด ทำให้ไฟล์ถูกลบออกจากระบบอย่างถาวร ผมไล่หาเฮียแจ็คเมื่อคืนภาพสุดท้ายที่ได้มีแค่ที่หน้าประตูแผนกวิจัย ดูนี่สิครับ” สิ้นเสียงคนพูดก็ตามมาด้วยเสียงรัวนิ้วลงบนคีย์บอร์ด แล้วคลิปสั้นๆ จากวงจรปิดก็ถูกแสดงขึ้นจอใหญ่ที่ผนังเป็นคลิปที่ประตูแผนกวิจัยที่กำลังเปิดออก และแจ็คสันก็เดินออกมาก่อนภาพจะตัดหายไป
“แล้วหลังจากนี้ล่ะยองแจ
“ผมเช็คที่ที่คิดว่าเฮียน่าจะไปดูหมดแล้วแผนกลาดตระเวน โรงอาหาร หรือแม้แต่แผนกอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องก็ด้วย แต่ไม่มีเลยผมว่าไฟล์ที่ถูกลบหายไปน่าจะเกี่ยวข้องกับเฮียโดยตรง เราควรทำยังไงดีครับฮยอง”
“คุณยองแจช่วยเล่นคลิปวีดีโอเมื่อกี้ที่ละเฟรมให้ผมหน่อยได้มั้ย”คำขอของมาร์คทำให้ยองแจโผล่ออกมาจากหลังกำแพงจอเพื่อมองหน้าคนขออย่างสงสัย แต่ก็เล่นภาพทีละเฟรมให้ตามคำขอมาร์คลุกเดินเข้าไปใกล้จอเพื่อดูภาพทีละเฟรมอย่างพิจารณา
“เขากำลังจะเลี้ยวไปทางซ้ายทางซ้ายมีอะไรบ้างครับ”
“เห้ย คุณรู้ได้ไงอ่ะ” ยองแจลุกขึ้นมาหรี่ตาเพ่งดูภาพที่ค้างอยู่บนจอบ้าง
“ผมกับแจ็คฝึก
จินยองเก็บงำความทึ่งในความสามารถคนตรงหน้าเอาไว้ได้อย่างมิดชิดดูเหมือนมาร์คต้วนจะไม่ใช่อย่างในข่าวลือซะแล้ว
“ทางซ้ายเหรอ.. หรือว่า.. แบมแบม..
“คุณจินยองว่ายังไงนะครับ ใครคือแบมแบม”
“แบมแบมเป็นแองเจิ้ลส์....” เสียงยองแจชะงักค้างไปแล้วหันมาหาจินยองอย่างขอความเห็น จินยองสบตากับยองแจชั่วครู่แล้วก็พยักหน้าอนุญาต
“แต่เค้าค่อนข้างอันตรายก็เลยถูกแยกออกมา...” ยองแจเหลือบมองจินยองไปด้วยระหว่างพูด ใบหน้าสวยเรียบเฉยริมฝีปากเม้มแน่น
“แล้วแจ็คสันจะไปทางนั้นทำไมครับ หรือต้องไปทำงาน”
“แจ็คสันสนิทกับเด็กคนนั้น.. อาจจะแค่แวะไปหาเฉยๆแล้วออกไปแล้วก็ได้” จินยองเอ่ยเสียงเรียบ
“แต่เมื่อกี้คุณยองแจเพิ่งบอกว่าอันตราย”เสียงของหนุ่มหล่อเริ่มขุ่นมัวตามอารมณ์
“แบมแบมจะอันตรายเฉพาะกับคนที่ไม่ดีเพื่อนคุณเป็นแบบนั้นรึไง เด็กคนนั้นชอบแจ็คสันผมยังไม่เคยเห็นเค้าสนิทกับใครไวขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางทำร้ายเพื่อนคุณแน่นอน”เสียงของหัวหน้าแผนกวิจัยเยียบเย็นลงอีกตรงข้ามกับอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นแรงกดดันในน้ำเสียงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จนยองแจต้องแอบกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ ชายหนุ่มที่มาเป็นแขกพิเศษก็ดูจะไม่ยอมแพ้แรงกดดันนั้นเอาง่ายๆ
“ไม่ว่ายังไงเราก็คงต้องเข้าไปตรวจดูนะฮะฮยอง
“ไม่หมด”มือเรียวสวยจิ้มลงบนสมาร์ทริสแบนด์ “ยูคยอมลงมาหาฉันที่ห้องไอที ฉันต้องการให้นายช่วย”
“แต่ว่า..” เสียงเซื่องซึมตอบกลับมา
“ไม่มีแต่ เดี๋ยวฉันคุยกับเจบีเองลงมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ครับ”
“เอ่อ
“กาแฟชั้นดีหอมกรุ่น
“ขอโทษครับ ที่ผมหงุดหงิดมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงเพื่อนแต่แบมแบมถูกกระทำมามากพอแล้ว ผมไม่อยากเห็นใครใส่ร้ายเด็กคนนั้นอีก”
“ดูคุณจินยองจะรักเด็กคนนั้นมากเลยนะครับ”
“ไม่ว่าใครที่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเด็กคนนั้นก็ต้องรักทั้งนั้นแหละ”
การสนทนาถูกตัดบทเมื่อมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาร์คจ้องมองชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ท่าทางจะอายุน้อยกว่าเขา ผมข้างหน้าหนาเตอะปิดไปแทบจะครึ่งใบหน้าเสื้อแขนยาวคอเต่ากับกางเกงหนังสีดำดูน่าอึดอัดไปซะหมด ไม่รวมบรรยากาศอึมครึมรอบๆตัวนั่นอีกด้วย ที่นี่มีแต่คนแปลกๆ มิน่าเพื่อนเขาถึงเข้ามาฝึกงานได้ ยูคยอมที่เข้ามาใหม่ก้มหัวทักทายทุกคนแล้วเดินไปยืนข้างจินยองอย่างเงียบเชียบ
“เอาละ ยองแจ กล้องวงจรปิดในโดมเมื่อคืนล่ะ”
“มีบางส่วนถูกลบไปครับช่วงสามทุ่มถึงห้าทุ่ม”
“ขอภาพปัจจุบันให้ฉันหน่อย”
“ก็ดูเหมือนจะปรกติดี
“มาร์คครับ”
“หืม”
“เรียกผมว่ามาร์คเถอะครับ อย่าเรียกคุณต้วนเลยส่วนอาวุธผมใช้เป็นครับ”
“โอเค คุณมาร์ค”
จินยองรับคำแล้วพาทุกคนออกจากห้องไอทีตรงไปที่แผนกลาดตระเวน ยูคยอมเข้าไปหยิบเอียร์ปลั๊กกับปืนเลเซอร์ที่ตั้งค่าเรียบร้อยแล้วส่งให้กับมาร์คโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ส่วนจินยองหายเข้าไปในแผนกวิจัยฝั่งตรงข้ามไม่นานนักก็กลับมาพร้อมนักวิจัยอีกสองคนกับเชือกไฟฟ้าสีดำเส้นเขื่องในมือ
ข้างในโดมเป็นสิ่งที่มาร์คไม่เคยจินตนาการว่าจะได้เห็นมาก่อนทั้งอากาศที่สดชื่น ต้นไม้สูงใหญ่มากมาย ทางเดินขนาดเล็กเลียบลูกกรงสีดำที่สูงจรดเพดานโดมมีจินยองที่เดินนำอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางสบายๆ แต่นอกจากจินยองแล้ว คนอื่นๆกลับที่ท่าทีระแวดระวังและเคร่งขรึม จนมาร์คอดระวังตัวไปด้วยไม่ได้แองเจิ้ลส์ที่ทุกคนบอกว่าอันตรายจะน่ากลัวสักแค่ไหนกัน
ทุกอย่างโดยรอบดูเหมือนจะปกติดี
“การ์ดของแจ็คสัน ทำไมเป็นแบบนี้”
“เฮียอาจจะยังอยู่แถวนี้ก็ได้นะครับเราลองเรียกดูดีกว่า” มาร์คเพิ่งได้ยินยูคยอมเปิดปากพูดเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาถึง ทุกคนพยักหน้าให้กันแล้วเริ่มตะโกนเรียก
“แจ็คสัน!!”
“แจ็คสัน!!”
“แจ็คสัน!!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in