เขาบอกว่ามันสวย..
เขาบอกว่าชอบปีกของเรา..
ทำไม.. ดีใจจัง..
เจียเออร์...
.
.
.
.
.
“ขอเฮียจับหน่อยได้รึเปล่า.. เอ่อ.. หมายถึงปีกน่ะ” ทั้งๆ ที่ไม่คิดอะไร แต่ไม่รู้ทำไมพอพูดออกไปแล้วแจ็คสันถึงรู้สึกเหมือนกำลังลวนลามเด็กน้อยยังไงพิกล ใบหน้าสวยที่เพิ่งส่งยิ้มให้เขาเมื่อสักครู่มีแววลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็พยักหน้าให้ ปีกที่เหยียดออกพับกลับเข้ามาหาตัว ส่งปีกข้างซ้ายยื่นมาหาเขาที่นั่งอยู่ต่อหน้า ลำคอเล็กเกร็งและหลับตาปี๋เหมือนกำลังรอรับความเจ็บปวด
“ว้าวว...” แจ็คสันเอื้อมมือไปสัมผัสกับปีกสีขาวบริสุทธิ์อย่างแผ่วเบา สีของมันขาวจนเขาคิดว่าตัวเองอาจจะทำให้มันเปื้อนโดยไม่รู้ตัว ขนปีกทั้งหนาและนุ่มกว่าขนนกใดๆ ที่เขาเคยสัมผัส แต่ละเส้นเรียงตัวกันเป็นระเบียบราวกับไม่เคยต้องลม ชายหนุ่มไล้มือไปตามขนนุ่มเบาๆ ขนปีกที่เรียบลื่นและนุ่มราวกับกำมะหยี่ทำให้เขารู้สึกดีมากจนไม่อยากจะถอนมือออก แต่รู้สึกได้ว่าปีกที่เขาสัมผัสอยู่กำลังสั่นเล็กน้อย ชายหนุ่มหันไปมองร่างเล็กที่ยังนั่งหลับตาปี๋ ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่ากับผิวขาวละเอียดนั้นกำลังเกร็งจนเป็นสีชมพูจางๆ เขาจึงปล่อยมือออกจากปีกอย่างเสียไม่ได้ เด็กน้อยลอบถอนหายใจแผ่วเบา แต่เขาก็รู้สึกได้
“เจ็บเหรอแบม ถ้ามีคนจับปีกจะเจ็บเหรอ เฮียขอโทษนะ เฮียไม่รู้” แต่แบมแบมส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาพูดจบ
“ไม่เจ็บ... แต่..”
“แต่?”
“มัน... แปลก.. ” น้ำเสียงเล็กนั่นเคอะเขินจนน่าเอ็นดู ยูคยอมบอกว่าแบมแบมไม่เคยกางปีกให้ใครเห็น แสดงว่าก็อาจจะไม่มีใครเคยได้สัมผัสใกล้ๆ แบบนี้เช่นกัน แต่ว่า.. แจ็คสันนึกถึงแองเจิ้ลส์พ่อแม่ลูกที่เขาเห็นที่น้ำตก ตอนนั้นพ่อแม่แองเจิ้ลส์ก็ดูแลทำความสะอาดทั้งร่างกายแล้วก็ปีกให้แองเจิ้ลส์เด็กคนนั้นเป็นอย่างดี
“แล้ว... พ่อกับแม่ล่ะ ไม่เคยให้จับเหรอ” ชายหนุ่มนึกอยากจะตบปากตัวเองที่ไปไวความคิด จากสายตาที่แบมแบมมองมาตอนเขาถามถึงตุ๊กตาพ่อแม่ก็น่าจะพอเดาได้ว่าแบมแบมไม่อยากให้พูดถึงเรื่องนี้ แต่เขากลับหลุดคำถามไปเสียแล้ว
“แบม.. ไม่รู้.. พ่อแม่..” แจ็คสันใจหายวาบ เขาไปแตะเรื่องที่ไม่สมควรเข้าซะแล้ว เมื่อเห็นร่างเล็กก้มหน้านิ่ง มือหนาจึงเอื้อมไปลูบหัวเบาๆ แองเจิ้ลส์น้อยกำพร้าพ่อแม่นี่เอง ถึงไม่มีใครลงมารับตอนที่เจบีเฝ้ารอ
“ขอโทษนะที่ถาม” คำพูดปลอบใจอื่นอีกร้อยพันคำจุกอยู่ที่ลำคอ แต่ชายหนุ่มไม่สามารถเอ่ยมันออกมาได้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนกับว่าแบมแบมไม่ได้ต้องการคำปลอบใจในเรื่องนี้ แค่อยากให้มันผ่านเลยไป
“เอาล่ะ ไหน ลุกขึ้นยืนให้เฮียดูหน่อยสิ” แจ็คสันเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่เขาจะต้องเห็นน้ำตาอีกครั้ง แค่เช้าวันนี้วันเดียวก็เหมือนเขาเห็นน้ำตาของแองเจิ้ลส์น้อยมากเกินพอ ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจอยากจะให้เด็กน้อยมีแต่รอยยิ้มแท้ๆ
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงดึงไหล่เล็กให้ลุกตามขึ้นมา พร้อมทั้งเก็บเสื้อยืดสีขาวที่แบมแบมถอดทิ้งไว้ มาให้เด็กน้อยถือบังช่วงตัวที่เปลือยเปล่า แบมแบมคงไม่รู้สึกอะไรที่ต้องถอดเสื้อ แต่เป็นเขาเองที่ยังรู้สึกกระดากใจอยู่บ้าง ปีกกว้างหุบแนบลำตัวโดยอัตโนมัติเมื่อเด็กน้อยลุกขึ้นยืนตรง ใบหน้าได้รูปจ้องมองมาที่เขา
“หมุนหน่อยยย” มือแกร่งจับให้แบมแบมหันตัวไปเบาๆ แองเจิ้ลส์น้อยทำตามคำพูดอย่างว่าง่าย ทั้งที่ยังดูงงๆ เล็กน้อย
“หืม แบม ทำไมข้างหลังเป็นแบบนี้ล่ะ” แจ็คสันเอ่ยถามแองเจิ้ลส์น้อยเมื่อได้เห็นด้านหลังของปีกสีขาว ถึงแม้ปีกจะหุบอยู่แต่เขาก็ได้เห็นขนที่พันกันยุ่งเป็นกระจุกๆ แถวโคนปีกซึ่งมีจำนวนไม่น้อย แองเจิ้ลส์น้อยกางปีกออกแล้วพยายามเหลียวมามองดูข้างหลัง แต่เด็กน้อยก็ไม่สามารถมองเห็นตรงส่วนที่เขาถามได้ ปีกกว้างขยับกระพือเบาๆ อย่างขัดใจ มือเล็กพยายามเอื้อมมาด้านหลัง เมื่อดูใกล้ๆ ในท่ายืนแบบนี้แล้วปีกของแบมแบมดูจะใหญ่กว่าของแองเจิ้ลส์เด็กที่เขาเห็นที่น้ำตกมาก
“ไม่ถึง..” เสียงแองเจิ้ลส์น้อยเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เด็กน้อยหันรีหันขวางพยายามจะเหลียวมาข้างหลังให้มากที่สุด ชายหนุ่มเข้าใจได้ในทันที เพราะว่าแบมแบมอยู่คนเดียว แองเจิ้ลส์น้อยก็เลยไม่สามารถจัดการกับขนที่อยู่ด้านหลังของตัวเองได้ ทำให้มันพันกันเป็นกระจุก เขาเพิ่งเข้าใจภาพของแองเจิ้ลส์ที่แต่งขนให้กันอย่างชัดแจ้งก็ตอนนี้เอง
“ไม่มีคนทำให้ คงจะรำคาญแย่เลยสินะ อยู่นิ่งๆ นะ เดี๋ยวเฮียทำให้เอง” แจ็คสันพยายามจัดขนที่พันกันเป็นกระจุกให้คลายออกอย่างเบามือที่สุด แต่ร่างเล็กขยับยุกยิกไปมา บวกกับขนที่พันกันมาเป็นเวลานานทำให้เขาทำงานยากพอสมควร
“อยู่นิ่งๆ สิแบม ยุกยิกแบบนี้เฮียจะทำให้ได้ยังไงล่ะ” เพราะเด็กน้อยตัวเล็กกว่าเขามาก เขาก็เลยต้องก้มลง จนไม่ทันเห็นใบหูเล็กทั้งสองข้างที่กำลังแดงแจ๋ มือที่พยายามทั้งแก้ทั้งแกะขนที่พันกันทำให้เขาต้องใช้นิ้วสางไล้ไปตามขนปีก
“อะ.. อ๊าา” เสียงแปลกๆ เล็ดรอดออกมาจากร่างเล็กที่รีบยกมือขึ้นมาอุดปาก แต่แจ็คสันก็ยังมุ่งมั่นอยู่กับการจัดการเส้นขนที่พันกัน ร่างเล็กสั่นระริกอย่างพยายามอดกลั้น
“ไม่ไหวแฮะ มันพันกันเยอะไป สงสัยจะต้องใช้น้ำช่วยละมั้ง เอ.. เราไปที่ทะเลสาปกันดีกว่ามั้ยแบม” แบมแบมถอนหายใจที่กลั้นไว้แล้วรีบพยักหน้าเมื่อแจ็คสันปล่อยมือออกจากปีกของเขา แองเจิ้ลส์น้อยเหยียดปีกออกจนสุดแล้วขยับเพียงเล็กน้อยปีกสีขาวก็ละลายหายวับไปในอากาศ ร่างเล็กรีบสวมเสื้อยืดที่ถือไว้แล้วจ้ำอ้าวไปยังทางออกจากรัง โดยไม่หันกลับมามองคนที่ยืนเหวออยู่
“อ้าว.. หรือว่าจะโกรธหว่า เราละลาบละล้วงเกินไปรึเปล่านะ” ชายหนุ่มได้แต่พึมพัมเบาๆ ก่อนจะเดินตามแบมแบมออกไปยังทางที่เขาคิดว่าเป็นทางออกจากรัง
ทางเดินปลายโดมเริ่มแคบลงเมื่อใกล้ถึงทางออก ผนังโดมด้านนอกโค้งแคบเข้ามาจนเกือบจะขนานกับผนังด้านในที่ตอนนี้มองออกว่าเป็นต้นไม้ แจ็คสันเริ่มรู้สึกได้ถึงสายลมและมองเห็นหลังของแบมแบมหายวับไปเมื่อถึงปากทาง ชายหนุ่มเดินมาจนสุดปลายที่เป็นช่องแคบๆ ขนาดพอให้แค่คนสองคนผ่านได้ ลมพัดมาวูบใหญ่เมื่อเขาเดินพ้นจากตัวโดม
“เหวอออออ โว้ววววววววววว แบมแบ๊มมมมมมม” เขารู้อยู่แล้วว่ารังของแองเจิ้ลส์จะต้องอยู่บนต้นไม้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะอยู่สูงจนน่าหวาดเสียวขนาดนี้ รังของแบมแบมอยู่บนต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโดมพื้นรังอยู่บนกิ่งใหญ่ที่สูงที่สุดของต้น ความสูงตอนนี้คงประมาณตึกสองหรือสามชั้น กิ่งที่อยู่ถัดไปด้านล่าง มีความหนาและแข็งแรงเรียงสลับกันไปมาไม่ต่างจากขั้นบันได แต่ว่าระยะห่างของแต่ละกิ่งนั้นก็ยังสูงพอสมควร แถมนอกจากกิ่งใหญ่ๆ นั้นแล้วยังไม่มีกิ่งยิบย่อยให้ยึดเกาะได้อีกด้วย แจ็คสันถอยมาตั้งหลักในโดม ขนาดคนที่ไม่ใช่คนกลัวความสูงอย่างเขายังหวาดเสียวจนหัวใจเต้นรัวถี่ยิบ
“จะลงยังไงวะ แล้วนี่เราขึ้นมาได้ยังไง ให้ตายสิอย่าบอกนะว่า...” ตอนที่แบมแบมพาเขาขึ้นมาเขาหมดสติไม่รู้เรื่อง แล้วนอกจากบาดแผลที่ได้รับจากที่โดนยิงกับตอนต่อสู้แล้วเขาก็ไม่มีบาดแผลอื่น แสดงว่าแบมแบมต้องพาเขาขึ้นมาอย่างระมัดระวังพอสมควร ภาพตอนร่างที่บอบบางของเพิร์ลอุ้มโฮเซ่ที่ตัวใหญ่กว่าหายลับไปบนต้นไม้ลอยเข้ามาในหัว
“อย่าบอกนะว่า...” ร่างของเด็กน้อยกระโดดพริ้วกลับขึ้นมาที่ปากทาง
“แจ็ค”
“แบม แบมเอาเฮียขึ้นมาได้ไงเนี่ย”
“แบมอุ้ม” เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้าง สองแขนกางออกในท่าอุ้มแบบที่คนทั่วไปคงเรียกว่าท่าอุ้มเจ้าสาว แจ็คสันซบหน้าลงกับฝ่ามือ ถึงจะเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ แต่มันก็น่าอายอยู่ดี แจ็คสันผู้แสนจะมาดแมน โดนเด็กน้อยอุ้มท่าเจ้าสาวขึ้นมาบนต้นไม้ยักษ์แล้วลงก็ไม่ได้เนี่ย โธ่เอ๊ย
“โกรธเหรอ” สองมือเล็กตกลงข้างตัว ใบหน้าสวยสลดลงเล็กน้อย
“ปะ เปล่าๆ เฮียไม่โกรธแบมหรอก” แจ็คสันรีบเงยหน้าส่งยิ้มให้เด็กน้อยสบายใจ ในใจก็ครุ่นคิดหาทางลงจากต้นไม้ เขาไม่ได้สวมคอมแบ็ตมาด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่มีบอร์ดแรงดัน มีทางเลือกแค่สองทางคือกระโดดลงไปตามกิ่งเหมือนแบมแบม หรือไม่ก็ไต่ลำต้นลงไปเหมือนไต่หน้าผา
ชายหนุ่มตัดสินใจเดินออกมาที่ปากทางอีกครั้ง มือขวายึดผนังไว้แน่นแล้วก้มลงไปดูด้านล่าง ถ้าเป็นยูคยอมน่าจะกระโดดลงไปได้ละมั้ง แต่สำหรับเขาแล้ว ถึงจะมั่นใจในกำลังขาของตัวเองมากแค่ไหนแต่ถ้าโดดพลาดขึ้นมานี่ก็จบเห่ มีสิทธิร่วงลงไปคอหักตายได้เหมือนกัน แบมแบมที่เดินมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนจะขำในท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ของเขา
“แจ็ค ปะ”
“ห๊ะ เหวอออ” สิ้นเสียงแขนขวาของเด็กน้อยก็คว้าเอวเขาเข้ามากอดแล้วพากระโดดลงไปยังกิ่งที่ใกล้ที่สุด สัญชาติญาณทำให้แจ็คสันกอดคอแบมแบมด้วยแขนซ้ายแล้วปล่อยให้เด็กน้อยเป็นคนนำ แบมแบมช่วยประคองแล้วก็รับน้ำหนักทำให้เขาลงได้อย่างนุ่มนวล เมื่อลงมาที่กิ่งแรกได้แล้วแบมแบมก็หันหน้ามาหาเขาเพื่อขอความเห็น วิธีนี้คงจะเป็นวิธีลงที่เร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด ถึงแม้จะน่าอายอยู่บ้าง แต่ก็คงจะดีกว่าท่าอุ้มเจ้าสาวและอย่างน้อยก็ไม่มีใครเห็น แจ็คสันจึงพยักหน้าให้แองเจิ้ลส์น้อยพาเขาลงต่อไป
ทั้งคู่กระโดดลงมาตามกิ่งก้านที่แบมแบมคุ้นเคย ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเขากำลังเล่นเครื่องเล่นตามสวนสนุก ความรู้สึกเสียววูบจากการโดดแต่ละครั้งก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นดีไม่ใช่น้อย ไม่น่าเชื่อว่าเด็กน้อยจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยได้ทั้งๆ รูปร่างแตกต่างกันพอสมควร และในที่สุดเท้าของทั้งคู่ก็ลงสัมผัสพื้น เด็กน้อยผละจากเขาแล้ววิ่งไปทางทะเลสาป
“เฮ้ แบม! เดี๋ยวสิ รอเฮียด้วย” แจ็คสันวิ่งตามไปติดๆ เรื่องกำลังขาเขาก็คิดว่าตัวเองไม่แพ้ใครเหมือนกัน ถ้าอยากจะแข่งก็ได้เสมอ
“คุณเต่าาาาา แบร่~” เด็กน้อยหันมาหัวเราะ ล้อเลียนเขาที่วิ่งตามหลัง แล้วเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก
“หนอยยย ล้อเฮียเหรอ เดี๋ยวเถอะเด็กนี่” แจ็คสันเองก็หัวเราะแล้วเร่งสปีดตามไป ความสุขพองล้นอยู่ในหัวใจเขาแบบแปลกๆ เขาไม่รู้เลยว่าเด็กน้อยจะขี้เล่นขนาดนี้ เสียงหัวเราะตะโกนล้อเลียนกันของทั้งคู่ดังก้องไปทั่วโดม
เพียงครู่เดียวทั้งคู่ก็วิ่งพ้นจากแนวต้นไม้มาถึงที่ราบกว้างที่อยู่หน้าประตูกรง ที่ที่เกิดการต่อสู้กันขึ้นเมื่อคืน แจ็คสันหยุดวิ่งเมื่อได้เห็นประตูกรง แองเจิ้ลส์น้อยจึงหยุดยืนรอเช่นกัน ชายหนุ่มเดินเข้าไปที่ประตูกรงที่เขาผ่านเข้ามาเมื่อคืน ตอนนี้ประตูกรงหนาหนักกลับปิดสนิทเหมือนปกติอีกครั้ง แสดงว่าเขาถูกขังอยู่ข้างในกับแองเจิ้ลส์น้อย ผู้บุกรุกคงจะคิดว่าแบมแบมจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ เหมือนเจ้าหน้าที่คนอื่นที่โดนแบมแบมทำร้าย แล้วมันก็จะไม่มีหลักฐานมัดตัว แต่พวกมันคิดผิด เขายังอยู่ และเขาต้องบอกเรื่องนี้กับเจบีให้เร็วที่สุด
ชายหนุ่มลองขยับประตูกรง แต่ประตูที่ถูกล็อคไว้ด้วยไฟฟ้าก็นิ่งสนิท เขาล้วงหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า แต่ทั้งการ์ด ทั้งเข็มขัดอุปกรณ์ ทุกอย่างที่ติดตัวเขามาเมื่อคืนหายไปหมด เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเขาเหลือแต่เสื้อผ้าเท่านั้น ข้อมือหนายกขึ้นมาเพื่อเช็คสมาร์ทริสแบนด์ ก็พบว่าหน้าจอมันแตกละเอียด สรุปว่าเขาถูกขังอยู่ที่นี่โดยสมบูรณ์ ไม่สามารถติดต่อกับใครได้เลยจนกว่าจะมีใครมาเจอเข้า
“แจ็ค..” แองเจิ้ลส์น้อยเรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา
“อ้อ ขอโทษทีนะแบม รอเฮียอยู่สินะ ไปกันเถอะ เฮียคงต้องอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่” แจ็คสันผละจากกรงแล้วเดินไปหาเด็กน้อยที่ยืนรอเขา รอยยิ้มยินดีส่งมาจากใบหน้าสวย ชายหนุ่มคว้ามือเล็กมาแล้วจูงมือกันเดินไปที่ทะเลสาป แจ็คสันทำท่าจะนั่งลงตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เขาเคยเห็นแบมแบมนั่งอยู่ แต่แองเจิ้ลส์น้อยดึงมือเขาไว้แล้วส่ายหน้า
“ตรงนี้.. มีตา..”
“ตา... อ๋อ กล้องวงจรปิดสินะ รู้ด้วยเหรอเนี่ย” แบมแบมดึงมือเขาให้เดินเลาะลึกเข้าไปตามริมทะเลสาปจนถึงเวิ้งหนึ่งที่เว้าลึกเข้าไปในแนวต้นไม้ บดบังสายตาจากรอบด้าน มีบริเวณที่เป็นที่ลาดลงไปในทะเลสาป รอยย่ำบริเวณนั้นพอจะบอกได้ว่าตรงนี้เป็นที่ประจำของแองเจิ้ลส์น้อย
“เอาตรงนี้แล้วกันเนอะ” แจ็คสันจูงมือแองเจิ้ลส์น้อยมานั่งลงที่ริมตลิ่งของทะเลสาปตรงที่เขาพอจะสามารถใช้มือวักน้ำได้ถึง แต่ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร ท้องเขาก็ส่งเสียงร้องโครกครากออกมาซะก่อน เด็กน้อยหัวเราะ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองฟ้า โดมกระจกใสแจ๋วช่วยกรองแสงธรรมชาติไม่ให้ภายในโดมร้อนจนเกินไป แต่ก็มองเห็นได้ชัดแจ๋วว่าดวงอาทิตย์อยู่เลยหัวไปเล็กน้อยแล้ว
“นี่คงใกล้จะบ่ายแล้วละมั้ง เฮียไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ทำไงได้ล่ะ” แจ็คสันขยี้หัวเล็กที่กำลังหัวเราะคิกคัก แล้วมองไปยังต้นไม้รอบๆ ว่าพอจะหาอะไรกินได้รึเปล่า แองเจิ้ลส์น้อยลุกขึ้นแล้ววิ่งหายเข้าไปในป่า แจ็คสันก็เลยลุกขึ้นสำรวจบริเวณใกล้ๆ แต่ก็ไม่เจออะไรที่สามารถกินได้เลย ถ้าไม่มีใครมาพาเขาออกไปจากที่นี่เร็วๆ นี้ เขาคงจะต้องอดตายแน่ๆ
ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของแองเจิ้ลส์น้อยดังมาแต่ไกล “แจ็ค!!” เด็กน้อยหอบเอาแอปเปิ้ลลูกย่อมๆ หลายลูกมาในอ้อมแขนเล็ก แล้วในมือก็มีอะไรบางอย่างอยู่ด้วย
“โอ้ ขอบใจนะแบม เฮียรอดตายแล้ว” แจ็คสันรับแอปเปิ้ลมาแล้วนั่งลงที่ริมตลิ่ง เขาถอดรองเท้าผ้าใบออก พับขากางเกงยีนส์ขึ้นให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วนั่งห้อยขาลงในน้ำ ตีน้ำเล่นอย่างเพลิดเพลินระหว่างที่กัดแอปเปิ้ลคำโต
“อยากทำแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย” ร่างเล็กนั่งลงข้างๆ แล้วเลียนแบบการกระทำของชายหนุ่ม ขาเรียวตีน้ำไปมา
“นี่เหรอ..”
“ใช่ เพลินดีมั้ย”
“อื้ม” แองเจิ้ลส์น้อยยิ้มตาหยี มือเล็กคลายสิ่งที่ถืออยู่ ในมือเป็นชิ้นส่วนของรังผึ้งที่ชุ่มไปด้วยน้ำผึ้ง แต่แปลกที่ไม่มีตัวผึ้งหรือตัวอ่อนอยู่เลย นิ้วเรียวจิ้มเอาน้ำผึ้งหวานส่งเข้าปาก พลางเอาขาตีน้ำแข่งกับขาที่ดูแกร่งกว่าข้างๆ บรรยากาศทั้งสบายแล้วก็สงบสุข แจ็คสันรู้สึกเหมือนโลกที่อยู่นอกโดมนี้ไม่เคยมีมาก่อน เหมือนทั้งโลกมีแค่เขากับแองเจิ้ลส์น้อยที่กำลังมีความสุขเท่านั้น
ไม่นานนักแอปเปิ้ลลูกย่อมๆ ก็หายไปหลายลูก ชายหนุ่มเลิกตีน้ำแล้วก็วักน้ำขึ้นมาล้างมือล้างปาก น้ำในนี้ใสสะอาดพอให้เบาใจได้อยู่ จริงๆ ก็อาจจะกินได้ด้วย เพราะไม่ใช่น้ำจากธรรมชาติอย่างแท้จริง แต่เป็นน้ำในโดมที่สถาบันสร้างขึ้นเพื่อให้แองเจิ้ลส์น้อยเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่กล้าเสี่ยง อีกอย่างความชุ่มฉ่ำของแอปเปิ้ลก็คงพอทำให้เขาไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำกินไปสักระยะ
“ชอบของหวานจังนะแบม พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ฟันผุหมดหรอกเนี่ย” แองเจิ้ลส์น้อยหน้ามุ่ย แต่ก็หยุดจิ้มน้ำผึ้งมาดูดแต่โดยดี แจ็คสันลุกขึ้นไปเด็ดใบไม้ใบใหญ่ๆ มาล้างน้ำ แล้วก็รับเอาชิ้นรังผึ้งมาห่อเก็บไว้ให้เด็กน้อย
“ดูสิ มือเหนียวหนึบไปหมดแล้ว” ร่างสูงวักน้ำมาล้างมือล้างปาก ให้คนตรงหน้า แองเจิ้ลส์น้อยก็นั่งยิ้มยอมให้เช็ดล้างแต่โดยดี
“เอาล่ะ กางปีกสิ เฮียจะแกะที่พันกันให้” ชายหนุ่มตั้งใจจะสานต่อเรื่องที่ทำไว้สักที แต่ร่างเล็กกลับมีทำท่าทีอิดออด
“ทำไมล่ะ ไม่อย่างนั้นมันจะแก้ไม่ได้นะ น่ารำคาญไม่ใช่รึไง”
“ก็มัน.. แปลกนี่” เสียงเล็กค้านมาอ่อยๆ
“แปลกยังไงกัน เพราะเราไม่ชินมากกว่าที่มีคนมาจับน่ะ อดทนเอาหน่อยสิ ไม่เอาน่าเร็วเข้า หันหลังไป เร็ว” แจ็คสันคะยั้นคะยอ เขาไม่รู้ว่าจะมีใครเข้ามาหาตัวเขาที่นี่เมื่อไหร่ เขาอยากจะช่วยแบมแบมจัดขนปีกให้เสร็จ เด็กน้อยจะได้สบายตัว
แบมแบมยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ ร่างเล็กดึงขาขึ้นจากน้ำแล้ว ถอดเสื้อออก พริบตาเดียวปีกสีขาวก็กางออกกว้าง แจ็คสันรู้สึกเหมือนได้เห็นปาฏิหารย์ครั้งแล้วครั้งเล่า เด็กน้อยหันหลังให้แจ็คสัน ปีกที่กางออกหุบลงมาครึ่งหนึ่งแต่ก็ยังเผยให้เห็นบริเวณที่พันกันเป็นสังกะตัง โดยเฉพาะตรงบริเวณโคนปีกที่เชื่อมต่อออกมาจากกระดูกสันหลัง แจ็คสันก็อยากรู้เหมือนกันว่าปีกของแองเจิ้ลส์ทำงานยังไงกันแน่ ทำไมถึงได้สามารถเก็บหายให้ไปแล้วก็กางออกได้แบบนี้ แองเจิ้ลส์นี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าอัศจรรย์ซะจริงๆ
ชายหนุ่มรู้ว่าเวลาของเขาคงมีไม่มากนัก เพราะเขาบอกมาร์คเอาไว้ว่าจะกลับบ้านตอนเช้า แต่นี่มันบ่ายแล้ว เพื่อนเขาคงจะพอเอะใจอะไรบ้าง ขึ้นอยู่กับว่ามาร์คจะเริ่มตามหาเขาเมื่อไหร่นี่สิ เพราะเพื่อนเขาเป็นคนที่ค่อนข้างใจเย็นอยู่พอสมควร แล้วการที่ผู้ใหญ่คนนึงจะหายไปสักวันครึ่งวันก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร
มือหนาเริ่มลงมือวักน้ำมารดตรงส่วนที่พันกันเป็นกระจุก แล้วค่อยๆ ใช้นิ้วสางเอาขนที่พันกันเพราะขนอ่อนที่หลุดร่วงสะสมออก ตรงไหนที่เรียบร้อยดีแล้วเขาก็จะเป่าเบาๆ เพื่อให้ขนบริเวณนั้นแห้ง เขาคิดว่าที่เด็กน้อยบอกว่ามันแปลก คงเพราะแองเจิ้ลส์น้อยรู้สึกจั๊กจี้มากกว่า ร่างเล็กก็ดูพยายามจะอยู่นิ่งให้มากที่สุด เด็กน้อยนั่งกอดเข่า ปีกกางไว้เพียงครึ่ง เขาไม่รู้ว่าแบบนี้จะทำให้เมื่อยรึเปล่า แต่มันช่วยไม่ได้ เสียงอิ๊อ๊ะเล็ดรอดออกมาเป็นระยะ ถึงแม้ร่างเล็กพยายามอยู่นิ่งแต่ก็ยังอดยุกยิกไม่ได้อยู่ดี แจ็คสันจึงได้แต่พยายามทำให้เบาและเร็วที่สุด
เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง กว่าเขาจะจัดการแกะขนที่พันกันทั้งหมดออกจนเสร็จ แล้วตอนนี้ปีกด้านหลังของแองเจิ้ลส์น้อยก็ดูสวยงามเป็นระเบียบไม่ต่างจากด้านหน้าแล้ว แจ็คสันมองผลงานของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“เอาละ เสร็จแล้ว แบมแบม” ชายหนุ่มลูบขนปีกที่เป็นระเบียบอย่างแผ่วเบาเป็นครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเขาถึงจะได้สัมผัสมันอีก สิ้นเสียงเขาแบมแบมก็เก็บปีก รีบสวมเสื้อแล้วลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณ” เสียงเล็กเอ่ยขอบคุณเขาแผ่วเบา แล้วก็วิ่งหายเข้าไปในป่า
“อ้าว!! แบมแบม!! จะไปไหนน่ะ รอเฮียด้วยสิ!!” ชายหนุ่มตั้งท่าจะวิ่งตามร่างเล็กไป แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะดังแว่วมา
“แจ็คสัน!!” “แจ็คสัน!!”
“แจ็คสัน!!”
“แจ็คสัน!!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in