รถบัสจอดตรงป้ายKowloon Bay Station ฉันลากกระเป๋าลงมาแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้ทิศทาง ตรงหน้าคือป้ายรถเมล์และมีสะพานลอยอยู่ใกล้ ๆมีแผงสังกะสีตีขึ้นกันเป็นแนวคล้าย ๆ กำลังก่อสร้างอะไรบางอย่าง เห็นผู้คนเดินไหลไปตามทางเดียวกันเลยตัดสินใจเดินไปดูอีกฝั่งว่าตรงนี้มันคืออะไร และฉันอยู่ตรงไหนของแผนที่
เดินมาเจอป้ายAmoy Plaza เลยรู้ว่าอยู่ผิดฝั่งซะแล้ว ต้องข้ามสะพานลอยอันเมื่อกี้เพื่อไปยังฝั่งของ MTRKowloon Bay และเดินต่อไปอีกจึงจะถึงโรงแรม ฉันตัดสินใจเดินย้อนกลับมา ระหว่างทางมองเห็นโพสอิทและกระดาษจำนวนมากติดอยู่บนสังกะสี พอสังเกตดูดี ๆเลยเห็นว่าเป็นข้อความที่เกี่ยวกับการประท้วงทั้งนั้น บางทีพื้นที่ตรงนี้อาจจะเคยมีม็อบก็ได้
ฉันลากกระเป๋าเดินทางไซส์ 28 นิ้วขึ้นสะพานลอยท่ามกลางอุณหภูมิสามสิบกว่าองศาเซลเซียส ยังไม่ทันจะถึงไหนเลย เหงื่อก็ท่วมตัวแล้ว ระหว่างทางก็มองหาจุดสังเกต ดูเหมือนบนสถานีจะถูกสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าคร่อมทับเอาไว้ แต่จากกูเกิลแมพบอกว่าฉันต้องเดินผ่านตรงนี้ไปก่อน ซึ่งทางที่ต้องผ่านนั้นไม่มีลิฟต์หรือบันไดเลื่อนเลย หรือลิฟต์ที่เจอก็เป็นลิฟต์สำหรับคนพิการเท่านั้น ถ้าจะใช้ก็ต้องกดเรียกเจ้าหน้าที่ (รู้สึกคุ้นๆ ยังไงชอบกล)
ฉันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงโรงแรม พนักงานต้อนรับติดป้ายชื่อบนอกเสื้อว่าEric ต้อนรับฉันอย่างดี พอยื่นใบจองห้องไปเอริคก็ให้เช็คอินก่อนเวลาได้เลย ซึ่งตามกำหนดให้เช็คอินบ่ายสอง ฉันได้ห้องพัก438 ไม่เอาวิวอะไรทั้งนั้น แต่ห้องที่ได้มองเห็นสวนหย่อมเล็ก ๆ ของโรงแรม ดูแล้วก็เพลินตาดี
วางกระเป๋าเรียบร้อย ก็คิดว่าออกไปรับบัตรคอนเสิร์ตและซื้อกู๊ดส์เลยดีกว่า ตัวโรงแรมมีทางออก 2ด้านคือไปทะลุถนนเส้นที่อยู่ใกล้กับ KITEC ซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต ตามข้อมูลที่หามาฉันเข้าใจว่า KITEC น่าจะประมาณเมืองทองธานี แต่ของจริงคือดูเล็กกว่านั้นและเหมือนห้างมากกว่า ชั้นล่างฝั่งที่เราเดินเข้าไปเป็นโรงแรม เลยโถงกลางไปเป็นโรงหนัง และมีร้านขายของกระจายตัวอยู่
ระหว่างที่มองหาTicketDispensing Machines ก็หันไปเจอตู้ที่ว่าพอดี ซึ่งภาพในหัวก็น่าจะประมาณตู้แบบหน้าโรงหนังบ้านเรา สแกนโค้ดแล้วรับบัตรได้เลย แต่ของจริงไม่ใช่ว่ะ บนจอขึ้นว่าให้ใช้บัตรเครดิตรูด หรือล็อกอินผ่านยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด ซึ่ง.... บัตรเครดิตที่ฉันใช้จองรายการนี้โดนแฮคไปเมื่อเดือนก่อน ธนาคารเลยให้ทำลายบัตรและออกบัตรใหม่ให้ แต่เอาเข้าจริงบัตรใบเก่ายังไม่ได้ทำลายทิ้งนะ แต่ก็.... ลืมเอามาอยู่ดี
งั้นล็อกอินเอาก็ได้เนอะ
แต่จิ้มๆ ตู้ดูแล้วไม่มีให้ตัวหนังสือหรือช่องกรอกอะไรเลยว่ะ มีให้ใส่แต่ตัวเลข ลองยังไงก็ไม่สำเร็จ ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายคนนึงมากดเอาตั๋วจากตู้พอดี ซึ่งวิธีการก็แสนจะง่ายคือรูดบัตรเครดิตแล้วตั๋วก็หล่นลงมาในช่องด้านล่าง
ฉันเลยตัดสินใจถามเขาว่าถ้าไม่ใช้บัตรจะทำยังไงดี เขาช่วยดูเอกสารที่ปริ๊นมาแล้วตอบสั้น ๆ
“คุณต้องลองติดต่อซิตี้ไลน์ดูแล้วล่ะ”
จ้ะ...คำตอบสุดแสนจะเบสิค
ตอนนั้นคิดว่าต้องโทร.อย่างเดียวแล้วล่ะ แต่ในมือถือก็ไม่ได้เติมเงินมาเผื่อเลยติดต่อพี่สาวว่าให้ช่วยเติมเงินหน่อย เพราะต้องใช้ พี่สาวก็ดูงง ๆ แต่ก็เติมให้ พอเติมสำเร็จฉันเลยเริ่มปฏิบัติการไล่ล่า(?)บัตรคอนเสิร์ต
อย่างที่บอกไป คอนเสิร์ตมันมีวันนี้ ยังไงวันนี้ก็ต้องได้บัตร
อันที่จริงฉันจองบัตรไว้2 ใบ เพราะตอนแรกจองพลาด คอนเสิร์ตครั้งนี้บัตรมี 2 ราคาคือ 688 กับ 888ซึ่งความแตกต่างก็คือ 888 จะได้เข้าคอนเสิร์ตก่อนและได้รับโปสเตอร์จากศิลปินหลังคอนเสิร์ตจบ เป็นใครก็ต้องเลือก 888 หรือเปล่า แต่วันจองฉันกด 888 ไม่ได้เลยสงสัยว่าทำไมเลยลองกด 688 ไป ดันตัดบัตรไปแล้ว พอเข้าเว็บมาอีกที 888 ก็ยังกดได้ เลยกดซื้อ 888 ไป ซึ่งในตอนนั้นใช้บัตรเครดิตคนละใบ ไอ้ 688 ดันใช้บัตรเครดิตอีกใบซึ่งรับตั๋วได้
แต่.... ฉันไม่ได้บินมาเพื่อแค่ได้ดูคอนเสิร์ตหรือเปล่า ฉันอยากได้เจอศิลปินใกล้ ๆ นะ
แวบแรกคือซื้อบัตรใหม่ก็ได้มั้ง ยังไงบัตร 888 ก็ยังเหลือ แต่คิดอีกทียังไม่ได้พยายามจนถึงที่สุดเลยนี่นา ยังไงก็ลองติดต่อ cityline ซึ่งเป็นคนจัดจำหน่ายบัตรก่อนแล้วกัน
ตอนนั้นคิดในใจ จะมีคนรับสายไหมนะ เพราะวันนี้เป็นวันหยุดซะด้วย เช็คดูจากอินเตอร์เน็ต cityline เปิดจันทร์ – เสาร์แต่วันนี้หยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์
แต่โชคยังเข้าข้าง มีคนรับสาย ฉันเลยเล่าสถานการณ์ให้ฟังไปว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรับบัตรไม่ได้แบบนี้ต้องทำยังไง ไอนี้ดยัวร์เฮลป์ พนักงานก็แนะแต่ละวิธีแต่มันจบตั้งแต่บัตรเครดิตใบนั้นไม่ได้อยู่กับเรา สุดท้ายเลยได้ข้อสรุปว่าฉันต้องเอาพาสปอร์ตไปยืนยันตัวตนว่าเป็นเจ้าของบัตรจริงๆ และต้องไปที่ คุนทอง... อะไรสักอย่าง
แล้วมันอยู่ที่ไหนวะ
ตอนนั้นเลยถามกลับไปว่ามันอยู่ที่ไหนล่ะ จะไปยังไง พนักงานก็บอกว่า MTR ก็มาได้ และเขาก็บอกที่อยู่มาว่าตึกไหน ชั้นไหน เราก็รีบจดแล้วขอบคุณ
พอตั้งสติได้เลยกดๆ ดู ปรากฏว่าที่เขาบอกคือฉันต้องไปสำนักงานใหญ่หรือไปบริษัทเขาซึ่งอยู่ตรงใกล้ๆ สถานี Kwun Tongนั่นเอง และห่างออกไปจากสถานี KowloonBay แค่ 2 สถานี
ตอนนั้นใจชื้นขึ้นมาหน่อยแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง ฉันเลยรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไป MTR ระยะทาง1.2 กิโลเมตรท่ามกลางแดดเปรี้ยงนี่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เลย (นึกถึงวินมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาจับใจ) แต่ตอนนั้นฉันก็พยายามใจเย็น ๆ และไปให้ถึง citylineก่อน ระหว่างทางก็กดดูกูเกิลแมพอีกครั้ง ทำไมมันบอกว่าปิดวะ แต่มีคนรับโทรศัพท์และบอกให้ไปที่นั่น มันก็คงจะได้แหละ
พอไปถึงสถานีฉัน Kwun Tongฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตรงนั้นให้ฟีลเหมือนสถานีศาลาแดง ให้ฟีลแบบย่านสีลมมาก มีห้างสรรพสินค้า มีร้านอาหารดัง ๆ มากมาย อีกด้านก็เป็นตึก ผู้คนพลุกพล่าน ดูเป็นย่านธุรกิจ แตกต่างจากย่านท่องเที่ยวมาก ๆ ฉันเดินงงอยู่แถวนั้นสักพักก็หาตึกจนเจอ ตอนแรกยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันจะเป็นเคาน์เตอร์แบบไทยทิกเกตหรือเปล่า สรุปว่าฉันต้องขึ้นไปบนตึกและไปสำนักงานเขา ซึ่งถามรปภ.แล้วขึ้นไปได้เลย ไม่ต้องแลกบัตรใด ๆ ทั้งสิ้น
สะดวกดีเหมือนกันมั้ง
พอไปถึงหน้าประตูฉันก็ยกหูโทรศัพท์แล้วแจ้งว่าฉันคือใคร ที่โทรมาติดต่อไงเธอ สักพักประตูก็ปลดล็อกและพนักงานบอกให้ฉันนั่งรอ สักพักก็มีคนเดินออกมาแล้วบอกว่าขอดูพาสปอร์ตและหลักฐานว่าเป็นเจ้าของบัตรเครดิตใบนั้น ตอนนั้นก็คิดในใจก็บัตรไม่ได้เอามาไงงงแต่เหมือนพนักงานรู้เลยบอกว่าสเตทเมนท์ก็ได้ ฉันเลยค้น ๆ ดูในอีเมล พอเรายิ่งรีบมันก็ยิ่งช้า ยิ่งหาไม่เจอ จนกระทั่งเจออีเมลสเตทเมนท์ พนักงานดูแล้วก็ให้ฉันเซ็นรับก่อนจะส่งบัตรคอนเสิร์ตให้
รอดตายแล้วเรา ตื่นยิ่งกว่ากินกาแฟอีก
พอรับบัตรเสร็จเรียบร้อย ก็คิดว่าควรกลับไปซื้อกู๊ดส์ให้เสร็จแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า ตอนนั้นท้องเริ่มร้อง ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก็ใกล้จะบ่ายสามแล้ว ฉันเลยนั่ง MTR กลับสถานี Kowloon Bay
ระหว่างนั้นเหลือบไปเห็นป้ายShuttle Bus ไปยังKITEC กับ MegaBox เลยคิดว่านั่งรถเอาแล้วกัน ไม่ไหวจะเดินแล้ว หมดแรงมาก ฉันเดินตามป้ายไปเจอจุดขึ้นรถ เห็นแถวยาว ๆ เลยคิดว่าน่าจะเป็นตรงนี้มั้ง แต่หารู้ไม่ว่า KITEC กับ Mega Box มันคือคนละจุด และต้องขึ้นรถคนละที่ มารู้ตัวก็ตอนไปถึง Mega Box แล้ว ตอนลงจากรถก็เพิ่งรู้อีกว่าMega Box มันคือห้างนั่นแหละ มี Ikea อยู่ในนั้น แต่เป็นตึกสูง ๆ คนละเรื่องกับ Mega บางนา 55555 ตอนแรกเลยคิดว่าจะกินข้าวที่นี่เลยดีไหมนะ แต่คิดอีกทีกลับไปซื้อของให้เสร็จ ๆก่อนแล้วค่อยกินดีกว่า
พอกดดูกูเกิลแมพ ระยะทางจาก Mega Box ไปถึง KITEC ก็ 650 เมตรเอง เอาวะ เดินเอาละกัน มาถึงขั้นนี้แล้ว ระหว่างที่เดินก็คิดเสียว่าเป็นการสำรวจเมืองไปในตัว ย่านนี้ดูเหมือนจะมีโชว์รูมรถเยอะ มีสำนักงาน ดูโล่ง ๆ ไม่วุ่นวายเท่าไหร่ แตกต่างจากภาพฮ่องกงที่คิดไว้ คงเป็นเพราะไม่ใช่ย่านท่องเที่ยวแบบที่เราเห็นตามสื่อบ่อย ๆ นั่นแหละ
ไม่นานนักฉันก็เดินมาจนถึงKITEC พอเดินไปจนถึงหน้าบริเวณจัดคอนเสิร์ต สต๊าฟบอกว่าเริ่มขายของ 6 โมงเย็นนะ...
เออแล้วก็ไม่บอกไว้ในเว็บหรือในเพจหน่อยวะ
ได้แต่ด่าในใจแล้วก็ยิ้มก่อนจะไปหาข้าวกิน ตอนนั้นบ่ายสามแล้ว คิดว่ากินอะไรก็ได้แล้วล่ะ พอขึ้นไปชั้น 2 ซึ่งเป็นโซนขายอาหาร สภาพเหมือนห้างร้างมาก มองไปเห็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งดูมีคนเยอะสุด แต่รวมฉันด้วยก็ไม่ถึง 6 คน เลยเลือกอาหารมาแบบที่ดูน่าจะกินได้มา ราคาถือว่าแรง ชุดนึง 78 ดอลลาร์ แต่ตอนนั้นหิวมาก อะไรก็เอามาเถอะ
ฉันเลือกสั่งชานมไข่มุกไปด้วย เพราะต้องการของหวาน ชานมรสชาติแบบอยากจะลืมมันไปซะ ส่วนอาหารก็พอกินได้ แต่ใหญ่มากกกกกกกแน่นอนว่ากินไม่หมดและจัดการไปได้ครึ่งเดียว
แปลกดีที่ร้านอาหารดูเป็นสไตล์ญี่ปุ่น แต่รสชาติจีน เค็ม ๆ มัน ๆ และในร้านเปิด KPOP ระหว่างเคี้ยวอุด้งกับไก่ทอดก็ได้ยินเสียงเพลงของG Friends กับ WannaOne
พอท้องอิ่มแล้วฉันก็เดินข้ามถนนกลับโรงแรม คิดว่าควรอาบน้ำก่อนแล้วค่อยออกไปตรงสถานที่จัดคอนเสิร์ตอีกรอบดีกว่า และดูเวลาคิดว่าไม่น่าจะได้งีบแล้ว ฮึบไว้แล้วค่อยนอนทีเดียวหลังจบคอนเสิร์ตน่าจะดี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in