ห้าโมงครึ่ง ฉันออกจากโรงแรมมาในสภาพที่เหมือนเกิดใหม่ ร่างกายทุกส่วนถูกชำระเรียบร้อยแล้ว เส้นผมยังได้กลิ่นแชมพูของโรงแรม หน้าตาก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นหลังจากที่แต่งเติมเครื่องสำอางลงไปใหม่
ฉันเดินกลับมายังหน้าสถานที่จัดคอนเสิร์ต เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงของที่ระลึกถึงจะเริ่มขาย ฉันเห็นผู้หญิงสามสี่คนยืนต่อแถวกันอยู่หน้าบูธขายของจึงเดินตรงไปถามว่าตรงนี้ใช่แถวรอซื้อของหรือเปล่า
“not yet”
หนึ่งในนั้นตอบกลับมาพร้อมเสียงหัวเราะ เพราะเธอเองก็คงไม่แน่ใจเหมือนกันว่านี่คือแถวหรือเปล่า ฉันเลยเดินไปต่อหลัง และไม่นานนักก็มีคนมายืนต่อหลังฉันจนกลายเป็นแถวในที่สุด
ฉันยืนมองของตัวอย่างแล้วใช้เวลาไม่นานในการตัดสินใจ พอ 6 โมงตรงการขายเริ่มต้น แถวเริ่มขยับ พอถึงคิวฉันก็พูดกับพนักงานไปอย่างไม่ลังเลว่าต้องการเสื้อ1 ตัว และกระเป๋าผ้า 1 ใบ
ซื้อของเสร็จเรียบร้อยด้วยหน้าที่แฟนเกิร์ลฉันจึงเดินหาห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อและเข้าห้องน้ำอีกสักรอบก่อนจะไปต่อแถวเพื่อเข้าคอนเสิร์ต สต๊าฟชี้ไปทางนอกอาคารและบอกว่าแถวอยู่ด้านนอก ฉันแปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมถึงให้ออกไปต่อแถวเสียไกล แต่พอเห็นปริมาณคนก็พอเข้าใจแล้ว จากที่กะด้วยสายตาน่าจะเกิน 100 คิวแล้วล่ะ และได้ยินมาว่าคนที่อยู่หัวแถวเขามาค้างคืน
ต่อให้อยากดูคอนเสิร์ตแค่ไหนแต่ฉันคงไม่ทุ่มเทขนาดนั้น
ระหว่างยืนรอฉันก็คุยกับเพื่อนฆ่าเวลา ระหว่างนั้นก็เปิดเฟซบุ๊คเห็นข่าวว่ามีการปะทะกันระหว่างกลุ่มสนับสนุนจีนและม็อบฮ่องกง เหตุเกิดบริเวณ Amoy Plaza
รู้สึกชื่อนี้คุ้นๆ จัง
ฉันเปิดกูเกิลแมพดูเพื่อความแน่ในAmoy Plaza นั้นอยู่บริเวณที่ฉันลงจากรถบัสเมื่อหลายชั่วโมงก่อนนั่นเอง
และดูจากแผนที่แล้ว มันคืออีกด้านหนึ่งของสถานี MTR Kowloon Bay นั่นเอง แต่สถานการณ์ตอนนี้สงบแล้ว หวังว่าคืนนี้คงจะไม่เกิดอะไรขึ้นอีกนะ
19.00 ประตูคอนเสิร์ตเปิดให้คนเข้า แถวเริ่มขยับอีกครั้ง
แม้คนก่อนหน้าฉันจะมีจำนวนหลักร้อย แต่พอเข้ามายืนด้านในก็ให้ความรู้สึกว่าไม่ไกลจากเวทีมาก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดฉันน่าจะมองเห็นริวตะ (นักร้องนำ)ได้อย่างพอดิบพอดี และเพื่อนที่จัดคอนเสิร์ตสเกลไลฟ์เฮาส์แบบนี้ยังไงก็น่าจะมองเห็นทุกคน
และพอ20.00 ตรง ทั้งสี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวที
ฉันนึกขอบคุณใครก็ตามอยู่ในใจที่ย้ายสถานที่จัด เดิมคอนเสิร์ตจะจัดที่ KITEC แห่งนี้เหมือนกัน แต่เป็น Rotunda Hall 3 ขนาดก็น่าจะใหญ่กว่านี้มาก และนึกขอบคุณอยู่ในใจนับล้านครั้งที่ไม่ยกเลิกคอนเสิร์ตในวันนี้ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนมีคิวของ The 1975มาเล่นคอนเสิร์ตที่ฮ่องกง ก็ประกาศยกเลิกก่อนวันงานแค่ 3 วัน ซึ่งกะทันหันมาก ตอนนั้นฉันอดคิดไม่ได้ว่าถ้า flumpool ยกเลิกเหมือนกัน ฉันจะทำยังไงดีนะ
อาจจะทิ้งตั๋วเครื่องบิน ทิ้งทุกอย่างที่จองไว้ และคงไม่มาเสี่ยงเอาแบบนี้
แต่ตอนนี้ฉันอยู่ในคอนเสิร์ตแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ค่อยแก้ปัญหากันไปแล้วกัน
และสองชั่วโมงนั้นผ่านไปไวเหมือนโกหก ฉันกล้าพูดเลยว่าคอนเสิร์ตในวันนั้นเป็น 1 ในคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในชีวิต
ย้อนกลับไป 2008 ตอนที่ละครเรื่องBloody Monday ฉาย เราได้รู้จัก flumpool เพราะเพลงประกอบละครที่ชื่อเพลง over the rain เป็นเพลงที่ฟังแล้วติดอยู่ในหัวเรามาก หลังจากได้ดูละครเรื่องนั้นฉันก็ติดตามผลงานของวงและได้ฟังเพลงมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ได้ติดตามเป็นเรื่องเป็นราวถึงระดับที่ว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับศิลปิน หรือตามดุทุกรายการที่ไปออก ซ้ำยังไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาเล่นคอนเสิร์ตที่ไทย
จนกระทั่งปี 2016 เป็นปีที่ฉันได้ไปญี่ปุ่นครั้งแรก
ทริปนั้นฉันไปเที่ยวกับพี่สาวกันสองคน แพลนก็คือเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวทั่ว ๆไปนั่นแหละ แต่ฉันดันพลาดโอกาสที่ได้ดูไลฟ์เปิดอัลบั้มใหม่จำได้ว่าเป็นอัลบั้ม EGG ซึ่งเป็นไลฟ์ฟรีไปแค่วันสองวันเพราะฉันบินกลับกรุงเทพก่อนตอนนั้นนึกเสียดายมาก ถ้าติดตามหรือเช็คตารางงานหน่อยคงอาจจะได้ดูวงเล่นสดไปแล้ว
พอปี 2017 ช่วงเดือนตุลาคม ฉันตัดสินใจไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น flumpool ก็มาเล่นคอนเสิร์ตที่ไต้หวัน ซึ่งถ้ารู้ก่อนหน้านี้ก็อาจจะเลือกไปไต้หวันแทนเกาหลีก็ได้
หลังจากวันนั้นก็เลยคิดว่าเอาวะ การไปเที่ยวต่างประเทศครั้งต่อไปหรือในครั้งหน้าของฉันจะต้องมีแพลนดูคอนเสิร์ตflumpool ละกัน
แต่หลังจากนั้นแค่ 2 เดือนทัวร์ทั้งหมดของflumpool ก็ประกาศยกเลิกและริวตะ(นักร้องนำ)ก็พักงานอย่างไม่มีกำหนดเพราะอาการป่วยที่ไม่สามารถเปล่งเสียงได้ ไม่ต้องบอกเลยว่าทุกคนรวมทั้งฉันช็อคขนาดไหน เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าเขาจะกลับมาร้องเพลงได้อีกหรือเปล่า ทุกคนก็ได้แต่รอและภาวนาให้ริวตะหายดี
และพอ flumpool กลับมาในครั้งนี้ประกาศทัวร์หลังจากเราไปญี่ปุ่นมา ฉันเลยคิดว่าถ้ารอว่าถ้าออกมาเล่นนอกประเทศอีกจะต้องไปดูให้ได้ ในใจก็คิดว่าอาจจะเป็นไต้หวันอีกหรือเปล่านะ แต่เปล่าเลย คราวนี้หวยออกที่ฮ่องกง ประเทศที่เราไม่ได้คิดอยากจะเที่ยวสักเท่าไหร่ แต่โชคยังมีเพราะฉันได้ตั๋วเครื่องบินฮ่องกงฟรี เลยเลือกจองช่วงคอนเสิร์ต และน่าจะโชคดี(?)อีกที่สัปดาห์ที่มีคอนเสิร์ตไม่ติดงาน
แต่ช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ทุกคนก็น่าจะเห็นข่าวกันอยู่ตลอดว่าสถานการณ์ของฮ่องกงก็ไม่ปกติฉันติดตามข่าวทุกวันว่าคอนเสิร์ตจะยกเลิกไหมเพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้าต้องยกเลิก แต่... จนแล้วจนรอดก็ไม่ยกเลิกแถมยังย้ายฮอลให้เล็กลงอีก ถือว่าแปลกสำหรับชาวญี่ปุ่นที่ยกเลิกเก่งเพราะอ่อนไหวมากเหลือเกิน
ตลอดเวลาที่ได้ดูคอนเสิร์ต ได้เห็นและได้ฟังริวตะร้องเพลง ได้เห็นคาซึกิโซโล่กีตาร์ ได้เห็นเกงคิเล่นเบสกับคีย์บอร์ด ได้เห็นเซย์จิตีกลอง ฉันรู้สึกอิ่มเอมใจมาก ฉันดีใจมากจริง ๆ ที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่แค่ความรู้สึกที่ดีใจจังที่ได้ดู แต่เป็น “ดีใจจังที่เห็นเขาร้องเพลงได้อย่างมีความสุข”
เพราะฉะนั้นตอนที่เล่นเพลง HELP เพลงที่แต่งขึ้นหลังจากเจออาการป่วย น้ำตาฉันก็ไหลพรากเลย ดีใจมากจริงๆและรู้สึกขอบคุณมากที่ไม่ยกเลิกคอนเสิร์ต และหวังว่าตัวเองจะมีแรงมีกำลังซัพพอร์ตเขาแบบนี้ต่อไป หวังว่าจะได้มีโอกาสมาดูคอนเสิร์ตอีกหลาย ๆครั้ง
หลังจบคอนเสิร์ต ผู้ชมที่ซื้อบัตร VIP ต้องรอรับโปสเตอร์จากมือศิลปิน ตอนรับโปสเตอร์ฉันเลยพูดออกไปว่ามาจากกรุงเทพนะ(พูดกับคนญี่ปุ่นพูดว่าแบงค่อกจะเก็ทง่ายกว่าไทยแลนด์) ขอบคุณมากๆสำหรับเสียงเพลง:) ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะมีเซย์จิคนเดียวที่ได้ยินชัดๆ เพราะมีรีแอคชั่นกับสิ่งที่ฉันพูดไป ริวตะยังยิ้มค้างอยู่ไม่แน่ใจว่าจะได้ยินไหมเกงคินั้นดูงง ๆ ส่วนคาสึกิอยู่ไกลไม่น่าจะได้ยิน
หลังจากรับโปสเตอร์และเดินออกมาจากบริเวณคอนเสิร์ตแล้ว ฉันก็เดินกลับโรงแรมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถหยุดยิ้มได้เลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in