ได้มื้อเช้าแล้วก็พาตัวเองกลับมาที่สถานี Yau Ma Tei ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานีCentral
แรกเริ่มเดิมทีทริปนี้ตั้งใจว่าจะมาคาเฟ่ฮอปปิ้ง มีการขอลิสต์ร้านกาแฟแนะนำจากเพื่อนมา หาข้อมูล อ่านกระทู้รีวิวต่าง ๆ นานา และดาวไว้บนแผนที่ว่าร้านไหนเด็ด ร้านไหนห้ามพลาด
ทว่าพอเห็นข่าวม็อบฮ่องกงที่มักจะรวมตัวกันฝั่งCentral อยู่บ่อย ๆฉันเลยเปลี่ยนใจและคิดว่าจะหลบไปเที่ยวตรงอื่นแทน แต่ร้านกาแฟดัง ๆ และร้านแนะนำส่วนใหญ่ดันอยู่ฝั่ง Central เลยคิดว่าอาจจะต้องยกเลิก และเที่ยวแบบหลบม็อบไปวัน ๆ เลวร้ายสุดคือนอนอ่านหนังสืออยู่ในโรงแรม
เช้าวันนั้นเช็คข่าวสารแล้วน่าจะปลอดภัย เลยตัดสินใจนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ฉันเริ่มต้นจากการเดินออกจากสถานี Centralแล้วเลือกร้าน Noc เป็นร้านแรกเพราะใกล้ที่สุด แต่กูเกิลแมพดูไม่ค่อยจะตรงสักเท่าไหร่ ทำเอาหลงทิศบ้าง (หรือโง่เองก็ไม่แน่ใจ) เลยลองเดินแบบกะทิศทางเอาเอง
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
และด้วยความที่ทำใจไปมากกว่า 80%ว่าทริปนี้อาจจะต้องเทเลยไม่ค่อยได้เตรียมข้อมูลและทำการบ้านสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เลยนึกไม่ออกเลยว่าย่าน Centralมันมีอะไรบ้างนอกจากร้านกาแฟที่ดาวเอาไว้เต็มแผนที่ แต่ก็ถือเสียว่ามาเดินชมเมือง ถ่ายรูปเล่น ก็แล้วกัน
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
ระหว่างที่เดิน(หลง)อยู่นั้น ฉันหันไปเห็นซูเปอร์มาร์เก็ตเล็ก ๆที่มีคนเดินเข้าเดินออกตลอดและตั้งอยู่บริเวณที่ดูเหมือนตลาด มีแผงขายผัก ขายผลไม้ ไปจนถึงขายเนื้อสัตว์ ฉันเลยนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับเพื่อนเรื่องสับปะรดกระป๋อง ถ้าใครเคยดู Chunking Express น่าจะคุ้น ๆ ฉากที่ทาเคชิไปตามหาสับประรดกระป๋องที่มีวันหมดอายุเป็นวันที่1 May 1994 เพื่อนเลยแนะนำว่าให้ลองไปหาสับปะรดดู ฉันเลยคิดว่ามันน่าจะมีตามซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ แบบนี้ล่ะมั้ง
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
CHUNGKING EXPRESS (1994)
พอเดินเข้าไปก็สอดส่ายสายตามองหาโซนอาหารกระป๋อง จนกระทั่งเจอแล้วถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนดู ฉันอาจจะมองข้ามมันไปและไม่ทันสังเกตให้ดีจึงบอกเพื่อนไปว่า “ไม่เจอว่ะ”และเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต แต่เพื่อนตาดีกว่าจึงบอกฉันว่ามันมีอยู่ในภาพที่ฉันถ่ายมานะ เลยตัดสินใจย้อนกลับไปดูที่ร้านนั้นอีกครั้งหลังจากได้กาแฟแก้วแรกของวัน
เออ.... ใช่จริง ๆ ด้วย
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อกลับมานะ เพราะกระป๋องมันดูบุบ ๆ ไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ เลยถ่ายรูปอย่างเดียว
ตัดกลับมาที่ร้าน NOC ซึ่งเป็นร้านแรกของวันนี้ และเป็นร้านที่ 2 ของทริป
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
ตัวร้านเล็กกว่าที่คิด หน้าร้านมีคนนั่งจิบกาแฟร้อนคุยกันอยู่ ฉันกดชัตเตอร์ไปหนึ่งครั้งก่อนจะเดินเข้าไปด้านในและสั่งอะไรที่เพลย์เซฟอย่างFlat White แล้วหาที่นั่ง ในร้านไม่กว้างมากแต่ก็ไม่อึดอัดเท่าไหร่ มีปลั๊กไฟให้เสียบ คิดว่ามานั่งทำงานหรือนั่งเล่นก็คงได้ มีขายแก้วกาแฟ ขายเมล็ดกาแฟ แต่ ณขณะนั้นฉันไม่อยากจะเพิ่มน้ำหนักให้กระเป๋าเป้สักเท่าไหร่เลยไม่ได้ซื้ออะไรติดมือกลับมา
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
กาแฟรสชาติดีนะ นั่งจิบจนหมดแก้วแล้วลุกออกไปจากร้าน
ด้วยความที่ไม่รู้จะไปไหนดีเลยคิดว่าไปเริ่มจากบันไดเลื่อนยาวๆ นั่นก็แล้วกัน แต่ก่อนจะเดินไปถึงบันไดเลื่อนนั้นดันเจอร้าน Cupping Room ซึ่งอยู่ในลิสต์เหมือนกันเลยตัดสินใจเดินเข้าไปข้างใน
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
ความจริงในกระเพาะก็ไม่ค่อยจะมีพื้นที่ว่างสักเท่าไหร่ แต่ความอยากดันเอาชนะจนได้ ฉันเลยสั่งกาแฟฟิลเตอร์มาแก้วนึง และหันไปเห็นคานาเล่ในตู้เลยจัดมาสักชิ้นก่อนจะขึ้นไปหาที่นั่งชั้นสองซึ่งเหลือโต๊ะสุดท้ายพอดี ร้านนี้เคยได้แชมป์บาริสตาและได้รางวัลมาอีกหลายรายการ คนเลยเต็มร้านตลอดเวลา ทำให้นึกถึงร้านดังแถวพญาไทขึ้นมาชอบกล เสียงค่อนข้างดัง ซึ่งน่าจะเป็นปกติ
ฉันนั่งรอยู่สักพักพนักงานก็เดินขึ้นมาบอกว่าคานาเล่หมดนะ ที่อยู่ในตู้เป็นตัวโชว์เฉย ๆ (อ้าวทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนสั่งวะ) ตอนนั้นรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่พนักงานก็ไม่ได้เอาเงินขึ้นมาคืนทันที ทำให้ต้องเดินลงไปถามที่ชั้นล่าง แต่พนักงานชั้นล่างก็ดูงง ๆ เลยเดินย้อนกลับขึ้นมาดูใบเสร็จอีกทีว่าตอนที่คิดเงินไปนั้นคิดราคาคานาเล่ไปหรือยัง และระหว่างที่กำลังคับข้องใจ พนักงานอีกคนก็เดินเอาเงินค่าคานาเล่ขึ้นมาคืน
ความจริงรสชาติกาแฟก็ดีนั่นแหละ แต่ด้วยบรรยากาศและความไม่ประทับใจบางอย่างเลยทำให้ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรในร้านสักเท่าไหร่ และคิดว่าร้านนี้มันอาจจะไม่เหมาะกับฉันก็ได้
มั้งนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in