ฉันเดินออกมาจากร้าน Cupping Room แล้วแหงนมองบันไดเลื่อนที่อยู่บนหัวก่อนจะหันไปทางขวามือมองเห็นจุดเริ่มต้นของมัน
จากการค้นข้อมูลในกูเกิ้ลตามที่ผู้นำบางประเทศแนะนำจึงพบว่าชื่อเต็มของมันคือCentral Mid-Levels Escalator เป็นบันไดเลื่อนกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่บนเขา มีเวลาทำการสำหรับขาขึ้นและขาลง แต่ตอนที่ฉันไปถึงบริเวณนั้นเป็นช่วงเวลาที่บันไดเลื่อนกำลังเปิดให้ขึ้นพอดี
ฉันไม่ใช่แฟนหนังหว่องกาไว แต่ฉันเคยดู Chunking Express จึงจำได้ว่ามีฉากนึงที่อาเฟยมานั่งส่องห้องผู้ชายจากบันไดเลื่อนซึ่งตอนนั้นขี้เกียจค้นข้อมูลเลยคิดว่ามันคงเป็นที่นี่แหละ ด้วยความไม่รู้จะทำอะไรเลยเดินถ่ายรูปแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปเรื่อย ๆจนกระทั่งมาเจอป้าย Hollywood Road เลยลองเดินตามป้ายไป
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN
เดินตามป้ายไปสักพัก ป้ายหายไปไหนไม่รู้ จนหันไปเห็นนักท่องเที่ยวรุ่นลุงป้ากำลังเดินตามไกด์ส่วนตัว ตอนนั้นนึกสนุกเลยเดินตามแบบทิ้งระยะ อยากรู้ว่าเขาจะไปไหนกัน แต่พอหันไปถ่ายรูปเล่นก็ไม่รู้ว่าเขาเดินไปไหนกันแล้ว และก็ลืมจุดมุ่งหมายของตัวเอง จึงได้แต่เดินถ่ายรูปไปมั่ว ๆ ตามตรอกซอกซอย
NIKON FE + FUJI Premium 400
NIKON FE + FUJI Premium 400
ไม่ค่อยแน่ใจว่าบริเวณนี้เรียกว่าอะไร แต่พบร้านขายของเก่า ๆ เยอะ เช่นพวกกล้อง ฟิล์ม เครื่องเล่นแผ่นเสียง สารพัดของวินเทจ ฉันยืนดูและถ่ายรูปด้วยความเพลิดเพลินพักใหญ่ จนรู้สึกว่าท้องเริ่มร้อง มองนาฬิกาจึงรู้ว่าใกล้เที่ยงแล้วเลยมองหาร้านอาหารที่คิดว่าน่าจะถูกปาก
NIKON FE + FUJI Premium 400
สายตาหันไปเห็นร้านอาหารญี่ปุ่นแต่ขายเป็นด้ง(ข้าวหน้าต่าง ๆ) อย่างเดียว ราคาไม่แรงด้วย เลยเลี้ยวเข้าไปและสั่งข้าวหน้าปลาดิบรวม ฉันนั่งรออยู่สักพักก็เริ่มมีมนุษย์เงินเดือนเข้ามาในร้านและแถวก็เริ่มยาว น่าจะได้เวลาพักกลางวันพอดีสินะ
พอท้องอิ่มฉันก็รีบลุกออกจากร้าน ซึ่งขณะที่นั่งกินข้าวกลางวันก็ตัดสินใจว่าขึ้นไป Victoria Peak น่าจะดีเพราะอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ คงเดินไหว ระหว่างทางก็เดินผ่านร้านอาหารต่าง ๆ มากมาย พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ลงมาซื้อข้าวกล่องกลับขึ้นไปกินบนออฟฟิศ เข้าใจว่าที่นั่งตามร้านอาหารก็คงน้อย ซื้อไปกินคงสะดวกกว่า
NIKON FE + FUJI Premium 400
ตอนเดินไปได้สักครึ่งทางเริ่มคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือเปล่านะ
กูเกิลดูอีกทีพบว่าการจะไปVictoria Peak ซึ่งต้องขึ้นThe Peak Tram ขึ้นไปเนี่ยสามารถไปได้หลายทาง เช่น เดินไปจนถึงสถานี หรือนั่งรถบัสไปลงที่สถานี ฉันเห็นว่าระยะทางมันไม่ไกลเลยคิดว่าเดินเอาก็ได้
แต่ว่า...
ในช่วงเวลานั้นก็ลืมนึกไปว่าฮ่องกงไม่ได้มีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแบบกรุงเทพมหานคร ทางเดินในเมืองนั้นมีมีทั้งขึ้นและลงเนิน แถมอากาศก็ดันเหมือนกรุงเทพมาก ๆ ร้อนจนเสื้อเปียกไปหมด ร่มก็ไม่ได้พกมา พอคิดจะหาซื้อร่มกันแดดก็กันไม่เจอเลยสักร้าน
NIKON FE + FUJI Premium 400
ฉันก้มหน้าก้มตาเดิน(เพราะร้อน)ไปสักพักก็เริ่มเห็นชาวต่างชาติเดินย้อนกลับมาจากทางที่ฉันกำลังเดิน คิดว่าคงมาถูกทางแล้ว จนมองเห็นป้ายที่บอกให้รู้ว่าตอนนี้ฉันใกล้จะถึง ThePeak Tram แล้ว
อากาศร้อนทำให้กระหายน้ำ และเมื่อกระหายน้ำก็ต้องเติมมันเข้าไปในร่างกาย พอมาถึงสถานีรถรางฉันก็พุ่งตรงไปหาพนักงานแล้วถามว่าห้องน้ำอยู่ไหน พนักงานสาวที่ตั้งใจจะขายบัตรเข้ามาดามทุซโซให้ฉันผงะไปเล็กน้อยก่อนจะรีบบอกทางด้วยสีหน้างุนงง
ขายไม่ได้ เสียใจด้วยนะ
พอออกมาจากห้องน้ำฉันเลยเดินย้อนกลับมาตรงช่องขายตั๋ว ด้วยความที่มาฮ่องกงเป็นครั้งแรกเลยไม่แน่ใจว่าสถานการณ์แบบนี้มันปกติไหม เพราะแทบไม่มีใครยืนซื้อตั๋วก่อนหน้าฉันเลย ลานจอดรถก็ถือว่าโล่ง หรือเป็นเพราะว่าวันนั้นเป็นวันธรรมดาผู้คนก็เลยดูเบาบางกว่าปกติ
ฉันรับตั๋วมาจากพนักงานเป็นตั๋วแบบไป-กลับพร้อมเข้าSky Terrace ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกก็เดินไปตามทางเดินที่แทบจะไร้ผู้คนพลางคิดในใจว่าบนนั้นคนอาจจะเยอะกว่าข้างล่างนี้ก็ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in