เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Unexpected JourneyVaSiMo
Life Below Zero (5) : ตามรอย Silver Spoon ที่ Obihiro Hokkaido Part 2
  • วันหยุดวันสุดท้าย วันนี้ตั้งใจตื่นสายเพราะเมื่อวานเดินเยอะมาก วันนี้เลยตื่น 10 โมง และพบว่า
    หิมะยังไม่หยุดตกเลยตั้งแต่เมื่อคืน ลังเลใจว่าจะกินข้าวก่อนออกไปหรือว่าไปกินข้าวที่สถานีดี
    จริงๆก็หิวแต่พอลงไปข้างล่างคนในโรงอาหารเพียบ
    อาจจะเพราะวันหยุดคนข้างนอกมากินข้าวที่ศูนย์กันเยอะกว่าวันธรรมดา แล้ววันนี้ยังหิมะตกหนักอีก
    ดูตารางรถเมล์แล้ว ถ้าไม่ออกตอนนี้จะต้องรอคันต่อไปอีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
    เลยตัดสินใจไปหาอะไรกินแถวสถานีดีกว่า
    พบว่าการเดินฝ่าหิมะที่กำลังตกและย่ำหิมะปุยๆนี่ก็เดินยากเหมือนกัน
    ประกอบกับการต้องรีบเดินเพราะกลัวตกรถเมล์อีก
    แต่เพราะสภาพอากาศ รถเมล์เลยมาช้าไปประมาณ 3 นาที มีเวลาให้พักหายใจเล็กน้อยก่อนรถมา

    ไปถึงสถานีตอนประมาณบ่ายโมง แวะขึ้นไป Information เอาของไปขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่สัปดาห์ที่แล้วมาช่วยหาแท็กซี่ให้กลางอากาศหนาว แต่เขาไม่มาวันนี้ เลยเขียนโน๊ตฝากไว้ 
    ลงไปกินข้าว สำหรับอาหารวันนี้ ข้าวหน้าหมูกับเนื้อออและโซบะ ประมาณ 1,300 เยน
    เนื้ออร่อยมากกกกกก กินจนหมดแล้วพึ่งเห็นว่าในกาเป็นชาใส่ข้าว แต่อิ่มมาก โซบะหมดแต่ข้าวไม่ไหว
    เจอกลุุ่มที่ไปค้างซัปโปโรกลับมาที่สถานีเวลาใกล้เคียงกัน เลยได้เพื่อนไปสนามม้าด้วยกัน
    Information ให้ตารางรถเมล์ไปสนามม้ามา ขึ้นรถที่ป้ายเบอร์ 12 ที่หน้าสถานี
    รถสาย 2 , 10 , 17 , 31 ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หน้าสนามม้ามีป้ายรถเมล์ฝั่งเดียว อยู่ตรงข้ามสนาม
    เราเข้าไปข้างๆสนามม้าก่อน เป็นโซนร้านของกินของฝาก Tokachimura
    กับพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับการแข่งม้าบังเอย์เล็กๆ
    จริงๆคิดว่าคงมาแค่ดูม้าแข่งตามในการ์ตูน Silver Spoon เฉยๆ ไปอ่านใน TripAdvisor บอกว่า
    วันที่ไม่มีแข่งจะมีให้อาหารม้ากับสัตว์อื่นๆข้างๆสนาม แต่วันนี้ไม่มี คงเพราะสภาพอากาศไม่ดี มีแข่ง
    (ที่นี่มีแข่งทุกวันเสาร์ - จันทร์)  และอาจจะเพราะวันนี้เป็นวันงานเทศกาลน้ำแข็งวันสุดท้าย 
    ทำให้วันนี้เข้าสนามม้าฟรีด้วย ปกติค่าเข้า 100 เยน
    แถมมีรถรับส่งจากสนามม้าไปที่สวนสาธารณะที่จัดเทศกาลฟรีด้วย

    แวะเข้าไปดูในพิพิธภัณฑ์ก่อน มี 2 ชั้นเล็กๆ กับห้องเก็บอุปกรณ์การเกษตรสมัยก่อน
    เมื่อก่อนคนที่นี่ใช้ม้าในการไถนากัน(แต่ที่นี่ปลูกอย่างอื่นที่ไม่ใช่ข้าว เพราะปลูกข้าวไม่ได้อากาศโหดไป)
    ไม่ค่อยแปลกใจเพราะในหนัง War Horse (2011) ก็ใช้ม้าไถนาเหมือนกัน
    มีอุปกรณ์เกี่ยวกับม้า เครื่องมือรักษาม้า เข็มฉีดยา คีมถอนฟัน เครื่องราง ของเล่น เกี่ยวกับม้า
    เหมาะกับคนชอบม้า
    เลื่อยนั่นคิดว่าเป็นอุปกรณ์ทำเกษตร 5555 
    ก่อนเดินเข้าไปในสนามจริงๆ เห็นมีแข่งไปรอบนึงได้ถ่ายรูปไว้นิดหน่อย ไหนลองเทียบกับในการ์ตูนซิ

    วันนี้มีกรุ๊ปทัวร์ไทยด้วย ได้ยินเสียงตอนแข่งเสร็จ
    (เป็นครั้งแรกที่เห็นคนไทยในเมืองนี้นอกจากพวกเรา) เขาบ่นกันว่าเขาตีม้าตอนแข่งเห็นแล้วรู้สึกไม่ดี จริงๆเราก็ไม่ค่อยชอบ แต่เหมือนมันเป็น Traditions ของที่นี่ไปแล้ว ใน TripAdvisor ก็เตือนเหมือนกันพอเข้ามาข้างในก็มาหาที่หลบหนาววนไปวนมา ส่วนใหญมีแต่ลุงๆมาแทงม้า Local Style มากๆ
    ซึ่งตอนนี้ประมาณบ่าย 2 เรามีนัดกันอีกทีประมาณ 5 โมงครึ่งก่อนที่เทศกาลหิมะจะจุดพลุพิธีปิด
    เพื่อนเลยบอกว่า ....มาลองกันมั้ย แต่เราทุกคนไม่ค่อยอยากเล่นเลยจะดูนาง
    คิดว่าจะลองไปถาม Information ดูว่าพอจะสอนวิธีเราได้รึเปล่า ซึ่งมันซับซ้อน
    ขนาดเปิดเว็บอ่านวิธีเป็นภาษาอังกฤษก็ยังงง เลยตกลงว่าถาเขาพูดอังกฤษพอได้ก็จะลองดู
    พอไปถามลุงที่เคาท์เตอร์ ลุงพูดอังกฤษไม่ค่อยได้จริงๆ 5555 ทีแรกพวกเราก็จะถอดใจแล้ว
    ปรากฏลุงไปพาป้ามาช่วย (ซึ่งป้าก็พูดแต่ญี่ปุ่นลุงเรียกมาทำไม 5555) 
    แล้วเราที่พยายามคุยกับลุงกัน 3 คนตรงหน้าลุง ทันใดนั้นลุงก็ยื่นใบกรอกเลือกเลขน้องม้ามาให้เรา
    สรุป เลยตามเลย เพื่อนบอกว่าไหนๆก็มาแล้วเธอ จ้ะ... เนื่องจากพนันได้ต่ำสุด 100 เยน ลองดูขำๆก็ได้
    25+ กันทุกคนอยู่แล้ว รวมทั้งการพนันแบบนี้ในญี่ปุ่นก็มีการเสียภาษีถูกต้อง
    ลุงก็พยายามอธิบายวิธีในการเสี่ยงดวงที่มีถึง 6 แบบ ด้วยภาษาอังกฤษปนญี่ปุ่น แต่ก็พอรู้เรื่อง 
    สรุปได้ดังนี้
    มีวิธีลงเดิมพัน 6 แบบ
    1. แบบ Win เลือกเบอร์เดียวที่จะได้ที่ 1 เท่านั้น
    2. แบบ Place เลือก 1 เบอร์ ที่เก็งว่าจะได้อันดับ 1 ใน 3
    3. แบบ Bracket Quinella เลือกได้ 2 เบอร์ แบบเจาะจงเบอร์ที่จะได้อันดับ 1 และอันดับ 2
    4. แบบ Quinella เลือกได้ 2 เบอร์ ว่าเบอร์ไหนจะเข้าที่ 1 หรือที่ 2 แบบไม่ต้องเจาะจง
    5. แบบ Exacta เลือกได้ 1 เบอร์ สำหรับเบอร์ที่จะเข้าอันดับ 1 และ 2
    6. แบบ Place Quinella เลือกได้ 2 เบอร์ ว่าเบอร์ไหนจะเข้าอันดับ 1 - 3 แบบไม่เจาะจง
    ฝนลงกระดาษแบบนี้ช่อง 1 เลือกสนาม ช่อง 2 เลือกรอบแข่ง วันนี้รอบที่ 5 ช่อง 3 เลือกแบบเดิมพัน
    ช่อง 4 ฝนเบอร์ม้าที่เลือกสำหรับ 1 เบอร์ และ 2 เบอร์ช่องข้างๆ ช่อง 5 คือจำนวนเงินและหน่วยเงิน
    มีตั้งแต่งหลักร้อยถึงหลักหมื่น
    เพื่อนคนนึงเลือกแบบ 1 คนนึงเลือกแบบ 5 (ถ้าไม่ผิด) ส่วนเราเลือกแบบ 6
     โอกาสมากสุดเลือกไป 2 เบอร์ เบอร์ละ 100 เยนรวม 200 เยน ฝากด้วยนะน้องเบอร์ 3 กับเบอร์ 9
    ปกติกรอกแล้วต้องไปจ่ายที่เคาท์เตอร์ แต่ลุงจัดการเอาไปจ่ายให้ เสร็จแล้วก็ไปให้น้องม้าทำนายกัน

    ขึ้นไปรอที่ชั้น 2 ซักพักพอจะแข่ง คนจะกรูกันไปเชียร์ข้างสนาม
    เนื่องจากหิมะตกหนักบนอัฒจรรย์เลยว่าง
    ต้องคอยปัดหิมะบนเสื้อเรื่อยๆก่อนจะกลายเป็นบิงซูมนุษย์

    พอออกสตาร์ทจะมีเนิน 2 เนินให้ม้าข้าม ซึ่งม้าที่จะแข่งได้ต้องลากเลื่อนหนัก 450 กิโลขึ้นไป ถึง 1 ตัน

    พื้นสนามแข่งมีระบบทำความร้อนเพื่อไม่ให้สนามเป็นน้ำแข็ง

    ข้างสนามก็ตามประสาชาวญี่ปุ่น เชียร์น้องม้าสู้ๆกันใหญ่เลย

    น้องเบอร์ 9 กับเบอร์ 3 ของพี่!!!

    เย้!!! น้องม้าทุกตัวขอบคุณมากกก  おつかれさまです. 

    แข่งแล้วก็เอาบัตรที่ลงเดิมพันไว้ไปเข้าเครื่องเช็คกัน
    สอดบัตรเข้าไปในเครื่อง ถ้าเข้าวินก็จะมีเหรียญเงินไหลออกมา
    เพื่อน 2 คนโดยกินบัตรโบ๋เบ๋ และแน่นอน เราได้ค่ะ 555555555
    ได้เงินกลับมา 860 เยน หักลงเดิมพันไป 200 เยน ได้กำไร 660 เยน โดนแซวยันจบทริป 
    พูดตรงๆว่าไม่คิดว่าจะได้ ปกติไม่มีดวงในการเสี่ยงอะไรใดๆ แม้แต่จับฉลาก

    เสร็จแล้วเราก็แวะไปซื้อของฝากมีร้านของฝากเล็กๆในสนามม้า ขายของที่ระลึกน่ารักหลายอย่าง
    แต่มีนี่ด้วย...
    ฮิกุมะ ....ทีแรกไม่เห็นรูปเพราะมันอยู่ลึก เลยไปถามคนขาย
    เราว่าว่ากวางเหรอคะ เขาบอกไม่ใช่ เขาก็บอกว่า เบ ??? คุมะ ?
    ใช่เลย มันคือเนื้อหมีกระป๋อง จากที่เจอกวางกระป๋องที่ซัปโปโรมาแล้ว
    มี 2 รส รสโชยุกับรสมิโสะ เราเอากลับไปกระป๋องนึง ส่วนเพื่อนเอาไปลอง 2 รส
    ป่านนี้ไม่รู้ลองรึยัง เพราะเราลองแล้ว T_T และไม่เอาอีกแล้ว
    ซื้อรสโชยุมา กลิ่นโชยุมาเลย เนื้อเปื่อยแต่กินๆไปก็รู้สึกว่ามันแอบคาว
    ออกมาแวะร้าน OTOP ตรง Tokachimura ข้างๆแป๊ปนึง
    ผักผลไม้น่ากินมาก แต่ของกินในตู้เย็นก็เยอะมากเช่นกัน เลยซื้อไม่ได้แล้ว
    ออกมาจากสนาม ชั่วใจว่าจะยืนรอรถเมล์ฟรีรับส่งไปงานเทศกาล หรือไปแท็กซี่ดี
    เพราะเรายังเหลือเวลาเยอะมาก ตอนนี้ยังไม่ 4 โมงเย็นดีเลย กว่าจะถึงเวลาจุดพลุตั้ง 5 โมงครึ่ง
    สุดท้าย ทนไม่ไหวเพราะหิมะตกตลอด เลยหารแท็กซี่กัน
    หิมะตกเยอะจนเอามาทำเป็นสไลเดอร์ให้เด็กๆได้เลย

    นั่งแท็กซี่ประมาณ 5 นาทีก็ถึงสวนสาธารณะมิโดริงาโอกะที่จัดเทศกาลน้ำแข็ง
    รู้สึกถึงประชากรในเมือง จากปกติที่เมืองเงียบเหลือเกิน เหมือนไม่มีใครอยู่
    แต่วันนี้คนดูเยอะมาก อาจจะคนเยอะเป็นพิเศษเพราะงานวันนี้วันสุดท้ายก็ได้
    ทางเข้ามีน้ำแข็งแกะสลักจากฝีมือคนในเมือง
    มีป้ายนี่ด้วย แต่น่าจะเป็นรับกรุ๊ปทัวร์ที่เจอที่สนามม้า ไม่น่าใช่พวกเรา 555
    มีลานเคอร์ลิ่งด้วย
    นี่คือวิธีเลี้ยงลูกในฤดูหนาวของคนที่นี่ ตอนไปสวนสัตว์ที่ซัปโปโรก็มีแบบนี้เหมือนกันเลย
    น้องงงงง ไหวมั้ยลูกกกกกกกก
    เสื้อสวยนะตัวเอง

    โซนแรกที่เรามาแวะคือโซนของกิน
    ของกินไม่ค่อยมีอะไรมาก ส่วนใหญ่เป็นของทอด ไส้กรอกย่าง ไก่ย่างของหวานก็เป็นกล้วยหอมเคลือบช็อกโกแลต เครื่องดื่มพวกน้ำอัดลมซึ่ง
    เพื่อนอยากลองชิม ในอากาศหนาวแบบนี้ ของอุ่นๆอย่างไก่ย่างก็พอไหว 
    แต่ปรุงรสอ่อนมากแค่เกลือพริกไทย เพื่อนไม่ชอบ 55 ส่วนกล้วยหอมแข็งเป็นไอติมมาเลย กินยากไปอีก
    อยู่เมืองนี้เจอคนใส่เครื่องแบบทหารได้เป็นเรื่องปกติ เพราะที่นี่มีค่ายทหารอยู่ในเมือง
    รวมถึงพวกรถทหาร รถใหญ่ๆแปลกๆ จากที่เรารู้สึกว่าการพบเห็นทหารในญี่ปุ่นน่าจะเป็นเรื่องยาก
    การแยกขยะก็ยังมีอยู่ทุกที่ตามปกติ
    ส่วนใหญ่บูธในงานจะเป็นสไลเดอร์หิมะให้เด็กๆเล่น ไม่ก็ถ้ำหิมะให้มุดเข้าไปเล่น
    ส่วนอันนี้เห็นเด็กๆต่อแถวกันเยอะเลยมามุงบ้าง เป็นรถวัว ซึ่งทีแรกเราก็นึกว่าจะเป็นเครื่องเล่น
    คือ ก็ใช่แหละ แต่ใช้แรงคน น้องๆ น่าจะเป็นเด็กมหาลัยหรือนักเรียนมัธยมไม่รู้ เป็นคนหมุน
    พี่ที่มาด้วยกันบ่นว่าอันตรายไปมั้ย ถ้าหลุดขึ้นมาจะทำยังไง มันเสี่ยงไปรึเปล่า 5555
    ก็นั่นสินะ แต่ทั้งคนนั่งคนหมุนก็ดูสนุกดี ให้เด็กๆนั่งกันคนละ 2 หมุน เพราะคนหมุนเหนื่อย 555
    มี Ice Cafe ข้างในซื้อเครื่องดื่มได้ แต่ที่แคบๆ ซื้อแล้วต้องรีบออก

    เดินออกมาข้างหลังจะเป็นโซนประกวดหิมะปั้น
    ดูจากเคเบิ้ลท้องถิ่นแล้วดูเหมือนที่ 1 จะเป็นมินเนี่ยนนี่แหละ
    กึ่งสโนวแมน แต่ดูเป็นสโนวเฟซมากกว่า แอบหลอนนิดหน่อย น่าจะเด็กๆทำ

    เดินจนทั่วงานแล้ว เพราะงานไม่ใหญ่เท่าไหร่ ก็ยังไม่ 5 โมงครึ่งเลย สุดท้ายก็ต้องไปยืนผิงไฟรอ
    เพราะหนาวเหลือเกิน

    มืดแล้วก็เริ่มประดับไฟ ได้บรรยากาศและสวยขึ้น
    คนเริ่มเดินมาตั้งกล้อง เพื่อนเลยบอกให้รีบไปจองที่ตามพวกคาเมร่าแมน ยังไงต้องได้มุมดี

    ก่อนจะปิดงานก็มีกล่าวขอบคุณคนช่วยงานทั้งหลาย
    ยืนตากหิมะมาเป็นชั่วโมงแล้ว จุดพลุได้รึยังคะ

    แล้วเวลาที่เรารอคอย เพื่อ 15 นาทีนี้ก็มาถึง ไม่ได้ดูพลุใกล้ๆแบบนี้มานานมากแล้ว
    ล่าสุดน่าจะตอนงานในมหาลัยปีแรกๆ

    บรรยากาศดีมาก มีเปิดเพลงสร้างบรรยากาศด้วย ใครมากับแฟนคงจะยิ่งรู้สึกดีแน่ๆเลย
    ขนาดเรายืนข้างลุงตากล้องที่ไหนไม่รู้ยังรู้สึกดีเลย 5555555
    พึ่งเข้าใจว่าการชมดอกไม้ไฟแบบในการ์ตูนมันรู้สึกดียังไงก็วันนี้ 
    ถึงจะไม่ใช่การชมดอกไม้ไฟในเทศกาลฤดูร้อนก็เถอะ
    พอจบแล้วทุกคนก็แยกย้ายเพราะหิมะยังไม่หยุดตกเลย 
    ขากลับเราก็ขึ้นรถรับส่งอันแออัด 555 เพราะงานเลิกทุกคนก็ออกมาพร้อมกัน
    รถไปส่งที่สถานี แต่วันนี้รถเมล์กลับศูนย์ไม่มีแล้วเพราะสภาพอากาศ
    รถเมล์เลยเลิกวิ่งตั้งแต่ 1 ทุ่มเป็นต้นไป เลยเหลือทางเลิกเดียวคือหารแท็กซี่กันกลับ
    จบวันหยุดวันสุดท้ายด้วยการกลับไปกินข้าวที่โรงอาหาร จากที่รองเท้าเปียกเพราะตากหิมะกันทั้งวัน
    -------------------------------------------------------
    วันหยุดครบ 4 วันแล้วค่ะ แต่อาจจะมีตอนสุดท้าย สรุปความประทับใจของ 18 วันที่นั่น
    เช่น อาหารที่โรงอาหาร ของกินที่ชอบ ซุปเปอร์ที่ไปกันบ่อยๆ บลาๆ 
    เดี๋ยวขอชั่งใจก่อนนะ ^_^'''

    ข้อมูลสนามม้าบังเอย์
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in