พึ่งมานึกออกว่าเขียนไม่ได้เรียงตามวันหยุดจริงๆ 5555
เพราะวันหยุดแรกจริงๆคือตอนนี้ ตอนแรกที่เขียนไปแล้วคือวันที่ 2
เนื่องจากก่อนถึงวันหยุดก็ยุ่งกันมากจนไม่ได้มีใครถามใครว่าจะไปไหนในวันหยุดแรก
เราเองตั้งใจจะไป Kushiro อยู่แล้ว จากที่เตรียมข้อมูลมาก่อนเดินทาง
ว่าที่ Kushiro มีอุทยานอนุรักษ์นกกระเรียนหลายที่ แต่ถ้าอยากดูนกจริงๆ ต้องเผื่อเวลาเดินทาง
เพราะศูนย์อนุรักษ์อยู่ไกลตัวเมืองออกไป ถ้านั่งรถเมล์ต้องใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง
แต่ด้วยความห่างไกล ถึงเมืองนี้จะใกล้เมืองที่เราอยู่ที่สุด แต่รถไฟรอบเช้าที่สุดที่จะไปถึงได้
ก็ไปถึง Kushiro 11 โมงเช้า ซึ่งถ้าจะไม่ค้าง ก็คงไปดูนกไม่ได้ เนื่องจากมืดเร็ว และสภาพอากาศ
ในฤดูหนาวก็ไม่แน่นอน เสี่ยงเกินไป รวมถึงรีวิวที่ต้องไปรอดูนก ก็ต้องรอว่านกจะมาหรือเปล่า
ดังนั้น ที่เราวางแผนไว้คือ ไม่ดูนกก็ได้ แต่ไปถึงเกือบเที่ยงก็ไปตลาดปลา กินข้าว
แล้วไปพิพิธภัณฑ์ในเมืองดีกว่า จากที่ใน TripAdvisor ชมว่าดี แถมบอกวิธีไปแล้วไม่ยาก
ถ้าไม่มีใครไปด้วย ไปคนเดียวก็คงไม่ลำบาก แล้วก็ไปดูสะพานปากแม่น้ำ ซื้อของฝาก ส่งโปสการ์ด
แต่.... ก็เหมือนทุกที ไม่เคยมีทริปไหนที่เราคาดอะไรถูก
เราตั้งใจไป Kushiro วันเสาร์ เพราะตลาดปลาปิดวันอาทิตย์ พอเย็นวันศุกร์
คนในคณะก็อยากไป Kushiro เหมือนกัน แต่ต้องการไปไกลกว่า เลยขอพี่ล่าม (ซึ่งพี่ก็ใจดีเหลือเกิน)
ลองติดต่อเช่ารถให้ไปกันได้ทั้งหมดเพื่อหารค่ารถกันพร้อมมีพี่ล่ามไปคอยดูแล
แต่ต้องแลกกับอิสระในการเที่ยวของเรา ซึ่งการขอให้ทัวร์จัดให้ ก็ต้องไปตามจุดที่ตกลงกันไว้
และต้องรักษาเวลา ไม่เช่นนั้นจะโดนปรับ แต่การจะไม่ตกลงกับเขาอยู่คนเดียวก็ดูจะสร้างปัญหา
ดังนั้นก็จำเป็นต้องไปเป็นคณะ ซึ่งก็จะได้ดูนก ที่คิดว่าน่าจะไม่ได้ดู และได้ไปตลาดปลาเหมือนเดิม
แต่ก็จะไม่ได้เที่ยวในเมือง แต่ว่าตามแผนของทัวร์ก็มีบอกว่าจะพาเข้าเมืองเล็กน้อยเหมือนกัน
กำหนดออกเดินทาง 8 โมงเช้า และต้องกลับมาถึงศูนย์ที่ Obihiro ภายใน 5 โมงเย็น
ไม่รู้ว่าวิวข้างทางของเส้นรถไฟกับทางหลวงจะเหมือนกันรึเปล่า แต่ยังไงก็ยังสวยมากๆอยู่ดี
ระหว่างทางผ่านป่า ผ่านเขา เจอน้องหมาจิ้งจอกนอนขดอยู่ไกลๆ 2 ตัว ซึ่งถ่ายรูปไม่ทัน
ต้องคอยเช็ดกระจกอยู่เรื่อยๆเพราะกระจำเป็นน้ำแข็ง ไม่ก็ฝ้าขึ้น
นั่งรถเกือบๆ 2 ชั่วโมงก็ถึง Kushiro Japanese Crane Reserve ซึ่งเป็นศูนย์อนุรักษ์
จึงเป็นคนละที่กับอุทยานที่มีรีวิวไว้ในพันทิป ซึ่งตรงนั้นจะเป็นพื้นที่ปล่อยนกอิสระ
เป็นเขตอุทยานแบบที่ไม่ได้เป็นกรงกั้นสำหรับศึกษาอย่างที่เรามาดู แต่ที่นี่ก็ไม่ต้องรอให้นกมารวมฝูง
(เพราะมันอยู่ในกรงอยู่แล้ว) ในศูนย์มีนกอยู่ประมาณ 6 คู่ เสียดายที่ไม่เห็นลูกนก แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นนกกระเรียนเต้นระบำ ช่วงนี้ฤดูหนาวพอดี เป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์
นกจะเต้น ซึ่งเป็นพฤติกรรมในการเกี้ยวคู่ของตัวเอง
จริงๆก็ไม่รู้นกเต้นจีบสาว จีบหนุ่ม หรือไล่เหยี่ยวกันแน่ บนต้นไม้รอบๆมีเหยี่ยวเยอะมากทีแรกก็สงสัยว่าทำไมมีเยอะจัง แถวนี้สัตว์เล็กมันเยอะเหรอถึงมีเหยี่ยวเต็มไปหมดแต่จริงๆแล้วเหยี่ยวมารอแย่งอาหารนกกระเรียนในกรง เวลานกจับอาหารขึ้นมา นกก็อาละวาดไล่
นอกจากการเต้นแล้ว ช่วงฤดูผสมพันธุ์นกจะร้องหาคู่ด้วย
เสียงร้องนกกระเรียนเหมือนเสียงม้ามาก จริงๆมันร้องคนละแบบแหละ แต่ฟังคล้ายเสียงม้า
ดูเหมือนเมื่อก่อน เวลาได้ยินเสียงนกร้องก็ทำให้มโนกันไปได้ว่ามีข้าศึกมา
ส่วนบางตัวก็หลับ ส่วนท่าหลับก็ยากดี ตามรูปที่ 3 เลย
มีเวลาที่นี่แค่ 40 นาที แล้วต้องไปแวะที่ Kushiro Marsh Observatory
ซึ่งมีเวลาน้อยกว่านี้อีกเพราะบวกเวลาสายมาเรื่อยๆตลอดทาง เวลาในที่ต่อๆมาเลยต้องลดลง
เพื่อให้เวลาตอนเที่ยงมีพอให้พักกินข้าวมากขึ้น
มาพักทานข้าวเที่ยวกันที่ตลาด Washo ในตัวเมืองไม่ไกลสถานี
เริ่มลุยกันเลย เมนูดังของตลาดที่นี่คือ Katte Don หมายถึงข้าวหน้าตามใจฉัน
ซึ่งตลาดนี้เป็นตลาดปลา เพราะเมือง Kushiro เป็นเมืองท่าติดทะเล Katte Don ทั้งหมดจะเป็นหน้าทะเลและอาหารทะเลอื่นๆทั้งของสดปรุงที่ร้านมานั่งกินในตลาดได้ เช่น ปูนึ่ง (สั่งแล้วต้องรอ 15 นาที)
ปลาต้ม เป็นต้น ก่อนอื่นต้องไปซื้อข้าวใส่ถ้วย มีข้าวให้เลือก 2 แบบ คือ ข้าวญี่ปุ่นธรรมดา
กับข้าวปรุงรส (ข้าวซูชิ) ซึ่งแพงกว่านิดหน่อย มีข้าวหลายไซส์ให้เลือก
เลือกข้าวแล้ว ต่อไปก็ไปเลือกร้านปลากัน ใครชอบอาหารทะเลต้องรักแน่ๆ มีหมดทั้ง
ไข่หอยเม่น หมึกสด ทุกส่วนจากมากุโร่ ปู แซลมอน กุ้งหวาน ไข่ปลา หอยปีกนก หอยเชลล์ ฯลฯ
ซึ่งราคาถือว่าดีมาก เมื่อเทียบกับความสด กินแล้วลืมปลาดิบที่ไทยไปได้เลย
ถ้วยนี้ของเรา รวมข้าวแล้วราคาประมาณ 1,800 เยน แต่อร่อยเหลือเกิน TvT
เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศในตลาด เพราะต้องรีบกินรีบไป
ในตลาดคนเยอะดี ไม่เงียบเหงาอย่างที่คิด นักท่องเที่ยวก็เยอะ ไม่ใช่แค่พวกเรากับทัวร์จีน
คนญี่ปุ่นเองก็มีมาเที่ยวพอสมควรเหมือนกัน
รอบนี้พึ่งสังเกตว่าทะเบียนรถของญี่ปุ่น ก็ใช้อักษรนำหน้าทะเบียนรถเหมือนกัน
พักเที่ยงเสร็จแล้ว ที่สุดท้ายคือทะเลสาบ Akan จุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ Kushiro
(ใครลุ้นชิงโชคกับชาเขียวไปเที่ยวกับพี่เป็ก ผลิตโชคก็ที่นี่นี่แหละ)
มีพิพิธภัณฑ์มาริโมะ สาหร่ายที่ช่วงนึงฮิตเลี้ยงกัน กับพิพิธภัณฑ์ชาวไอนุ และพวกร้านของฝาก
ระหว่างทางไปทะเลสาบเราก็เจอนกกระเรียนระหว่างทาง
จากทีแรกคิดว่าตาฝาด มันอาจจะเป็นตุ๊กตา แต่ดูเหมือนว่านกกระเรียนธรรมชาติ
ชอบไปอยู่แถวหน้าบ้านคน หรือว่าในทุ่ง แต่ทุกตัวมีป้ายแปะรหัสฝังไมโครชิปหมด
ไม่คิดว่าจะเจอกันง่ายดายไล่ทุ่งขนาดนี้
ระหว่างทางขึ้นเขาไปทะเลสาบก็ยังเจอกวางป่าอีกแวบๆ แต่ก็ถ่ายรูปไม่ทันอยู่ดีเพราะต้องทำเวลา
พอมาถึง สิ่งที่ทุกคนสนใจเนื่องจากทะเลสาบที่ตอนนี้เป็นน้ำแข็ง จะมีกิจกรรมบนลานน้ำแข็ง
ตกปลาบนน้ำแข็ง นั่งบานาน่าโบ๊ต สโนว์โมบิล อะไรพวกนี้ ซึ่งเราเฉยๆเลยไม่ได้เล่น
เนื่องจากเวลาน้อยมากเพราะนี่เป็นที่สุดท้าย แค่ไปหาซื้อของฝากก็จะหมดเวลาแล้ว
สุดท้ายขากลับก็ไม่เป็นไปตามเวลาที่ตกลงกับบริษัทรถไว้
ลุงคนขับพยายามทำเวลาตามหน้าที่ ทั้งที่เหตุผลที่สายนั้นไม่ใช่ความผิดของลุงเลย
ทางมืดและลื่นน้ำแข็ง หลายทีที่กลัวว่ารถจะลื่นเสียหลัก
พอกลับมาถึงเกินเวลาไปเกือบ 1 ชั่วโมง เลยต้องจ่ายค่าปรับเพิ่ม 10,000 เยน
แต่เนื่องจากหารกันเป็นสิบคน เลยไม่ใช่เงินเยอะอะไร
เรายังอยากไป Kushiro อีกรอบ จริงๆยังคาใจ อยากเที่ยวในเมือง
ดีใจที่รอบนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอนกกระเรียน แต่ถ้าได้ไปอีกก็อยากไปดูที่อุทยานจริงๆแบบไม่ใช่ในกรง
ก่อนไปดันไปรู้ว่า Kushiro เป็นเมืองโลเคชั่นหลักของหนัง Hanamizuki (2010)
ถ้ามีเวลาเยอะกว่านี้คงจะดี
----------------------------------------------------------------------------------
เหลืออีก 2 วันหยุด
ตอนหน้า คิดถึงเมืองใหญ่ ถึงค่ารถไฟจะแพงยังไงก็จะเข้าไปซัปโปโร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in