Track: dreams, books, power and walls (꿈과 책과 힘과 벽)
Artist: Jannabi (잔나비)
Album: LEGEND
Year: 2019
해가 뜨고 다시 지는 것에
연연하였던 나의 작은방
텅 빈 마음 노랠 불러봤자
누군가에겐 소음일 테니
꼭 다문 입 그 새로 삐져나온
보잘것없는 나의 한숨에
나 들으라고 내쉰 숨이 더냐
아버지 내게 물으시고
제 발 저려 난 답할 수 없었네
ในห้องเล็ก ๆ ของฉัน
ที่เคยชินกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นและตกในแต่ละวัน
แม้ว่าจะร้องเพลงด้วยความรู้สึกอันว่างเปล่าแล้วก็ตาม
แต่เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นเสียงรบกวนผู้อื่นได้
จึงต้องรีบปิดปากอย่างแน่นสนิท
ก่อนจะปล่อยลมหายใจที่ไม่มีคุณค่าของฉันออกมาอีกครั้ง
คุณพ่อหันมาถามฉัน
ว่าถอนหายใจให้ท่านได้ยินหรือ
ฉันรู้สึกผิด เลยไม่สามารถตอบกลับไปได้
우리는 우리는
어째서 어른이 된 걸까
하루하루가 참 무거운 짐이야
더는 못 갈 거야
พวกเรา พวกเราน่ะ
เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ได้เช่นไรกัน
การใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นภาระที่หนักหนาเหลือเกิน
ฉันไปต่อไม่ไหวแล้วล่ะ
꿈과 책과 힘과 벽 사이를
눈치 보기에 바쁜 나날들
소년이여 야망을 가져라
무책임한 격언 따위에
저 바다를 호령하는 거야
어처구니없던 나의 어린 꿈
가질 수 없음을 알게 되던 날
두드러기처럼 돋은 심술이
끝내 그 이름 더럽히고 말았네
ระหว่างความฝัน หนังสือ กำลัง และกำแพง
แต่ละวันของฉันนั้นยุ่งเกินกว่าสังเกตสิ่งอื่น
"เด็กหนุ่มเอ๋ย จงทะเยอทะยานให้มาก"
ช่างเป็นคติสอนใจที่ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี
"ฉันจะปกครองมหาสมุทรอันแสนกว้างนั่น"
ความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริงของฉันในวัยเด็ก
ในวันที่ฉันเริ่มคิดได้ว่าคงไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ
ความดื้อรั้นเอาแต่ใจก็ผุดขึ้นมาราวกับผื่นลมพิษ
ท้ายที่สุดฉันก็ยอมแพ้ไป
우리는 우리는
어째서 어른이 된 걸까
하루하루가 참 무거운 짐이야
더는 못 간대두
멈춰 선 남겨진
날 보면 어떤 맘이 들까
하루하루가 참 무서운 밤인 걸
잘도 버티는 넌
พวกเรา พวกเราน่ะ
เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ได้เช่นไรกัน
การใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นภาระที่หนักหนาเหลือเกิน
ฉันไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีกแล้ว
หากคุณหยุดแล้วหันกลับมามองสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวฉัน
คุณจะคิดอย่างไรกัน
ยามค่ำคืนในแต่ละวันเป็นสิ่งที่น่ากลัวเหลือเกิน
แต่คุณคงจะอดทนผ่านมันไปได้ดี
하루하루가 참 무서운 밤인 걸
ยามค่ำคืนในแต่ละวันเป็นสิ่งที่น่ากลัวเหลือเกิน...
자고 나면 괜찮아질 거야
하루는 더 어른이 될 테니
무덤덤한 그 눈빛을 기억해
어릴 적 본 그들의 눈을
우린 조금씩 닮아야 할 거야
ถ้านอนหลับแล้วตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น
เพราะเราจะแก่ขึ้นอีกหนึ่งวัน
ฉันจำแววตาอันแสนเฉยชานั้นได้
เคยเห็นแววตาเหล่านั้นเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก
และพวกเรากำลังจะกลายเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน
- - - - -
/ from the translator:
ก่อนจะเขียนโพสต์นี้ขึ้นมาได้เราเปลี่ยนเพลงอยู่หลายรอบ ตอนแรกว่าจะแปลเพลงนู้นเพลงนี้ แต่พอแปลไปแล้วก็รู้สึกไม่พอใจในงานตัวเอง กดลบแล้วเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อย ๆ จนอะไรไม่รู้ดลใจให้มาแปลเพลงนี้แทน ปกติเวลาเราฟังเพลงนี้ เราฟังแบบผ่าน ๆ มากเลย ไม่เคยเปิดเนื้ออ่าน ไม่เคยตั้งใจฟังดี ๆ เลยไม่เคยเข้าใจสิ่งที่เพลงต้องการจะสื่อ รู้แค่ว่าเมโลดี้เพราะดี ทำให้ตอนที่มานั่งแปลเพลงนี้เหมือนกับเพิ่งได้มาทำความรู้จักกับเพลงนี้เป็นครั้งแรก และหลังจากแปลเสร็จ เราว่าเพลงนี้อาจจะกลายมาเป็นเพลงของจันนาบีที่เราชอบมากที่สุดเลยก็ได้
ถ้าดูแค่ชื่อเพลง หลายคนคงนึกภาพไม่ออกว่าเพลงนี้ต้องการสื่อถึงอะไร เนื่องจากพูดถึงสิ่งของ 4 อย่างที่ดูไม่ค่อยจะเข้ากันเท่าไร ได้แก่ ความฝัน หนังสือ กำลัง และกำแพง แต่ถ้าตีความร่วมกับเนื้อเพลงแล้ว เรามองว่าเพลงนี้เกี่ยวกับการที่เราไม่สามารถทำตามความฝันในวัยเด็กได้สำเร็จ ยิ่งโตขึ้นยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้าและเมินเฉยกับทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมความฝันที่เคยมี การใช้ชีวิตเป็นเหมือนกับภาระที่หนักหนา จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นเหมือนกับผู้ใหญ่ที่มีแววตาไร้ความรู้สึกอย่างเคยเห็นเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่คนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันกำลังพบเจออยู่ รวมไปถึงตัวเราเองด้วยในบางครั้ง
เราเลยมองว่าชื่อเพลงต้องการจะสื่อถึง 'ความฝัน' ที่เราเคยมีในวัยเด็ก แต่การที่จะไปถึงความฝันนั้นได้ เราไม่ควรที่จะติดอยู่เพียงแค่ในความคิดของเราเอง แต่ควรจะลงมือทำด้วย ซึ่งเปรียบได้กับการอ่าน 'หนังสือ' นอกจากนี้ยังต้องการ 'กำลัง' เพื่อให้ทำตามความฝันได้สำเร็จ แต่ชีวิตคนเราก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องเจออุปสรรคมากมาย เหมือนกับการวิ่งชน 'กำแพง' และท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำตามความฝันที่ตัวเองในวัยเด็กเคยคิดฝันเอาไว้ได้ ทำให้เราเหมือนติดอยู่ท่ามกลางความฝัน หนังสือ กำลัง และกำแพง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เพลงนี้จะจบลงด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสิ้นหวัง แต่เรามองว่าจันนาบีคงแต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อให้ใครหลาย ๆ คนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว ให้รู้ว่ายังมีคนที่พบเจอประสบการณ์เดียวกัน และหวังว่าเพลงนี้จะช่วยผ่อนคลายและปลอบประโลมทุกคนได้
หมายเหตุ: เราไม่ได้แปลแบบตรงตัว คำต่อคำ แต่เกลาคำให้เข้ากับสิ่งที่เพลงต้องการสื่อมากขึ้น เราเชื่อเสมอว่าคำแปลของเราไม่สามารถสะท้อนความหมายของเนื้อเพลงทั้งหมดได้ แต่ก็พยายามที่จะสื่อออกมาให้ได้ครบถ้วนมากที่สุด และหากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ :-)
- - - - -
/ เพิ่มเติม (ไม่เกี่ยวกับเพลงนี้) :
ระหว่างที่เรารีเสิร์ชข้อมูลเพื่อเขียนโพสต์นี้ เราเห็นคนเกาหลีหลายคนซึ่งกำลังเรียนชั้นม.6 มาพูดถึงเพลงนี้และบอกว่าพวกเขาเข้าใจมันได้ดี ทำให้เรานึกถึงวิดีโอหนึ่งที่เคยดูเมื่อหลายปีมาแล้วช่วงตอนกำลังจะสอบเข้าม.4 เป็นวิดีโอ Social Experiment ของเกาหลี ที่ให้นักเรียนชั้นม.6 ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยบอกคนแปลกหน้า ว่าเธอเหนื่อยกับการอ่านหนังสือสอบเหลือเกิน ช่วยกอดให้กำลังใจได้หรือไม่ ปฏิกิริยาของคนแปลกหน้าทำให้เรารู้สึกตื้นตันไม่น้อยเลย และเรามักวนกลับมาดูวิดีโอนี้บ่อย ๆ วันไหนที่รู้สึกเหนื่อยล้า หวังว่าวิดีโอนี้คงทำให้หลายคนรู้สึกอบอุ่นหัวใจไม่มากก็น้อยนะคะ
- - - - -
ช่องทางในการติดตามศิลปิน:
- Choi Jung Hoon's Instagram (Main Vocalist)
@jannabijh
sincerely,
themoonograph
ในวันที่ฉันเริ่มคิดได้ว่าคงไม่สามารถทำมันได้สำเร็จความดื้อรั้นเอาแต่ใจก็ผุดขึ้นมาราวกับผื่นลมพิษท้ายที่สุดฉันก็ยอมแพ้ไป“ ซึ่งมันก็จริงที่เราอาจจะต้องทิ้งสิ่งที่ชอบหรือวาดฝันไว้ไปเพราะคำว่า หน้าที่ ละมั้งคะ ? แต่พออ่านจนจบบทความก็รู้สึกดีขึ้นนะคะก็อยากจะสู้ต่อและหวังว่าวันนึงเราจะไม่ติดกันอยู่แค่ในความฝัน แต่ได้ลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้กัน สู้สู้เหมือนกันนะคะคุณมูน วันนี้ก็เยี่ยมเหมือนเคยเลยนะคะขอให้เป็นวันที่ดีของคุณค่ะ:-)