...
"บันทึกมึนๆ ที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับกีฬา 'ปากัวร์' กีฬาที่ไม่ทำอะไรนอกจากกระโดด เเละปีน
เเละก็กลับมากระโดดใหม่ ถามว่าฝึกไปเเล้วได้อะไร ได้เยอะเลยเเหละ"
...
ตอนที่ 06 : สายตาที่ผมไม่สามารถหลีกหนีได้
ผมไม่รู้ว่าทุกคนรู้สึกเหมือนผมรึเปล่า
ทุกครั้งที่ผมถูกสายตาหลายสิบคู่จับจ้องมายังการกระทำของตัวเอง จะทำให้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก อยู่ๆ ท้องไส้ก็มวลขึ้นอย่างผิดปกติ ริมฝีปากแห้งผากและรู้สึกถึงรสขมแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ครั้งแรกที่ผมมาสวนเร็วกว่าใครเพื่อนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ตามปกติ มีผมคนเดียวบริเวณลานซ้อม ด้วยความอยากเก่งเร็วๆ ก็เริ่มฝึกกระโดดตามที่ถูกสอนมา แต่แล้วร่างกายก็จับความรู้สึกของสายตาคนรอบข้างที่มองมายังตัวเองได้
ตอนนั้นผมกระโดดไปมาตามก้อนหิน ผมไม่รู้ความคิดคนเหล่านั้นหรอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาอาจมองเพราะแปลกตาไม่เคยเห็นใครทำอะไรแบบนี้ หรือมองว่าผมโตเกินกว่ากว่าจะมาทำอะไรแบบนี้รึเปล่าผมก็ไม่ทราบ
เเต่สิ่งที่ผมทำตอบกลับสายตานั้นคือการหยุดกระโดด เริ่มเดินไปมาแทน อยู่ๆ ผมก็รู้สึกอาย ขึ้นมาซะอย่างนั้น กล้ามเนื้อขาเริ่มก้าวไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ผมอายที่ถูกคนมองราวกับคนที่ทำอะไรแปลกประหลาดผิดแผกจากสังคม
ต้องบอกก่อนว่าผมเป็นพวกขี้อายในระดับหนึ่งทีเดียว
ลองคิดภาพตามสิ อยู่ๆ มีคนมายืนจ้อง หรือหยุดเดินเพียงเพื่อจะมองมาที่คุณโดยเฉพาะ น้อยบ้างมากบ้างเเล้วเเต่ครั้ง บางทีมาเป็นคณะทัวร์เลยก็มี
ครั้งหนึ่งมีทัวร์จักรยานที่จะมีไกด์ชาวไทยปั่นนำเเละอธิบายรอบข้างไปตลอดทาง สวนสาทรเป็นหนึ่งในนั้นที่จะต้องผ่านก่อนจะขึ้นเรือข้ามฝากกลับไปฝั่งสาทร ฝรั่งสิบกว่าคนหยุดดูผมเป็นตาเดียว
ใครบ้างล่ะจะไม่เกิดอาการเกร็ง หรืออายขึ้นมา
แต่การเผชิญหน้ากับสายตาหลายสิบหลายหลายร้อยคู่อยู่ทุกครั้งที่ฝึกซ้อมทำให้ผมชินชาในที่สุด แรกๆ ผมก็กลัว กลัวว่าจะพลาดต่อหน้าคนที่ดู กลัวว่าจะทำอะไรเปิ่นๆ หรือทำอะไรน่าอายออกไป
แต่นานวันเข้าผมก็เริ่มหน้าด้าน(ฮา)
ผมเริ่มไม่กลัวว่าตัวเองจะเล่นท่าใหม่ๆ แล้วพลาดกลิ้งหลุนไปตามพื้น หรือหกล้มแล้วจะถูกใครหัวเราะใส่ ผมไม่กลัวว่าตัวเองจะหลุดทำท่าดูไม่ดีออกไป ผมพยายามปรับเปลี่ยนความคิดเล็กๆ น้อยๆ ในหัว
ผมเริ่มกลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้มากกว่า
สิ่งหนึ่งที่ต้องต่อสู้อยู่ตลอดไม่ว่าจะกับกีฬานี้หรือกับอะไรก็ตาม คือจิตใจ คือความคิดของตัวเอง คนเขาจะคิดว่าผมบ้า ผมสติไม่ดี หรือทำเพราะอยากเท่ เขาคิดจริงรึเปล่าผมก็ไม่รู้ ทั้งหมดมาจากหัวผมเองทั้งนั้นที่คิดกลัวและสร้างคำพูดขึ้นมาเอง ดีไม่ดีความคิดเหล่านี้เป็นผมเองนี่แหละที่กำลังด่าว่าตัวเองอยู่
ถ้าเขาเดินเข้ามาแล้วบอกทำนองว่าเล่นอะไรเป็นเด็กๆ สิ อันนี้คงเป็นเรื่อง(ฮา)
......
สายตาคนรอบข้างเป็นประตูแรกๆ ที่ผมต้องเปิดเข้าไปทำความรู้จักกับมัน ถ้าผมอยู่กับมันไม่ได้ อาจไม่ใช่แค่กีฬานี้ แต่อาจเป็นชีวิตประจำวันของผมด้วย
ผมว่าเดี๋ยวนี้คนเราก็มองกันด้วยสายตาหลากหลายรูปแบบอยู่แล้ว ถ้าผมยังมัวเก็บมาคิด มาสร้างเรื่องราวเป็นตุเป็นตะ ผมคงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี จะแต่งตัวแบบที่ชอบก็ดันไปกลัวคนอื่นมองไม่ดี มองว่าแปลก แต่เดี๋ยว นี้ร่างกายผมไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องไปกลัวคนอื่นด้วยล่ะ?
ผมกัดใจและผ่านประตูบานนั้นมาได้ แต่ก็ดันพบความจริงที่ว่าผมยังหนีมันไม่พ้น ผมแค่ปรับตัวอยู่ในห้องที่มีสายตาเหล่านั้น แต่ผมก็ยังคงอยู่ในห้องนั้นอยู่ดี
ถ้าให้เปรียบห้องๆ นั้นกับอะไรสักอย่าง
ก็คงเหมือนโลกใบที่ผมและคุณกำลังเติบโตจากสักมุมหนึ่งของประเทศนี้ไปด้วยกัน สายตาเหล่านั้นจะอยู่กับพวกเราไปตลอดชีวิต ดังนั้นถ้าผมยังเก็บเอามาคิดผมคงได้ปวดหัวไปทั้งชีวิตแน่ๆ
แค่มั่นใจกับตัวเองก็พอว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่ได้ส่งผลกระทบไม่ดีกับใคร
ผมคงไม่สามารถหยุดกระโดดหรือหยุดทำในสิ่งที่ผมรักเพียงเพราะคนที่ผมไม่รู้จักมามองหรือมาทักได้หรอก เพราะผมทำในสิ่งที่ผมรัก ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นรัก
เเล้วคุณล่ะ
ตอนนี้คุณกำลังทำในสิ่งที่คุณรัก หรือสิ่งที่คนอื่นรัก?
......
อยากเห็นภาพจริงๆ เวลาผมเล่น ผมซ้อม ดูได้ที่ไอจี
pkdaily.n เลยครับ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in