...
"บันทึกมึนๆ ที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับกีฬา 'ปากัวร์' กีฬาที่ไม่ทำอะไรนอกจากกระโดด เเละปีน
เเละก็กลับมากระโดดใหม่ ถามว่าฝึกไปเเล้วได้อะไร ได้เยอะเลยเเหละ"
...
ตอนที่ 5 : ยังดีที่เป็นบ้าน
ในชีวิตจะมีสักกี่เหตุการณ์ที่คุณจำได้ไม่เคยลืม?
ผมเองก็มีหลายเรื่องเหมือนกันที่ให้ตายอย่างไรก็ไม่มีทางลืมแน่ๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมอยากมาเขียนเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนได้อ่านก็กันไม่รู้ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องน่าอายมากสำหรับผมแท้ๆ แต่เอาเถอะ ผมว่าเรื่องน่าอายนี้มันก็น่าจะมีอะไรดีๆ อยู่บ้างล่ะน่า
อย่างน้อยก็ตลก หวังว่านะ
......
ผมจำได้ดี เรียกว่าไม่มีวันลืมก็อาจไม่ผิด
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก
วันนั้นเป็นวันที่ผมกลับบ้านมาพร้อมกับความเหนื่อยล้าทางกาย แต่ทางใจกลับล้นเอ่อด้วยความสุข ผมกลับมาพร้อมผลลัพธ์ที่ทุ่มฝึกมาแรมเดือน
วันนั้นเป็นวันที่ผมตีลังกากลับหลังได้ เหนื่อยแทบตาย เจ็บแทบแย่ แต่ก็ทำได้แล้ว
ด้วยความดีใจ ตกกลางคืนระหว่างที่น้องสาวอายุห่างกันเพียงหนึ่งปีกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะคอม ผมเดินเข้าไปหาเเละบอกว่าจะตีลังกาให้ดู น้องผมไม่เชื่อว่าผมทำได้ แต่ผมก็ยืนกรานว่าทำได้จริงๆ และด้วยความร้อนในวิชาที่เพิ่งได้มาไม่กี่ชั่วโมง
ผมเขยิบห่างออกมาจากโต๊ะคอมเล็กน้อย ยืนนิ่งมั่นคง ก่อนย่อเข่าเล็กน้อยเพื่อเก็บแรงและเด้งตัวกระโดดขึ้นเหนือพื้นบ้าน ยกเข่าขึ้นสูงทาบหน้าอกพร้อมใช้สองมือที่แกว่งขึ้นมากอดเข่าเเน่นจนกลายเป็นก้อนกลมที่กำลังหมุนไปด้านหลัง
แต่วินาทีที่ใบหน้าเเละลำตัวขนานกับเพดาน ความรู้สึกโหวงพลันเกิด สมองผมโล่งไร้ความคิด เมื่อเพดานอยู่ห่างจากใบหน้าเพียงยี่สิบกว่านิ้ว ผมเกิดความรู้สึกที่คนเล่นกีฬานี้เรียกกันว่า 'เหวอ'
ผมคิดว่าตัวเองกำลังจะชนเพดานบ้าน!
บ้าไปแล้ว คิดได้ไง ไม่มีทางที่ผมจะโดดได้สูงเท่านั้นแน่ๆ
ด้วยความตกใจ ผมปล่อยมือจากท่ากอดเข่า ท่วงท่าแตกกระเจิง
คุณคงพอเดาได้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไร
ผมทิ้งตัวลงมาหน้าฟาดพื้นบ้านดังตุ้บใหญ่ ดีที่บ้านผมปูพื้นด้วยแผ่นพลาสติก ซึ่งก็ไม่ได้หนามากหรอก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีล่ะนะ ไม่อย่างนั้นเสียงคงน่ากลัวและเจ็บหนักกว่านี้
เสียงเปิดประตูบนชั้นสองดังขึ้น วินาทีต่อมาผมเห็นยายที่นอนไปแล้วสักพักใหญ่รีบวิ่งลงบันไดมาด้วยหน้าตาตื่น เมื่อเห็นผมกับน้องก็รีบถามขึ้นว่า
“ใครวิ่งชนประตู!?”
ถัดจากโต๊ะคอมไม่ไกลเป็นประตูกระจกสำหรับออกไปนอกตัวบ้าน ถามจริง คนธรรมดาที่ไหนเขาวิ่งชนประตูกระจกกัน มีแต่คนธรรมดาที่ตีลังกาเอาหน้าฟาดพื้นจนปากแตกคนนี้นี่แหละ
ผมบอกยายตามตรงว่าตีลังกาให้น้องดู โชคดีที่ยายลงมาไม่ทันเห็นผมเอามือกุมปากนั่งทรุดอยู่กับพื้นเพราะผมลุกขึ้นมายืน รีบจัดการสภาพตัวเองเเละทำเฉยเป็นปกติทัน จึงได้แต่ยิ้มและทำท่าสบายๆ
และยายก็ยังไม่รู้จวบจนทุกวันนี้ว่าตอนนั้นผมพลาด!
เมื่อยายกลับขึ้นไปนอนต่อ ผมหันกลับไปมองน้องสาวตัวเองที่ถามว่า “เป็นอะไรไหม?” ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่สีหน้าไม่ใกล้เคียงแม้แต่น้อย นั่นแหละอาการน้องผมตอนนั้น ถ้าขำลั่นบ้านได้โดยไม่กลัวยายตื่นคงทำไปแล้ว
......
นึกในแง่ดี ถือว่าผมโชคดีที่ไม่ไปบ้าโชว์ใครข้างนอกเข้า คงอายกว่านี้หลายเท่าตัวและอาจมีคลิปหลุดจากบรรดาเพื่อนสนิททั้งหลายที่จ้องจะเก็บไว้ประจานหรือขำกันตอนหลัง
เรื่องนี้พูดขึ้นมาทีไรผมกับน้องเป็นขำตายทุกที กะจะเป็นพี่ชายเท่ๆ ตีลังกาโชว์น้องสักหน่อย กลับกลายเป็นความทรงจำตลกขบขันเอาไว้เล่าเวลาคิดถึงความหลังซะได้ และพอทุกครั้งที่ผมบอกจะโชว์หรือทำอะไรให้ดู(ที่ไม่ใช่ปากัวร์) น้องผมก็มักจะถามปรามก่อนว่า
“ไม่เอาแล้วนะเหมือนตอนนั้นอ่ะ”
เฮ้อ!
จบกัน ความเท่ของคนเป็นพี่
......
อารมณ์ร้อนวิชานี่มันน่ากลัวจริงๆ นะครับ
......
อยากเห็นภาพประกอบหรือคลิปเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ผมเล่น กดติดตามไว้ได้เลยครับ เพิ่งเปิดเอง :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in