...
"บันทึกมึนๆ ที่จะพาทุกคนไปรู้จักกับกีฬา 'ปากัวร์' กีฬาที่ไม่ทำอะไรนอกจากกระโดด เเละปีน
...
คงเป็นคำที่อธิบายว่างานแจมคืออะไรได้กระชับและเข้าใจง่ายที่สุด
เป็นงานที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับคนเล่นกีฬาปากัวร์
ส่วนมากจะถูกจัดขึ้นโดยนักกีฬาชื่อดังหรือไม่ก็ทีมดังระดับโลก ที่จะนัดวัน เวลา สถานที่ เพื่อมารวมตัวฝึกซ้อมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
ทุกคนจะมาเจอกันที่สวนสาธารณะสักที่ และใช้เวลาตลอดทั้งวันฝึกซ้อมด้วยกัน คล้ายงานรวมญาติห่างๆ เพราะส่วนใหญ่คนเล่นกีฬานี้มักมีที่ซ้อมประจำของตัวเองและไม่ได้เล่นเป็นกลุ่มใหญ่
งานแจมจึงเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อรวมตัวกันนานทีปีหน และเป็นงานโชว์ของที่แท้จริง
ต้องบอกก่อนว่างานนี้ไม่ว่าจะเป็นที่ไทยหรือต่างประเทศใช่ว่าจะจัดขึ้นบ่อย ความจริงใครจะจัดก็ได้ ก็แค่งานนัดรวมตัวกันมาเล่น แต่ลองนึกภาพว่าใครก็ไม่รู้มาชวนคุณไปเล่นด้วยสิ ก็อาจไม่ดึงดูดเท่า
นักกีฬาระดับโลกหรือทีมดังๆ มาชวนอยู่ดีจริงไหมล่ะ
งานแจมจึงเป็นงานที่ไม่มีกำหนดการชัดเจนใดๆ ทั้งสิ้น บทจะจัดก็จัดกันขึ้นมาดื้อๆ
......
ล่าสุดที่ผมไปมาจัดขึ้นที่ยิมแถวบางนา โดย Team Farang ที่มาเยือนไทยอยู่บ่อยครั้ง เรียกว่าอยู่ที่ไทยก็ว่าได้ เพราะมีสมาชิกคนหนึ่งเป็นคนไทยคือ อนัน อันวา อดีตนักร้องเด็กที่ผันตัวมาเล่นกีฬาผาดโผน
วันนั้นผมไปก่อนเวลาเกือบชั่วโมงเพราะคำนวณเวลาพลาดนิดหน่อย และได้พบกับเพื่อนใหม่สองคนที่ปกติจะซ้อมกันที่ต่างจังหวัดมารออยู่ก่อนแล้ว พวกเราพูดคุยทำความรู้จักกันตามประสา โชคดีที่อายุเท่ากันเลยคุยกันสะดวก
พอเวลางานใกล้เข้ามา คนก็เริ่มเยอะขึ้น วินาทีที่ผมตื่นเต้นที่สุดคงหนีไม่พ้นตอนที่นักกีฬาที่เปรียบเสมือนไอดอลเดินทางมาถึง ความเป็นติ่งในอดีตผมนี่พุ่งพล่านขึ้นมาทันที
นักกีฬา 5 คนตรงหน้า ถ้าคุณเห็นภายนอกอาจคิดว่าเป็นเพียงฝรั่งธรรมดาๆ ที่มาเที่ยวประเทศไทย แต่ผมและเพื่อนใหม่อีกสองคนกลับสัมผัสได้ถึงออร่าความเทพที่แผ่ออกมารอบตัวพวกเขา
ผมทักทายและจับมือตามธรรมเนียมตะวันตก
ตอนเป็นติ่งผมยังไม่ได้ใกล้ชิดคนดังระดับโลกเท่านี้เลย คิดแล้วน้ำตาจะไหล
จากนั้นพี่อนันก็พูดเปิดงานพอเป็นพิธีกับกลุ่มคนที่มาร่วมแจมประมาณสี่สิบคน เรียกว่าอบอุ่น บัตรหกพันยังเทียบไม่ได้เลย(ฮา) พอกล่าวจบก็แยกย้ายกันไปเล่นตามสะดวก
......
ยิมแห่งนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกจะมีโครงเหล็กที่เอาไว้ฝึกโหนและกำแพงสูงสำหรับฝึกปีน รวมถึงแท่นไม้ต่างๆ ไว้ให้ฝึกกระโดด ส่วนที่สองจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ที่ปูด้วยเบาะไว้ตีลังกา ส่วนที่สามเป็นแทรมโพลีน
แน่นอนว่าสายปากัวร์อย่างผมต้องสิงอยู่ที่ส่วนแรก แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นครับ ผมไม่เก่งเวลาเล่นบนบาร์หรือโครงเหล็ก แค่พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง ในใจเริ่มกังวลและคิดว่าตัวเองคงได้มายืนง่อยดูมือโปรเขาเล่นกันแน่ๆ
แต่พอเห็นคนอื่นโชว์วิชาเราก็อยากโชว์บ้าง ผมก็จัดเลยครับ โดดระยะไกลตามวิชาที่มีไปยืนบนเหล็กท่อนที่สำหรับคนเล่นด้วยกันถือว่ายืนให้นิ่งนี่ยากพอตัวเพราะมีเนื้อที่ให้ยืนน้อยมาก ท่านั้นเรียกเสียงปรบมือไปไม่น้อย หลังจากนั้นก็มีคนทำตามผมบ้าง ผมทำตามคนอื่นบ้าง
เสน่ห์อย่างหนึ่งของงานแจมคือ ต่อให้เจอคนต่างชาติ เราก็ใช้ภาษากายหรือท่าทางนี่แหละคุยกันได้ มีชาวต่างชาติคนหนึ่งเขาเล่นกระโดดลอดไปมาตามโครงเหล็ก ซึ่งเขาเห็นผมมองอยู่ พี่แกก็กวักมือทำนอง “ลองดูไหม” ผมก็จัดตามครับ ซึ่งบางท่าก็เกินฝีมืออยู่บ้างแต่ทักษะที่สั่งสมมาก็พอจะช่วยถูไถไปได้อยู่ แต่บางท่าก็ต้องยอมครับ เราฝึกมาต่างกันจริงๆ
งานแจมเป็นงานประเภทที่ผมทำท่าไหนได้ก็จะมีคนลองทำตาม เขาทำไม่ได้ผมก็จะบอกเทคนิคและสอนเขา เวลาเขาเล่นและผมทำตามไม่ได้ เขาก็จะบอกเทคนิคผม
เรียกว่าคุณสามารถเก่งขึ้นได้ภายในเวลาอันสั้นเหมือนมาเรียนหลักสูตรเร่งรัดจากคนเก่งในสาขาวิชาที่ต่างกัน
สิ่งที่ผมปลื้มมากที่สุดในวันนั้นคงหนีไม่พ้นพี่อนันมาเล่นด้วย คือผมก็เล่นของผมแหละ ผมเล่นสายไลน์ คือพวกชอบคิดท่าทางการเคลื่อนไหวให้ดูลื่นดูสวยงามแต่ไม่เน้นท่ายาก ซึ่งพี่อนันแกก็เล่นสายนี้ พี่แกก็มาแจม ซึ่งผมกับพี่เขาก็ช่วยกันคิดและออกแบบท่ากัน คนอื่นก็มาร่วมเล่นด้วย เรียกเหงื่อกันชุ่มไปไม่น้อย
คือในงานแจมเนี่ย เราจะเดินไปเล่นมุมไหนกับใครหรือไปแจมตรงไหนก็ได้ คือเห็นเขาเล่นอะไรก็ไปเล่นตามๆ เขา เล่นไม่ได้เดี๋ยวเขาก็สอนเราให้เล่นได้ แล้วพวกนักกีฬาดังๆ ก็จะเดินไปแจมตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างนิดหน่อยตามประสา มีงัดท่าโหดมาโชว์บ้างประปรายสร้างสีสันกันไป
งานวันนั้นจัดแค่ 3 ชั่วโมง แต่เป็นสามชั่วโมงที่ทำผมน่วมปวดเนื้อปวดตัวไปหลายวันมากๆ
หนึ่งเพราะมันสนุกเวลาเราได้มาเจอเพื่อนใหม่และคนที่เล่นกีฬานี้เหมือนกัน ซึ่งในไทยตอนนี้เหลือน้อยมากๆ เรียกว่าทั้งประเทศไทยจากการคุยกับพี่ๆ ที่เล่นมาในยุคแรกมีไม่ถึง 200 คน แล้ว
สองคือด้วยความอยากเล่นกับคนอื่น แต่ตัวเองไม่มีพื้นวิชาเกี่ยวกับโหนหรือเล่นบนโครงเหล็ก อาศัยพื้นที่ปูมาดีงัดแรงออกมาเล่นจนหมดตัว(จริงๆ กลัวเสียหน้านั่นแหละ เลยต้องงัดของออกมาโชว์ซะหน่อย) ผมเองยังงงอยู่เลยว่าบางท่าผมทำไปได้อย่างไรไม่เคยฝึกด้วยซ้ำ(ฮา)
เเละยิ่งได้มาซ้อมกับนักกีฬาดังแบบใกล้ชิด แถมเขายังมาสอนท่าให้ คือหาความฟินเท่านี้ได้ยากมากแล้วสำหรับคนเล่นกีฬานี้ คือถ้ามีประกาศจัดที่ไทยนี่ผมต้องสละเวลาไปให้ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปต้องรออีกนานแค่ไหน ยิ่งประเทศไทยคนเล่นน้อย โอกาสที่เขาจะจัดก็ยิ่งยาก เพราะไม่รู้จะมีคนมาไหม
เมื่อเวลาเลิกมาถึง ก็มีการถ่ายภาพหมู่ ก่อนแยกย้ายไปถ่ายเซลฟี่กับนักกีฬาที่ชื่นชอบ แน่นอนว่าผมไม่พลาดอยู่แล้ว(ฮา) จากนั้นก็กล่าวลากันตามธรรมเนียม ด้วยความอยู่ไทยมานานนักกีฬาเหล่านี้จะพูดประโยคไทยได้บ้าง
"โชกดีขั่บ"
"ไว้เจอกันใหม่ขั่บ"
"ซาหวัดดีขั่บ"
"ขอบขุ่นขับ"
เป็นประโยคหลักๆ ที่ผมได้ยินตอนเลิกงาน มือโปรทั้งห้าคนยืนอยู่หน้ายิมและกล่าวลาพร้อมกับจับมือกับทุกคนก่อนแยกย้ายกันกลับ
เป็นหนึ่งวันที่ผม(โคตร)มีความสุขเลยครับ
......
ว่าเเล้วก็ขอทิ้งท้ายวิดีโองานวันนั้นที่ทีมฝรั่งถ่ายไว้ครับ
......
ตอนนี้ยังไม่มีอัพเดทอะไรมากมายครับ กำลังคิดอยู่ว่าจะลงเทคนิคการเล่นเบื้องต้นเลยหรือว่าลงคลิปเล่นไปเรื่อยๆ จนมีคนสนใจก่อนดี อย่างไรก็ขอฝากด้วยครับผม :)
......
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in