ผมรู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเวลาสิบโมงเช้า ผมเอื้อมมือไปปิด ก่อนจะครางเสียงต่ำพร้อมกับบิดขี้เกียจ
ดูเหมือนเสียงนาฬิกาปลุกจะไม่ได้ปลุกผมเพียงคนเดียว
"อือ.."
เอ๊ะ?
เสียงมาจากไหน??
ทันทีที่ได้สติ ผมจึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้มีผมคนเดียวที่นอนอยู่ในห้องนี้ และที่สำคัญ เมื่อคืนผมแก้ปัญหาโดยการมัดอีกฝ่ายไว้ด้วย
ถ้าเขาตื่นมาจะคิดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
"เหวอ?!"
ไม่ทันขาดคำ อีกฝ่ายก็อุทานออกมาเสียงดัง เขาทำท่าจะลุกจากพื้น แต่ก็โดนฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงาน เขาเสียหลักและลงไปกองที่พื้นดังเดิม
"คุณครับ นี่มันอะไร"
"ใจเย็นๆก่อน" ผมพยายามพูดให้อีกฝ่ายใจเย็นลง "เรื่องนี้อธิบายได้"
"เกิดอะไรขึ้นครับ?!" เขายื่นมือที่มีเนคไทต์สีน้ำเงินอยู่ สายตาดุดันจ้องมาที่ผมประหนึ่งผมเป็นอาชญากรร้ายแรง
"เมื่อคืนคุณเมาหนักมาก แล้วทำท่าจะทำอะไรบ้าๆ ผมเลย.." ผมผายมือไปทางเนคไทต์สื่อความหมายว่า 'เป็นอย่างที่คุณเห็น'
จู่ๆใบหน้าเขาก็แดงก่ำ
"ม..ไม่ใช่นะครับ!!"
?
ผมขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
"หมายถึง คุณจะ..เออ.. ฆ่าตัวตาย"
จากใบหน้าแดงก่ำ ฉับพลันกลับกลายเป็นสีเทาแห่งความเศร้าหมอง เขาก้มหน้าราวกับพิจารณาบางอย่าง
"ก็ตามนั้นแหล่ะครับ" เขาตอบเสียงเบา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา "ผมรบกวนคุณกรรณมากเลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ"
"ไม่เป็นไรครับ ยินดีช่วยอยู่แล้ว" ผมส่งยิ้มกลับไป
'กรรณไม่ต้องห่วงนะ พี่จะไม่มารบกวนกรรณอีกแล้ว'
ผมเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ก่อนจะเอ่ยอาสาออกไปว่า
"อย่างน้อย... ให้ผมไปส่งที่บ้านเถอะครับ"
จู่ๆอีกฝ่ายก็ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกออกมา
"สำหรับเรื่องนั้น..."
ผมกับเขาเดินซื้อของใช้ต่างๆอยู่ในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เราเดินทบทวนสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ให้เรียบร้อย เมื่อมั่นใจว่าไม่ขาดเหลืออะไร ก็จ่ายเงิน
แน่นอนว่าเขาเป็นคนจ่าย
ช่วงนี้ผมแกลบจะตายแล้ว
เหตุผลที่ต้องมาซื้อของใช้ทั้งหลายแหล่นั่นก็คือ เขาทำเรื่องย้ายออกจากหอเมื่อวาน ก่อนจะทิ้งของทุกอย่างที่มี แล้วเดินมาที่สะพานเพื่อจบชีวิตตนเอง
'คนตายไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้' เขาเอ่ยด้วยแววตาเศร้าหมอง
ก็ใช้ คนตายไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้
แต่อย่างน้อยก็เหลือให้คนที่ยังอยู่เป็นหลักฐานแห่งการมีตัวตนสักนิดก็ยังดี
ผมตัดสินใจให้เขาอยู่ที่คอนโดของผมสักพัก แล้วช่วยหารค่าน้ำค่าไฟแทน เมื่อหาหอใหม่ได้ก็ค่อยย้ายออกไป
ราวกับชดใช้ความผิดครั้งนั้น...
"ว่าแต่ เคยไปหาหมอจิตแพทย์ไหม" ผมถามเขา ระหว่างทางกลับบ้าน
เขาส่ายหน้า
ว่าแล้วเชียว
"ผมไม่คิดว่าผมอยากหายครับ.. ไหนๆก็ใกล้ตายแล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาให้หายก็ได้"
"อย่าพูดอย่างนั้นสิ" ผมลูบบ่าเขาเบาๆ "ทุกคนควรค่าแก่การมีชีวิตอยู่นะ.. เออ ผมอาจจะใช้คำพูดไม่เก่งเท่าไรนัก แต่ผมอยากให้คุณมีชีวิตอยู่นะ" ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะรับมือกับคนที่มีความคิดแบบนี้ได้ยังไง
เขาเบิกตาโพลง
ก่อนจะยิ้มออกมา
"ครับ"
"ว่าแต่ นิวทำงานอยู่หรือเปล่า"
"ผมเรียนครับ ป.โท"
"อ๋อ ต้องสายการแพทย์แน่ๆเลย" ผมสันนิษฐานจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
"รู้ได้ไงครับ?!" เขาทำหน้าเหวอออกมา
"เมื่อคืนคุณโพล่งศัพท์ทางการแพทย์เต็มไปหมด"
"ผมเรียนป.โท สรีระวิทยาครับ ... คุณกรรณครับ ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนั้นอีกรอบด้วยนะครับ" เขาเอ่ยคำขอโทษออกมา พร้อมกับสีหน้าที่โทษตัวเองอีกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องนั้น
ผมเดาออกได้ในทันทีว่าเขาเป็นคนคิดมาก
"ไม่เป็นไร อย่าคิดมากเลย สำหรับผมแค่นี้จิ้บๆ" ผมชูนิ้วประกอบเพื่อแสดงว่าเป็นเรื่องเล็กจริงๆ
"แล้วคุณกรรณทำอาชีพอะไรอยู่หรอครับ"
"ฟรีแลนซ์ครับ.. ผมเป็นสถาปนิก"
เขาทำหน้าไม่น่าเชื่อออกมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า "คิดว่าสถาปนิกจะเซอร์ๆมากกว่านี้นะครับ"
"ไม่ทุกคนหรอกครับ!"
ผมกับเขาอยู่ด้วยกันล่วงเลยมาหนึ่งสัปดาห์เข้าให้แล้ว ต้องบอกก่อนว่าเขาเป็นเด็กดีคนหนึ่งทีเดียว หลังจากที่ผมจัดการเกลี้ยกล่อมจนเขายอมเข้ารับการรักษาเป็นที่เรียบร้อย ผมก็ทำนัดกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้คิวคือสิ้นเดือนนี้ หรือสองสัปดาห์หน้า
เมื่อทุกอย่างเริ่มตั้งหลักได้ เขากลับไปเรียนต่อ
เนื่องจากเผาชีทเรียนทิ้งทั้งหมดแล้ว เขาจึงต้องยืมชีทเพื่อนมาซีรอกโดยให้เหตุผลว่าทำชีทหายไป ซึ่งโชคดีที่เพื่อนไม่ได้สงสัยอะไรขนาดนั้น
และดูเหมือนเขาไม่มีเพื่อนสนิทเลย
ส่วนผม.. เหมือนเดิมครับ
ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
วันนี้ก็เช่นกัน
แต่ที่แปลกออกไปคือ จู่ๆเขาที่เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัยก็เดินตรงเข้ามาที่ห้องทำงานผม พร้อมกับหยิบบางอย่างออกมา
"?" ผมหันไปมองด้วยความสงสัย
"คุณกรรณครับ.. คือว่าผมเจอ..." เขาหยิบสิ่งนั้นออกมา
เป็นก้อนขนเล็กๆสีขาวแซมเทา กำลังหลับปุ๋ยอยู่ในมือของเขา
ชิ*หาย..
"ฮัด .. ชิ่ว!!"
ผมจามออกมาในทันทีที่ได้กลิ่นจากเจ้าก้อนขนเล็กๆนั่น
ใช่แล้ว ผมเป็นภูมิแพ้
เขาทำหน้าเหวอออกมาในทันที "คุณกรรณเป็นภูมิแพ้หรอครับ?!"
ผมพยักหน้า
"คือว่า ผมเห็นน้องอยู่ที่กล่องลังตั้งแต่เช้า ตกเย็นยังไม่มีใครรับไป เลยอุ้มกลับมา ไม่คิดว่าคุณจะเป็นภูมิแพ้ เดี๋ยวผมติดต่อหาเจ้าของให้นะครับ"
"ไม่เป็นไร.." ผมหยิบทิชชู่มาสั่งน้ำมูกก่อน
"จริงๆก็.. อยากเลี้ยงแมวอยู่สักพักแล้วเหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่มีเวลาทำโน่นนี่ มีนิวมาช่วยเลี้ยงก็ดีแล้ว เขาว่ากันว่าคนที่เศร้าให้เลี้ยงสัตว์นะ นิวลองเลี้ยงดูสิ เผื่อช่วยได้จริงๆนะ"
ผมสั่งน้ำมูกอีกรอบ
เขาทำหน้ากังวลออกมา
"อย่ากังวลสิ.. ที่น่ากังวลกว่าคือ จะต้องซื้ออุปกรณ์อะไรบ้าง..."
ผมกับเขามองตากันปริบๆสักพัก
"นั่นสิครับ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in