ผมอยู่ในมุมอับของร้านเหล้าที่เงียบสงบย่านใจกลางเมือง กลิ่นอายบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หยอกเย้าดนตรีแจ๊ส แสงสลัวภายในร้านทำให้ผมผ่อนคลายสายตาลง กลิ่นราสเบอร์รี่ปนกลิ่นฉุนของเครื่องดื่มมึนเมาแตะที่ปลายลิ้นของผมเมื่อของเหลวในแก้วทรงสูงถูกยกจรดริมฝีปาก อากาศที่เริ่มเย็นตัวลงในยามค่ำคืน เป็นสัญญาณว่าช่วงสิ้นปีกำลังจะใกล้เข้ามา ผมถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
ประสาทสัมผัสพื้นฐานทั้ง 5 ของผมกำลังป้อนข้อมูลเข้าสู่สมองผม เพื่อประมวลผลเป็นอารมณ์ ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี จนกระทั่งสายตาที่กวาดมาเจอชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามผม
ไม่ใช่ว่าอะไรหรอกครับ
ผมเพิ่งรู้จักกับคนตรงหน้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเอง
และจะดีวก่านี้มาก...
... ถ้าเขาไม่ได้ร้องไห้อยู่
คุณคงสงสัยถึงจุดเริ่มต้นระหว่างผมกับคนตรงหน้าอยู่เป็นแน่
งั้นผมจะเล่าให้ฟัง
ลมเย็นจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่านตัวผม ที่รู้ได้ก็เพราะช่วงนี้คือเดือนตุลาคม สายลมเปลี่ยนทิศจากทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้มาเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือและเหนือ
เปล่าหรอกครับ.. แม่ผมสนใจเรื่องฮวงจุ้ย
ผมที่กำลังเข็นจักรยานกลับบ้าน เพราะอยากเดินตากลมบนสะพานพุทธชิวๆ กลับสะดุดตาเข้ากับใครบางคนที่ยืนเหม่อมองท้องฟ้า
ทีแรกผมก็คิดว่าเขาคงออกมาตากลมเหมือนกับผม
แต่ทันทีที่เขายกขาขวาเหยียบราวจับ ผมว่าไม่ใช่และ
ชิ*หาย!!
ผมปล่อยด้ามจับจักรยานในมือทันที ก่อนจะวิ่ง 4 x 100 เข้าตะครุบร่างคนตรงหน้า
"เชี่* !!" เขาอุทานออกมาก่อนจะถูกผมรวบตัวจนเสียหลักล้มลงกับพื้นฟุตบาทแข็งๆ
ความจริงควรพูดคุยให้เขาอารมณ์เย็นลงก่อน แต่เมื่อครู่ผมเห็นจังหวะกำลังดีเลยตะครุบตัวเขาไว้
ก่อนจะสายไป
นัยน์ตาผมวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
ในอ้อมกอดผมคือชายร่างเล็ก วัยประมาณ 24 ปี เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนไล่เฉดสีกับแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบในยามเย็น นัยน์ตาเศร้าหมองและไร้ชีวิตสีน้ำตาลอ่อนกำลังมองผมอย่างสับสน
"ท...โทษที" ผมเอ่ย
"ปล่อยผมนะครับ"
"ถ้าผมปล่อย คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ทำอะไรบ้าๆอีก" ผมยื่นข้อเสนอ
เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้างุด
ผมค่อยๆผละตัวออกจากเขา แล้วลุกขึ้นยืน
ชายร่างเล็กกำลังเอามือทั้งสองข้างปิดใบหน้าของตัวเอง ร่างกายสั่นเทิ้มของเขาทำให้ตัวเขาดูเล็กลงกว่าเดิม ภาพเหตุการณ์บางอย่างทำให้ผมนึกถึงอดีตที่ไม่อาจหวนคืนกลับมา
"ไปกินเหล้ากัน"
นั่นแหล่ะครับจุดเริ่มต้นระหว่างผมกับคนตรงหน้า
หลังจากที่เข้าร้านเหล้าร้านโปรดของผม เขายังไม่ปริปากพูดอะไรนอกจากสะอื้นร้องไห้ไม่หยุด
ตัวผมเองก็ไม่ใช่นักิตวิทยาหรือจิตแพทย์ที่ให้คำปรึกษาได้ด้วย...
นอกจากเสิร์ช google หาเบอร์สายด่วนสุขภาพจิต ซึ่งได้ความว่าผมควรโทรออกเบอร์ 1323 ว่าแล้วผมก็หมุนเบอร์ดังกล่าว แล้วกดโทรออก ก่อนจะยัดมือถือของผมใส่มือของคนตรงข้าม
เขารับมาแบบงงๆ ก่อนจะคุยกับปลายสาย
หลังจากที่บทสนทนาเริ่มต้นขึ้น เขาร้องไห้ 2-3 รอบ ก่อนทุกอย่างจะเริ่มสงบลง เขาดูผ่อนคลายและดูเหมือนปัญหาในใจค่อยๆได้รับการแก้ไข
เขาหยุดร้องไห้
ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือคืนผม
เขายิ้ม
รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะโล่งใจ แต่แววตากลับเศร้าหมอง
คงจะดีกว่านี้มากถ้าหากเขายิ้มอย่างมีความสุข ผมคิดเช่นนั้น
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับ.. คุณ.." เขาเว้นช่วง
"กรรณครับ.. เรียกผมว่ากรรณ" ผมยิ้ม
"ขอบคุณครับคุณกรรณ ถ้าหากไม่มีคุณผมอาจจะไม่ได้.."
"อย่าคิดถึงเรื่องอดีตเลยครับ เอาเป็นว่าตอนนี้เราแนะนำตัวกันก่อนดีกว่าครับ" ผมดึงเขาออกจากห้วงภวังค์
"อ่อ.. จริงด้วยครับ ผมนิวครับ" เขายิ้มออกมาอย่างไร้ชีวิต รอยยิ้มที่ถูกปั้นแต่งขึ้นเพื่อเข้าสังคม แต่รอยยิ้มแบบนี้ไม่ควรอยู่บนใบหน้าชายหนุ่มวัยละอ่อนขนาดนี้
ผมเจ็บใจอยู่ลึกๆ
"มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง"
เขารีบส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเอ่ยคำพูดจับใจความว่าเกรงใจออกมา
"ถือว่าเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา ดื่มให้ลืมๆไปก่อน"
และนั่นเป็นความคิดที่ิผิดมหันต์
"ฆ่าผมที ยังไงก็ได้ ฆ่าผมที" เสียงเมามายไร้ซึ่งสติดังตลอดทางเดินออกจากร้านเหล้า ผมที่ให้เขากอดคออยู่ถึงกับต้องกุมขมับ
ใครจะไปคิดหล่ะว่าเห็นตัวเล็กๆแบบนี้จะหนักขนาดผมแทบเอาไม่อยู่
เขาทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนบ่าของผม ปล่อยให้ผมลากเขาไปกับพื้น ผมไม่รู้ว่าขาของเขาเตะกระถางต้นไม้ไปกี่ใบ แต่เอาเป็นว่าพาเขากลับห้องให้เร็วที่สุดดีกว่า
เมื่อถึงริมถนน ผมวางเขาลงกับพื้น ก่อนจะตบหน้าสองสามทีถามทางกลับบ้าน
"บ้านคุณอยู่ไหน"
"ออกจากหอไปแล้ว คิดว่าจะมาตายห่*ให้จบๆเรื่องไป เพราะฉะนั้นฆ่าผมที"
เมาของแท้
ผมเอามือก่ายหน้าตัวเอง ก่อนจะโบกแท็กซี่คันหนึ่ง ซึ่งเป็นคุณลุงใจดี ยินดีรับผู้โดยสายเมาเหมือนหมาคนหนึ่งไปส่งถึงคอนโดของผม
ผมเอาถุงพลาสติกเกี่ยวหูทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ กันอาเจียน ก่อนจะแบกขึ้นรถอย่างทุลักทุเล
"เห็นนี่ไหม ช่องระหว่างกระดูกซี่โครง" เขาจับมือผม ก่อนจะลูบไปตรงหน้าอกของเขา
แม่เจ้า
ร่องซี่โครงชัดมาก
"แทงมีดลงไปตรงนี้ intercostal space แบบที่เรียนมาใน anatomy ไง"
เขาเริ่มพูดอะไรสักอย่างที่ผมไม่เข้าใจออกมา
"เออๆ นอนไป" ผมจับหัวเขาซบลงกับบ่าผม ก่อนจะบอกทางคุณลุง
"วัยรุ่นก็งี้แหล่ะหนุ่มเอ้ย ยังต้องเจออะไรกับชีวิตอีกมากมาย" คุณลุงขับแท็กซี่พูดขึ้น ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ
คนบางคนอาจจะไม่ได้ใช้สิ่งที่เรียกว่า 'ชีวิต' อีกต่อไปก็ได้
ผมคิดในใจ
"เลี้ยวซ้ายตรงนี้ครับ แลกบัตรด้วยนะครับ"
หลังจากที่ผมลากนิวที่เริ่มพ่นศัพท์ทายการแพทย์ออกมาจนผมปวดหัว ลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ผมก็ตรงไปที่ลิฟท์ กดชั้น 21 แล้วพาเข้าห้อง 2103
ช่างหน้าเศร้าที่อยู่เกือบสุดริมทางเดิน
ผมที่น้ำตาตกในได้แต่โทษตัวเองที่ปล่อยให้เขาดื่มอย่างเมามายไร้สติขนาดนี้
ผมไขกุญแจเข้าห้อง เปิดไฟ เปิดแอร์ แล้วเหวี่ยงคนตรงหน้าลงบนพื้น
อย่าอ้วกนะมึง
"เอาให้โดน aortic arch นะ ไม่ก็ขอ left ventricle แต่จริงๆแล้วโดนตรงไหนก็ตายห่*หมด ถ้าชักมีดออก"
ผมเอามือทั้งสองข้างถูหน้าตัวเองแรงๆ
ทันใดนั้นเขาก็คว้าข้อมือผม ก่อนจะกระชากไปใกล้ๆ คนที่เมามายไม่มีแรงจะเดินไม่น่าเชื่อว่าจะมีแรงเยอะขนาดที่ทำให้ผมเสียหลักลงไปนั่งกับพื้น
"เข้าใจไหมเนี่ย ได้ยินที่พูดไหม ฆ่าผมที"
"เออๆ แต่ต้องเช็ดตัวก่อนนะ" ผมและมือที่คว้าอยู่ออก ก่อนจะลากเขาเข้าห้องน้ำ
ดีนะไม่อ้วก
เอาผ้าเช็ดตัวฉุกเฉินปาดๆหน้าสองสามที่ แล้วลากออกมาจากห้องน้ำให้นอนที่พื้นเหมือนเดิม
จะอุ้มขึ้นเตียงก็ไม่ไหว ตัวผมก็ไม่ได้ มนุษย์กล้าม ขนาดนั้น
ช่างแม่ง
ผมคิดในใจ ก่อนจะปล่อยให้เสียงอ้อนวอนขอความตายดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกภายในห้อง จริงๆแล้วผมแอบเกรงใจเพื่อนข้างห้อง เขาอาจจะต้องตื่นเพราะเสียงโวยวายบ้าบอนี่แน่ๆ
เจ้าหมอนี่จะลุกขึ้นมาฆ่าตัวตายไหม.. ถ้าแบบนั้นผมจองเตียงในคุกได้เลยนะ
เขาพยายามตะเกียกตะกายบนพื้น
ผมมองนาฬิกา เวลาตีสองล่วงเลยไปแล้ว ผมง่วงจนไม่ไหว ได้แต่คิดหาทางออกว่าจะทำอย่างไรดีกับคนตรงหน้าให้เร็วที่สุด
สุดท้าย ผมก็คว้าเนคไทต์ในตู้เสื้อผ้า แล้วจัดการมัดมือคนตรงหน้า
"ฆ่าผมที ฆ่าผม"
"เออๆ ข้างห้องจะมาฆ่าแล้วถ้ายังไม่หยุดพูด"
เมื่อมั่นใจแล้วว่าคนตรงหน้าจะดื้นไม่หลุด และไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆได้ ผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียง แล้วปล่อยให้ความง่วงและความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำ ก่อนจะไม่รู้สึกตัวอีก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in