ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมอยู่ดีๆก็มีสิ่งมีชีวิตมาอยู่กับผมเพิ่มอีกหนึ่งชีวิตในคอนโดผม แต่ที่แน่ๆผมกับนิวตั้งได้ทำการตั้งชื่อเจ้าแมวเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า อิกนิส
อิกนิสชอบมาอ้อนผมเวลาทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนอนทับกระดาษ เขี่ยปากกา หรือส่งเสียงร้องแล้ววิ่งไปมา ใจหนึ่งผมก็รำคาญ แต่เวลามองไปที่นัยน์ตากลมใสสีฟ้าแล้ว บอกตรงๆว่าผมรำคาญไม่ลงจริงๆ
"ไม่คิดว่าคุณกรรณจะเป็นทาสแมวนะครับ" นิวที่เพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยพูดขึ้น ก่อนจะแขวนกระเป๋าบนที่แขวน แล้วมองผมเล่นกับอิกนิส
"บอกแล้วว่าผมอยากเลี้ยงแมวมาสักพักแล้วหล่ะ" ผมตอบ ก่อนจะสะบัดแท่งขนนก
นิวหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงที่พื้นด้านข้างผม ทันทีที่เขานั่ง อิกนิสก็เมินผมแล้วกระโดดเข้าตักนิวในทันที
เจ้าแมวนี่
"นิว เย็นนี้ไปกินข้างนอกกัน อยากกินอาหารญี่ปุ่นมาตั้งแต่เที่ยงละ" ผมเอ่ยปากชวน
"ค..ครับ"
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเริ่มเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่ออีกฝ่ายเป็นชื่อเล่นโต้งๆแล้ว สงสัยอาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่เรียกเพื่อนด้วยชื่อเล่น
พวกผมเดินไปทานอาหารญี่ปุ่นแถวห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโด ก่อนจะจบที่ผมชวนไปทานบิงซูเป็นขนมหวานก่อนกลับ
ดูเหมือนผมจะเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวเองอีกแล้ว ส่วนนิวนั้น ควรได้รับการเพิ่มน้ำหนักอย่างมาก เพราะเขาดูเหมือนจะขาดสารอาหารตายแล้ว
ผมแอบเหลือบมองเขาจากหางตาระหว่างเดินไปร้านบิงซู ถ้าเทียบกันแล้ว ส่วนสูงของนิวน่าจะอยู่ราวๆ 170 กว่าๆ แต่ด้วยความที่เขาผอมจนแทบจะเห็นกระดูกทำให้เขาดูตัวบางเล็กกว่าผมมาก ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าถ้าลมพัดแรงๆเขาอาจจะปลิวได้
"นิวผอมไปแล้วนะ"
เขายิ้มเล็กน้อย
"หรอครับ"
"จริงสิ" ผมตอบ ก่อนจะเอามือตบท้องเขาเบาๆ "ดูสิ ไม่มีชั้นไขมันเลย แล้วดูของเรา"
"อย่าจับท้องคนอื่นซี้ซั้วสิครับ" นิวปัดมือผมออก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
"ต้องพาไปขุนแล้ว แต่นิวจ่ายตังเองนะ"
"แบบนั้นไม่ได้เรียกว่าพาไปขุนครับ คุณกรรณ"
ผมหัวเราะ ก่อนพวกเราจะเดินเข้าร้านบิงซูแล้วสั่งบิงซูสตรอเบอร์รี่มา
"ร้านนี้ผมไม่เคยทาน ไม่รู้ว่าจะถูกปากนิวไหม"
"ครับ" เขายิ้ม
"ก่อนหน้านี้นิวอยู่คนเดียวหรอ" ผมเอ่ยถาม และนั่นทำให้ผมรู้ได้ในทันทีว่าได้เอ่ยประโยคที่ไม่สมควรออกไปแล้ว
แววตาที่ดูเศร้าหมองวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะหลุบลงต่ำพร้อมกับความโทมนัสยิ่ง
"ไม่ครับ"
"ข..ขอโทษ"
"ไม่หรอกครับ" เขารีบปฏิเสธ พร้อมกับยิ้มออกมา ผมรู้ว่ารอยยิ้มนั้นซ่อนความเจ็บปวดไว้มากมายขนาดไหน และรอยยิ้มอันขื่นขมนั้นได้แต่งแต้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขาคาดว่าเป็นเวลาหลายปี
ระหว่างสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก บิงซูสตรอเบอร์รี่ก็มาเสิร์ฟพอดี
ขอบคุณพระเจ้า
"ทานกันเถอะ"
ว่าแล้วผมก็ตักทานก่อน
หวานชิบ!!!!!
และดูเหมือนอีกฝ่ายจะคิดเช่นเดียวกัน ใบหน้าของเขาเบ้เล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วจางๆ
"หวานจังเลยครับ" เขากระซิบ
ผมหัวเราะ
"ทานไปเยอะๆ จะได้เป็นไขมันไปเก็บในร่างกายของนิว"
"ไม่ดีหรอกมั้งครับ กินบ่อยๆเข้าได้เป็นเบาหวานแน่" เขาบ่นงุบงิบ ก่อนจะทานสตรอเบอร์รี่เข้าไป
"ชีวิตเรา ก็เหมือนบิงซูจะให้หวานเกินไปก็คงไม่ดี แต่จะให้จืดไปเลยก็ไม่ใช่บิงซู ก็ต้องมีรสชาติพอดีๆคลุกเคล้ากันไปถึงจะเป็นบิงซูที่อร่อย" ผมเหม่อมองเกล็ดน้ำแข็งในช้อน ก่อนจะเพ้ออะไรสักอย่างออกมาโดยไม่รู้ตัว
"..." เขามองผมแบบอึ้งๆ
"ทำไม?!"
"ไม่คิดว่าคุณกรรณจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาน่ะครับ" นิวพูดขึ้น พร้อมกับหัวเราะออกมา มือเรียวซูบผอมที่ปิดปากเวลาหัวเราะนั้น ทำให้ผมรู้สึกบางอย่าง
สุดท้ายแล้ว บิงซูถ้วยนั้นก็ถูกกินจนหมดด้วยความทุลักทุเล หลังจากที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ผมกับนิวก็เดินทางกลับคอนโด
ระหว่างทางเป็นสวนสาธารณะที่มีคนวิ่งจำนวนหนึ่ง บรรยากาศที่เริ่่มเข้าสู่หน้าหนาว และกลิ่นของสายลม ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด
ดีจังนะ
'คงจะดีถ้าเราได้มาดูต้นคริสมาสกันอีก'
"คุณกรรณครับ"
"หืม?" เสียงของนิวเรียกผมออกจากความคิดฟุ้งซ่าน ผมหันไปมองเขา
"เมื่อกี้ ในร้านบิงซู ขอบคุณนะครับที่พูดประโยคนั้นออกมา"
"ประโยคไหน?"
"เอาเป็นว่าขอบคุณละกันครับ" เขายิ้ม
ด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย
แปลกประหลาด
ผมยิ้มตอบกลับด้วยมารยาท ก่อนจะพูดขึ้น "ถ้ามันทำให้นิวโล่งใจขึ้น ผมก็ยินดีครับ"
มีบางอย่างแปลกไป
นั่นทำให้ผมนอนไม่หลับ
ผมเอามือก่ายหน้าผาก พร้อมกับนอนมองไฟบนเพดานด้วยความคิดฟุ้งซ่านที่สลัดออกจากหัวไม่ได้ตั้งแต่ตอนเย็น
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา ก่อนจะนอนตะแคงไปทางด้านขวา
พบนิวที่กำลังนอนหลับพริ้ม
ผมมองเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่ลูบไล้ใบหน้าขาวเนียน นัยน์ตาที่ปิดสนิท ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ นี่คงเป็นเวลาเดียวที่ผมจะเห็นชายตรงหน้าในอารมณ์ที่ปราศจากความเศร้าหมอง และความยินดี ใบหน้าที่ไร้เดียงสา และไร้ความรู้สึก
ช่างงดงาม
ช่างน่าแปลก
รู้ตัวอีกทีมือซ้ายของผมก็ประคองที่ใบหน้าอีกฝ่าย และนิ้วโป้งถือวิสาสะลูบไล้ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อ
ชิ*หาย
ผมทำหน้าเหวอก่อนจะชักมือกลับ
บางอย่างแปลกไปจริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in