เราเก็บห้องอยู่วันหนึ่งและพบกล้องฟิล์ม mamiya 40mm ของตัวเองที่ไม่ได้ถ่ายมาหลายปี อีกทั้งยังมีฟิล์มค้างอยู่ข้างในเกือบเต็มม้วน เราเลยตัดสินใจจองตั๋วรถไฟและออกเดินทางไปหัวหินกับเพื่อนอีกสองคน คาดหวังไว้ว่าจะเป็นทริปถ่ายรูปล้วนๆ (แต่กลับกลายเป็นทริปสายแดกแทน)
ตั๋วรถไฟที่เราจองเป็นตั๋วรถไฟนำเที่ยวแบบวันเดย์ทริปราคา120บาท ไปสวนสนประดิพัทธ์หรือก็คือหัวหินนั่นเอง ใจจริงอยากไปเขื่อนป่าศักดิ์แต่ว่าช่วงนี้เขาไม่มีเส้นทางไป(เห็นว่าตามฤดูกาล) ใครที่อยากไปช่วงนี้ก็จะมีแค่สวนสนฯกับน้ำตกไทรโยคน้อยจังหวัดกาญจนบุรีนะคะ ลองโทรไปสอบถามการรถไฟไทยได้ที่ 1690
อ่ะแจกแจงข้อมูลกันไปเรียบร้อยแล้ว เรามาเริ่มทริปกัน..โดยทริปนี้จะมีรูปจากกล้องฟิล์มmamiya 40mmของเรา และกล้องcanon eos 600dของเพื่อนปะปนกันไป (ขอบคุณนังเพื่อนที่อนุญาติให้เอารูปมาลงในนี้ด้วย รักนะ)
เดินทางมาถึงหัวลำโพงตอนประมาณหกโมงนิดๆเพื่อพบว่ารถไฟมาจอดเทียบชานชาลาที่11แล้ว ตอนนั้นดีใจมากเพราะตอนแรกคิดว่ารถไฟไทยจะดีเลย์แต่ เห้ย มาตรงเวลานี่นา
...ซะที่ไหน? ขึ้นไปนั่งรอบนรถไฟเป็นชั่วโมงจ้าอีผี
นั่งมองวิวเดิมๆประมาณชั่วโมงหนึ่งได้กว่ารถไฟจะออก สรุปก็คือช้าไปชั่วโมงหนึ่ง ใครที่คิดจะมาก็ทำใจไว้หน่อยนะคะว่านี่คือไทยแลนด์แดนดีเลย์
ที่นั่งในรถไฟคือเบียดกันมากๆ จริงๆแล้วในรูปคือเขาให้นั่งเบียดกันสามคน โชคดีที่ฝั่งตรงข้ามไม่มีคนนั่ง เราเลยระเห็จตัวออกมานั่งคนเดียวและแชะรูปนี้ไว้พอดิบพอดี (ถ้าให้นั่งเบียดกันตลอดทั้งทริปคงอึดอัดตาย แต่ละคนก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ)
ขาไปเป็นอะไรที่ตื่นเต้นสุดๆเพราะแต่ละคนไม่เคยนั่งรถไฟมาก่อนเลย (ถึงเคยก็เด็กมากๆ จำไม่ได้แล้ว) ก็เลยแชะรูปกันอย่างเมามันส์ ผลัดกันลุกๆถ่ายๆกันอยู่เป็นชั่วโมงจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก
หลังจากนั่งมาประมาณชั่วโมงนึง รถไฟก็จะหยุดที่สถานีนครปฐมให้ลงไปไหว้พระ+ซื้อของกินได้ เขาหยุดแค่ประมาณ40นาทีเพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็รีบหน่อยเด้อ พวกเรามัวแต่ถ่ายรูปเลยได้แต่วิ่งไปซื้อของกิน ไหว้พระไม่ทัน ฮือ :-(
และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้จากการหาทำเลถ่ายรูปกันอยู่เป็นเวลานานจนอดไหว้พระ ขอบพระคุณเพื่อนสำหรับรูปงามๆ มีรูปไว้ลงในไอจีไปอีกเป็นเดือน ฮ่า
พอซื้อของกินเสร็จก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะท่านผู้ชม เพราะแต่ละคนไม่ได้กินข้าวเช้ามาเลยหิวเว่อร์เบอร์ใหญ่ สังเกตได้ว่าสภาพหน้าตอนเพิ่งขึ้นรถมาใหม่ๆกับตอนนี้จะเริ่มแตกต่างกัน และจากนี้สภาพแต่ละคนจะเริ่มเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ
หลังจากขึ้นรถมา เราก็เดินทางต่อไปยังสถานีชะอำ หัวหิน และสวนสนประดิพัทธ์ตามลำดับ คือใครจะลงชะอำหรือหัวหินก็ได้แต่แนะนำให้ลงสวนสนฯดีกว่าเพราะมันสวยและติดชายหาดด้วย ไม่ต้องต่อรถโดยสารไปเหมือนอีกสองสถานีนะจ๊ะ
อย่างไรก็ตาม จากนครปฐมไปสวนสนฯเป็นการเดินทางที่ยาวมากและทรมานมาก เนื่องจากพวกเราเลิกเห่อการถ่ายรูปบนรถไฟไปแล้ว (ถ่ายก็ได้แต่มุมเดิมๆ) แถมทุกคนก็เหนื่อย อากาศก็ร้อนอบอ้าว ฝุ่นก็เยอะ นอนก็น้อย เป็นอะไรที่ทารุณพวกเราวัยยี่สิบต้นๆที่สังขารสี่สิบกว่าๆกันเอามากๆ
แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็มาถึงกันจนได้ วู้ว! สภาพตอนนี้ทุกคนคือหน้าเมือกและร้อนมาก..แต่ก็ยังมีกะจิตกะใจถ่ายรูปเพราะแหมแก..นี่มันทริปถ่ายรูปนี่หน่า(หรอ)
ตอนนั้นเราไปถึงหัวหินเป็นเวลาเที่ยงๆ จริงๆแล้วทุกคนก็หิวแต่ก็คิดกันว่าถ้ากินข้าวตอนนี้หน้าจะเมือกกว่าเดิม รูปที่ถ่ายก็น่าจะไม่สวย เลยตัดสินใจมุ่งสู่หาดและถ่ายรูปกันก่อน จากนั้นค่อยกินข้าวและนั่งยาวเพราะสังขารใกล้พังแล้ว
วันที่ไปเป็นวันเสาร์ก็รู้สึกว่าคนไม่เยอะเท่าไหร่นะ สามารถลงเล่นน้ำได้แบบสบายๆไม่เบียดเสียด สามารถจองเก้าอี้ชายหาดได้ด้วย แต่พวกเราแค่ลงหาดไปถ่ายรูปกันเลยไม่ได้จอง อากาศร้อนมากและแดดแรงมาก ใครจะมาก็เตือนว่าทาครีมกันแดดมาเถอะ (เราลืมทาเพราะรีบ สรุป..ผิวไหม้;-;)
และนี่คือผลงานรูปคู่ที่ต้องผลัดกันถ่ายเพราะมีกันอยู่แค่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สนุกเพราะได้วิ่งเล่นเตะน้ำเป็นเด็กห้าขวบ แต่ก็ทรมานมากเช่นกันเพราะแดดแผดเผาจริงๆอย่าบอกใคร ประเด็นคือพวกเราไม่ได้คิดจะลงเล่นน้ำด้วย ทุกคนใส่รองเท้าอย่างดีมา เลยต้องถอดและหิ้วกระโตงกระเตงกันหมด ของเยอะมากเลยไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่ (ที่ทำไปเพราะอยากได้รูปสวยๆล้วนๆ รอบหน้าจะคีบแตะมาแล้ว ฮือ)
พอถ่ายรูปกันเสร็จก็ประมาณบ่ายกว่าๆ หลังจากทุกคนมีทั้งรูปเดียวรูปคู่รูปคี่กันไปสมใจแล้ว ก็ทำเอาหมดแรง..เลยหาร้านอาหารแถวนั้นแล้วก็นั่งกินยาวยันบ่ายสาม อาหารก็งั้นๆ เราไม่เน้นคุณภาพ เราเน้นแค่ว่าตอนนั้นมันว่างและนั่งยาวได้ สั่งปลากระพงทอดน้ำปลา หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้ง แล้วก็ต้มยำกุ้งน้ำข้นไป (โอ้โห..เขียนแล้วก็หิว)
สภาพแต่ละคนตอนนั้นคือไม่ไหวจริงๆพูดเลย มีความเพลียและอดนอนสูง การเดินทางโดยรถไฟมันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆนะคะคุณกิตติ
จริงๆแล้วทริปนี้ไม่ได้มีเนื้อหามากมายอะไรเพราะแค่จองตั๋วรถไฟและนั่งตามๆเขามาก็จบแล้ว ไม่ได้ต้องแพลนอะไรมากมาย (แค่ต้องนั่งตูดแฉะในรถไฟเป็นเวลาสี่ชั่วโมง สบายมากแง)
พอบ่ายสามครึ่งพวกเราก็กลับขึ้นรถไฟอีกครั้ง เตรียมตัวนั่งตูดบานกันต่ออีกสี่ชั่วโมง ลืมบอกไปว่าก่อนหน้านี้พี่เจ้าหน้าที่เขาจะมีเดินแจกเมนูให้สั่งของฝาก+ก๋วยเตี๋ยวเอาไว้ทานตอนขากลับ พวกเราก็เลยสั่งไปคนละชามพร้อมกับห่อหมกปลาอินทรีย์อีกหนึ่งชุด ราคาไม่แพงมากและรสชาติอร่อยด้วย เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะตอนนั้นหิวและเหนื่อยมาก (สรุปนี่ไม่ใช่ทริปถ่ายรูป..นี่คือทริปแดกจริงๆ)
จะว่าพวกเราคุณหนูติดหรูก็ได้นะแต่คุยกันไว้ว่านี้คงเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่จะมาขึ้นรถไฟนำเที่ยวชั้นประหยัด อย่างน้อยครั้งหน้าถ้าจะมารถไฟก็คงจะจองแบบปรับอากาศแล้ว เราไปอ่านรีวิวมาก็งงว่าทำไมคนอื่นเขาไม่เห็นบ่นเลย หรือเราจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นสายลุย? แต่มันทรมานจริงๆ..เนื่องจากรถไฟเรามันเป็นหัวจักรดีเซล ทำให้ฝุ่นเยอะมาก เยอะจนเสื้อสีขาวกลายเป็นเสื้อสีเทา (ไม่ได้โม้) บวกกับอากาศร้อนๆอาบอ้าวอีกทำให้มันเป็นสี่ชั่วโมงที่กล้ำกลืนสุดๆ ฮึก
สรุปโดยสั้นคือ..คิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่สนุกและตลกดี แต่ไม่เอาอีกแล้วล่ะค่ะ น้องนกขอบาย! แต่หากใครไม่เคยลองก็บอกเลยว่าต้องมาลองสักครั้งเพราะนี่แหละคือการเที่ยวแบบ local ที่แท้จริง! (แต่เตรียมตัวเตรียมใจดีๆหน่อยเด้อ ถือว่าน้องเตือนแล้วนะ)
และนี่คือรีวิวฉบับจริงใจและโลกไม่สวย
ไว้เจอกันใหม่ทริปหน้าเด้อ
ด้วยรักจากเดซี่.
ปล. จำไม่ได้ว่าฟิล์มที่ใช้ถ่ายคือฟิล์มอะไร ขอโต้ด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in