เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ทำไมไทเปBUNBOOKISH
01: The INVITATION
  • มีบางอย่างเรียกเราไปไทเป...

    ไทเปไม่เคยเป็นตัวเลือกที่อยู่ในหัวเรามาก่อน และตลอด 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ถ้าจะไปเที่ยวต่างประเทศ ประเทศเดียวที่อยู่ในแพลนของเราก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น

    ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น ญี่ปุ่น และญี่ปุ่น แต่… อะไรที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้านานเกินไปก็มักจะฝ่อและล้มเลิกไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

    เราเคยพยายามสอบชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่สองปีติด แต่พองานการที่ทำอยู่เริ่มลงตัว โปรเจ็กต์เรียนต่อที่ญี่ปุ่นก็พับไปโดยปริยาย พอเริ่มมีเงินเก็บนิดหน่อยก็วาดฝันใหม่ ไม่ได้ไปเรียนก็ขอไปเที่ยวยาวๆ สักครั้งก็ยังดี หรือจะลองสมัครโครงการ WWOOF ที่ให้ไปทำงานในฟาร์มออร์แกนิกก็ดูน่าสนใจมากทีเดียว ได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์อยู่กับธรรมชาติ ปลูกผัก เก็บผลไม้ กวนแยม นั่นมันความฝัน
    โทนสีพาสเทลชัดๆ

    จากที่คิดว่าจะไปเรียนสักสามปี ตอนนี้ยอมลดเหลือแค่สามเดือนก็ได้…

    แต่อยู่ดีๆ เราจะหายหน้าไปนานสามเดือนได้เหรอ? ไหนจะงาน ไหนจะลูกค้า ไหนจะแมวที่เลี้ยงไว้อีก งั้นระหว่างที่ยังไม่พร้อม เราก็เรียนภาษาญี่ปุ่น พร้อมกับเก็บเงินไปพลางๆ จนกว่าจะหาวันหยุดยาวววว และหาคนใจดีมาคอยดูแลแมวแทนให้ได้ เอาอย่างนั้นแล้วกัน

    “ใจเย็นๆ นะน้ำส้ม… ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม”

    ถึงจะเล่ามาแค่ไม่กี่ย่อหน้าสั้นๆ แต่ก็มีคำว่า ‘แต่’ อยู่ถึงสามครั้งเลยทีเดียว

    ใช่—ก็เพราะชีวิตเต็มไปด้วยเงื่อนไขไง...
  • “น้ำส้ม น่าจะเหมาะกับไทเปนะ... ไปสิ!!!”

    ช่วงหลังๆ เริ่มมีคนบอกทำนองนี้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินทีไรก็ได้แต่ร้อง “ฮะ!?!?” ทุกที แต่หลังจากส่งคำอุทานพร้อมด้วยเครื่องหมายอัศเจรีย์และปรัศนีหลายๆ ตัวเสร็จเรียบร้อย เราก็มักจะแอบถามถึงเหตุผลในคำแนะนำที่ให้มา ซึ่งพอจะสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้

    เพราะที่ไทเปมี... ร้านกาแฟสวย น่านั่ง แถมยังตกแต่งดี เหมาะกับการนั่งไขว่ห้างเก๋ๆ

    ที่ไทเปมี... ร้านขายของจุกจิก หรือคอนเซ็ปต์สโตร์เยอะแยะ เห็นน้ำส้มทำงานมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง ถ้าได้ไปดูร้านพวกนี้น่าจะอินสไปร์การทำงานได้มาก

    ที่ไทเปมี... ร้านหนังสือเยอะ และมีหนังสือสวยๆ เยอะมาก น้ำส้มทำงานหนังสือ ถ้าไปที่นั่นก็น่าจะอินสไปร์มากๆ อีกเช่นกัน

    ที่ไทเปมี... ความเคลื่อนไหวทางศิลปะที่น่าสนใจ น้ำส้มดูสนใจเรื่องศิลปะมาก ไทเปจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่น่าไปเยี่ยมชม

    เหตุผลของทุกคนฟังดูน่าสนใจใช่ไหมล่ะ แต่ถามว่าทำให้เราเปลี่ยนใจได้หรือเปล่า ตอนนั้นตอบได้เต็มปากเลยว่า

    “ไม่มีทาง”
  • อ้อ! คุยมาซะยาวจนลืมแนะนำตัวไปเลย เราชื่อ ‘น้ำส้ม’ ค่ะ นางสาวน้ำส้ม นามสกุลสุภานันท์
    ปัจจุบันเป็นฟรีแลนซ์ รับจ้างทั่วไปในวงการหนังสือ

    งานที่ทำก็มีตั้งแต่ออกแบบปก จัดหน้าหนังสือ วาดภาพประกอบไปจนถึงวาดการ์ตูนรายสัปดาห์ และวาดแมวที่เลี้ยงเอาไว้จนรวมเป็นหนังสือได้หนึ่งเล่มในชื่อ น้ำมัน กับ ออร่า ซึ่งเป็นชื่อแมวทั้งสองตัวของเรานั่นเอง

    งานฟรีแลนซ์ของเราอาจจะไม่โหดเท่าของพระเอกในหนังเรื่อง ฟรีแลนซ์ฯ แต่ก็ไม่ได้อิสระเสรีขนาดที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ นึกอยากจะไปไหนก็ไป นี่เองที่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราหาวันหยุดยาววววได้ยากมาก เพราะการหายหน้าไปหลายๆ เดือนนั้น หมายถึงการต้องทำใจยอมรับหากกลับมาแล้วพบว่าลูกค้าได้หันไปใช้บริการคนอื่นแทนหมดแล้ว รวมถึงงานการ์ตูนรายสัปดาห์ที่พยายามเท่าไหร่ก็เขียนมากกว่า หนึ่งตอนต่อสัปดาห์เพื่อเก็บเป็นสต็อกไม่ได้สักที ถ้าจะไปเที่ยวหลายวันก็คงต้องหิ้วงานไปทำด้วย

    เหตุผลที่ชักช้าร่ำไร อยากไปญี่ปุ่นแต่ไม่ยอมไปสักทีก็ประมาณนี้แหละค่ะ


    จนกระทั่งวันหนึ่ง...

    เราเจอโปสต์การ์ดสองใบอยู่ในกล่องจดหมายหน้าบ้าน ใบหนึ่งเป็นโปสต์การ์ดจากแฟนหนังสือที่เรารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า เขาจะส่งมาให้จากไทเป ส่วนอีกใบนั้น เนื้อกระดาษเหมือนกัน หน้าตาก็คล้ายๆ กัน เป็นภาพวาดอาคารย้อนยุคที่ประดับ-ประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงคล้ายในจิ่วเฟิ่น—เมืองเล็กๆ ไม่ไกล
    จากไทเปที่เป็นต้นแบบของฉากในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Spirited Away ของค่ายการ์ตูนชื่อดัง Studio Ghibli

    แต่โปสต์การ์ดใบที่สองนั้นกลับเขียนด้วยภาษาจีนที่เราอ่านไม่ออกแม้แต่คำเดียว
  • เรานึกย้อนไปถึงข้อความที่คุณแฟนหนังสือส่งมาหาว่า “พอดีไปกับเพื่อน เลยรีบเขียนโปสต์การ์ดมาก ไม่รู้ว่าอ่านรู้เรื่องหรือเปล่า… แต่ยังไงรอรับโปสต์การ์ดด้วยนะคะ” ทำให้เรา เข้าใจไปเองว่าโปสต์การ์ดภาษาจีนใบนี้ อาจจะเป็นของเพื่อนเขา ที่เป็นคนจีน หรือคนไต้หวันก็ได้มั้ง

    โห ไม่รู้จักหนังสือเรา แต่ก็ยังเขียนโปสต์การ์ดมาให้ น่ารักจัง ซาบซึ้งจริงๆ ฉะนั้นเราก็น่าจะส่งข้อความไปขอบคุณทั้งสองคนสักหน่อยดีกว่า

    แต่พอส่งข้อความไปพูดคุยก็พบว่า คุณแฟนหนังสือส่งโปสต์การ์ดมาแค่ใบเดียว! ไม่ได้มีโปสต์การ์ดของเพื่อน หรืออะไรมากไปกว่านั้นเลย

    แปลว่าโปสต์การ์ดอีกใบนั้นเป็นโปสต์การ์ด ที่ ‘ส่งผิด’ มา ถ้าอย่างนั้นตัวหนังสือภาษาจีนพวกนี้จะแปลว่าอะไรกันนะ…ชักจะตื่นเต้นแล้วสิ

    นับเป็นข้อดีของการมีเพื่อนหลายเชื้อชาติ เพราะหลังจากที่ถ่ายรูปตัวหนังสือภาษาจีนที่เขียนด้วยลายมือยึกยือบนโปสต์การ์ดส่งไปให้เพื่อนชาวจีนช่วยแปล ก็ได้รับคำตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว (ตอนนั้นรู้สึกเหมือนกำลังแกะอักขระปริศนาในหนังแนวสืบสวนผจญภัยอะไรสักอย่าง)
  • ตัวหนังสือพวกนั้นมีความหมายว่า

    ‘ที่นี่มีอะไรให้ดู ที่นี่มีอะไรให้เล่นสนุก ที่นี่มีของกินอร่อยเพียบ และที่นี่ก็มีผู้ชายหล่อๆ เยอะด้วยนะ มาเที่ยวสิ’

    ยอมรับเลยว่าประโยครองสุดท้ายน่าสนใจที่สุด!

    ทุกประโยคในกระดาษใบเล็กๆ ใบนี้ทำให้เราตื่นเต้นไปอีกหลายวัน ก็มีคนบอกว่าเราเหมาะกับไทเปยังไม่พอ อยู่ดีๆ ยังมีการ์ดเชิญส่งมาให้อีก ถึงจะส่งผิดก็เถอะ แต่มันจะมากเกินไป แล้วนะไทเป!!! ทำไมต้องเรียกร้องความสนใจกันขนาดนี้ด้วย!

    วันนั้นเองที่ความอยากไปเยือนไทเปของเราพุ่งทะยานจากยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไปแตะที่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ทันที

    ไทเปเริ่มเบียดญี่ปุ่นขึ้นมาแล้วสิ...
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in