The Plots Against Hitler
แดนนี ออร์บัค
หากภาพจำของสงตรามโลกครั้งที่สองคือการต่อสู้ระหว่างอเมริกากับเยอรมันนี ฮิตเลอร์กับเชอชิล มิดเวย์หรือดันเคิร์ก ภาพการต่อสู้ของทหารเครื่องแบบต่างสีที่บอกเล่าถึงความเลวร้ายของสงคราม หลายคนอาจไม่รู้ว่าการต่อต้านฮิตเลอร์ไม่ได้เริ่มต้นแค่ในอังกฤษหรือสหรัฐ แต่มาจากในเยอรมันนีเอง
The Plots Against Hitler หรือชื่อภาษาไทย แผนลอบสังหารฮิตเลอร์ บอกเล่าเรื่องราวสุดระทึกของความพยายามทหารเยอรมันกับแผนล้มนาซีของกลุ่มคนที่ไม่ได้เชื่อในไรซ์ที่ 3 หรือตัวผู้นำอีกต่อไป .หนังสือเขียนโดย แดนนี ออร์บัค นักประวัติศาสตร์ชาวอิสราเอล ที่ใช้เวลาสืบค้นเอกสารร่วมทศวรรษ ทั้งจากตัวข้อมูลปฐมภูมิ เอกสารหลายลำดับ กลายมาเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ที่จะปูความเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงที่ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจ การก่อตัวของกลุ่มกบฏ จนไปถึงวันที่พวกเขาถูกประหาร 1938-1944 โดยเส้นเรื่องจะวางไปที่ทหารกลุ่มต่างๆ ทั้งกองทัพ หน่วยเอสเอส พลเรือน ต้นสายปลายเหตุ ความคิดของผู้คนที่เคยสาบานจะจงรักภักดีที่เปลี่ยนมาล้มแทน หนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่การเริ่มแบบงงๆ ให้เราเดาไปก่อนแล้วค่อยไปเคลียเอาทีหลัง
เราจะได้เห็นพัฒนาการของการเกิดกลุ่มกบฎที่ค่อนข้างหลากหลาย บางคนเกลียดฮิตเลอร์แต่แรก บางคนเคยศรัทธาแต่รับไม่ได้กับสิ่งที่นาซีทำ บางคนถูกเขี่ยพ้นกระดานด้วยเหตุผลทางการเมือง จนกลายเป็นฝ่ายตรงข้าม บางคนเห็นแก่มนุษยธรรม และบางคนเห็นแก่เงิน ซึ่งเป็นความตั้งใจของหนังสือที่จะทำให้เราเห็นถึงจุดประสงอันหลากหลายของกลุ่มต่อต้าน
ความยากลำบากของการรวมของกลุ่มกบฏที่เสี่ยงจะถูกหน่วยสืบความลับจับได้อย่างเกสตาโป สิ่งที่พวกเขาทำถ้าจับได้นำไปสู่ผลลัพธ์เดียวคือตาย การเก็บความลับจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากที่มาจึงมีเรื่องของฐานความสำพันธ์ของกลุ่ม ที่มีตั้งแต่พลเรือนจนไปถึงตำแหน่งสำคัญในกองทัพเยอรมัน ข้อถกเถียง ข้อเสนอที่เกิดขึ้นระหว่างการประชุม จะฆ่าฮิตเลอร์ไหม ตายแล้วทำอย่างไร จะล้มกระดานนาซีจะต้องทำอย่างไร
หนังสือไม่ได้เล่าให้เราเห็นแค่ความพยายามของคนกลุ่มเดียว แต่ยังมีอีกหลายคนที่อยากจะล้มฮิตเลอร์เช่นกัน ระหว่างทางเราจะได้เจอกับช่างทำนาฬิกาที่ใช้เวลาหลายเดือนเพื่อทำระเบิดในนาฬิกาตั้งเวลาเพื่อปลิดชีพผู้นำ ทำให้เราได้เห็นว่านอกเหนือกลุ่มทหารแล้ว ประชาชนเองอีกหลายคนรู้สึกอย่างไรกับฮิตเลอร์ พวกเขาเป็นเยอรมันแต่ไม่ใช่นาซี ทหารเยอรมันระดับสูงส่วนนึงที่ทำยุทธการเพื่อแอบปล่อยนักโทษในค่ายกักกันออกอย่างลับๆ หนังสือจะเล่าให้เราเห็นว่าความตั้งใจของพวกเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ.ใครที่เคยดูหนังเรื่องวัลคีรี ก็จะได้เห็นฉากความพยายามที่จะทำรัฐประหารในเยอรมันนี การต่อสู้ ความสับสนที่เกิดขึ้นของคนทำรัฐประหาร จนไปถึงความล้มเหลว หนังสือเล่มนี้จะเล่าขยายมากกว่านั้น การถกเถียงเรื่องแผน ความไม่มั่นใจของกลุ่ม ความกลัว เราจะได้เห็นว่าในกลุ่มการต่อต้านฮิตเลอร์นั้น มีการปฏิเสธแผนการฆ่าฮิตเลอร์ เพราะไม่ถูกมนุษยธรรม ซึ่งแม้ปลายทางจะจบด้วยความพ่ายแพ้ของกลุ่ม แต่แน่นอนว่าสิ่งที่พวกเขาหลายคนพยายามพิสูจน์นั้นชัดเจน คือไม่ใช่เยอรมันทุกจะเป็นนาซีและพวกเขาพยายามสุดฝีมือแล้ว
อีกจุดหนึ่งเล็กๆ ที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ดูโดดเด่นคือ และออกแบบหน้าปกโดย Wrongdesign เป็นรูปหน้าท่านผู้นำที่มีลำแสงสีแดงผ่านกลางหัว สีดำแดงสะดุดตา มันถูกเลือกโดยสำนักพิมพ์ประวัติศาสตร์ตัวยงอย่างยิปซี ที่จะทำให้เราต่อเนื่องไปกับหนังสือเล่าเรื่องนาซีอีกหลายเล่มของสำนักพิมพ์อย่างเล่มอย่างเอสเอส หรือวันพิพากษานาซี ซึ่งจะต่อเนื่องหลังจากหนังสือเล่มนี้
หนังสือจะไม่ใช่การเล่าเรื่องการต่อสู้แบบปะฉะดะ แต่เป็นการต่อสู้ด้วยความคิด ความเชื่อ เหตุผล ความล้มเหลวทางยุทธวิธีที่จะนำมาวิเคราะห์ การเล่าเรื่องแบบปูพื้นฐาน ค่อยเป็นค่อยไป เชื่อมโยงคนสู่คนทำให้หนังสือไม่ยากเกินเอื้อมมากนักแม้จะเป็นชื่อคนเยอรมัน แต่แน่นอนว่ามันจะมาพร้อมกับความหนาขนาดมหึมาเกือบหกร้อยหน้า เปรียบเทียบเหมือนดูซีรีย์ความยาวหกซีซันที่เล่าช้าๆ ต้องแบ่งอ่านกันพอสมควร .แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้เกิดการตั้งคำถามและชวนถกเถียง ถึงเหตุผล และมนุษยธรรมของกลุ่มต่อต้าน ว่าเราควรจะยกย่องพวกเขาหรือไม่ เราอาจจะได้เห็นหนังสือหรือข้อมูลที่ออกมาถกเถียงหรือให้น้ำหนัก แต่อย่างน้อยที่สุดก็จะทำให้เราเห็นว่า พวกเขาไม่ได้เชื่อเหมือนฮิตเลอร์ทุกคน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in