เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[NCT | OS/SF] ALL IS LOVEhbrxnct
[sf] น้าแดนครับ [2/2] #jaedo
  • ADVERTISEMENT

    Title: น้าแดนครับ
    AU : Thai
    Pairing: JungJaehyun x KimDoyoung
    Rating: R-18
    Warning: Incest

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
    Note2 : ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม ผู้ที่อายุน้อยกว่าสิบแปดปีควรได้รับคำแนะนำ | โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    ————————————————————————————————————————





    “เย็นนี้เจฟต้องหาอะไรกินเองนะ” แดนดนัยเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขากำลังติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกแห่งหนึ่ง “น้าคงกลับดึกหน่อยน่ะ”

    “น้าแดนจะไปไหนเหรอครับ?”

    เด็กหนุ่มหันไปถาม ดวงตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าของคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจขับรถอยู่

    “ก็ไปงานวันเกิดของน้าจอห์นน่ะ เจฟจำน้าเขาได้ไหม ที่เมื่อก่อนมาบ้านเราบ่อย ๆ”

    จิรภัทรชะงักนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อได้ยิน ภายในรู้สึกร้อนรุ่มด้วยความไม่พอใจ เขารู้ดีว่าจารุกิตติ์เป็นเพื่อนสนิทของน้าชาย และเขาก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรไม่ให้อีกฝ่ายไป

    “ถ้าอย่างนั้นผมขอไปด้วยได้ไหม?”

    “เจฟไปไม่ได้หรอก ปีนี้น้าจอห์นเขานัดไปเลี้ยงที่ผับน่ะสิ อายุของเรายังไม่ถึง”

    ยิ่งได้ยินอย่างนั้นภายในใจจิรภัทรก็ยิ่งคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

    “แล้วทำไมต้องไปเลี้ยงที่ผับด้วยล่ะครับ เลี้ยงที่ร้านอาหารหรือที่บ้านเหมือนปีก่อน ๆ ก็ได้นี่ สถานที่แบบนั้นมันอันตราย ถ้าน้าเกิดเมาขึ้นมาใครจะช่วยดูแล”

    จิรภัทรเผลอหลุดทำเสียงแข็งใส่คนอายุมากกว่าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

    “โห ๆ ๆ บ่นมาซะ นี่ใครเป็นน้าใครเป็นหลานกันแน่เนี่ยหือ?”

    แดนดนัยเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ ท่าทีของหลานชายเขาเมื่อครู่นี้อย่างกับคุณพ่อหนวดเฟิ้มที่หวงลูกสาวไม่มีผิดเพี้ยน

    “ก็ผมไม่ไว้ใจนี่”

    “โอ้ย! ใครจะทำอะไรน้าได้ ที่ไปก็เพื่อนสนิทกันทั้งนั้น”

    เพราะเป็นเพื่อนสนิทนั่นแหละถึงได้ยิ่งไม่น่าไว้ใจเข้าไปใหญ่

    จิรภัทรนึกโมโหคนข้างตัวที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรบ้างเลย

    “เจฟไม่ต้องเป็นห่วงน้าหรอก น้าจะไม่ดื่มเยอะ ถ้าเมาก็จะกลับแท็กซี่ หรือไม่ก็จะให้เพื่อนมาส่ง แบบนี้โอเคไหมครับ?”

    ไม่โอเค!

    เด็กหนุ่มได้แต่ตะโกนตอบลั่นในใจ ใบหน้าที่ฉายแววหล่อคมคายผินมองออกไปนอกหน้าต่างรถและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกกระทั่งรถยนต์ค่อย ๆ เทียบจอดข้างฟุตปาธที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลประตูโรงเรียนของเขาเท่าไหร่

    “ขอบคุณครับ”

    จิรภัทรยกมือไหว้คนอายุมากกว่าตามปกติ ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือเปิดประตูรถ เสียงของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ดังเรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน

    “เดี๋ยว! เจฟ เจฟครับ...เจฟโกรธน้าเหรอ?”

    “เปล่านี่ครับ” เขาสบตาคนที่ชะโงกหน้าเข้ามาหา ดวงตากลมทั้งสองของอีกฝ่ายฉายแววไม่เข้าใจเขาอยู่ลึก ๆ แต่ก็ยังสบตาไม่ละไปไหน ราวกับพยายามมองให้ลึกเข้าไปในความคิดของเขา จิรภัทรยิ้มมุมปาก เขาเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “แล้วทำไมน้าถึงคิดว่าผมโกรธล่ะ?”

    แดนดนัยชะงักไปเมื่อได้ยินคำถามจากเขา คิ้วของเจ้าตัวมุ่นเข้าหากันยามนึกหาคำตอบ

    “ก็เจฟดูไม่อยากให้น้าไปเท่าไหร่ ใช่ไหมล่ะ?”

    ใช่...เขาน่ะไม่อยากให้แดนดนัยไปงานวันเกิดของเพื่อนคนนั้นจริง ๆ ทว่าเขาไม่ได้โกรธอีกฝ่ายอย่างที่อีกฝ่ายคิด ไม่เลยสักนิด

    กลับกันเลยด้วยซ้ำ เขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่เผลอทำตัวเอาแต่ใจในเรื่องงี่เง่าใส่ไปอีกฝ่ายเมื่อครู่ต่างหาก

    ไม่มีใครรู้ว่าเขาไม่ได้อยากเป็นเด็กในสายตาของอีกฝ่าย

    เขาไม่ได้อยากเป็นแค่หลานชาย

    ไม่เลย...

    “เจฟไม่ได้โกรธน้าครับ จริง ๆ นะ”

    เขายืนยันคำพูดของตัวเองด้วยการส่งยิ้มรอยน้อย ๆ ไปให้ อีกฝ่ายดูไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ทว่าก็มีท่าทีสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

    “งั้นก็ตั้งใจเรียนนะ น้าไปทำงานแล้ว”

    “ครับผม”

    จิรภัทรตอบก่อนจะเปิดประตูและลงจากรถ เขาโบกมือลาไปให้คนอายุมากกว่าขณะที่ยืนมองท้ายรถยนต์จนกระทั่งมันลับหายไปจากสายตา

    หึ!

    ริมฝีปากเรียวเหยียดยิ้มหยันให้กับความน่าสมเพชของตัวเองก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนไป





    “ไอ้เจฟ! ไปเตะบอลกันมึง”

    จิรภัทรที่กำลังเก็บหนังสือและสมุดเรียนลงกระเป๋าเป้อยู่นั้นหันมองไปยังต้นเสียงที่เอ่ยเรียกตัวเอง และก็พบกับวัชระ เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมต้นของตนเดินพุ่งตรงมาหาที่โต๊ะเรียน

    “ไม่ว่ะ กูจะกลับบ้าน”

    จิรภัทรปฏิเสธอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายยู่หน้าใส่พร้อมกับเอ่ยตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก

    “โห่ยอะไรว้าาา เทอมสุดท้ายแล้วแทนที่จะอยู่กับเพื่อนกับฝูง”

    ทั้งจิรภัทรและวัชระนั้นต่างก็เป็นอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกกันแล้ว และเทอมนี้ก็เป็นเทอมสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เรียนด้วยกันที่โรงเรียนแห่งนี้ ก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อตามคณะและมหาวิทยาลัยที่ตัวเองต้องการ

    “มึงได้มอแล้วก็พูดได้ดิ" จิรภัทรส่งเสียงเหอะเบา ๆ ในลำคอใส่เพื่อนสนิทชองตัวเอง "กูนี่ยังต้องรอแอดอีก”

    “เอ้า! แล้วใครที่มันไม่ยอมไปรายงานตัวทั้งที่สอบตรงได้แล้ววะ”

    “ก็กูไม่ได้อยากเรียนที่นั่นอะ มันไกลบ้าน”

    ทันทีที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น วัชระก็ทำการเบ้หน้าใส่เพื่อนสนิทพร้อมกับส่งถ้อยคำกระแหนะกระแหนมาให้อีกหนึ่งประโยค

    “ไอ้เด็กติดบ้าน!”

    “อืม”

    มันไม่ปฏิเสธด้วย!

    ทว่าปฏิกริยาของอีกฝ่ายที่ตอบกลับมานั้นกลายเป็นการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเสียได้ และนั่นก็ทำให้วัชระรู้สึกหมดสนุกกับการเย้าแหย่เพื่อนสนิท

    "ไม่ไปเตะบอลกันจริงดิ คนอื่นถามหามึงใหญ่เลยนะว่าทำไมไม่ไปเตะหลายวันแล้ว"

    “ไม่ล่ะ" จิรภัทรปฏิเสธอย่างแน่วแน่ "กูกลับแล้วนะ เล่นบอลให้สนุกล่ะมึง”

    และเมื่อเก็บของบนโต๊ะเสร็จ เจ้าตัวก็รีบยกกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่าก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินออกจากห้องไปในทันที

    “อ้าวเฮ้ย! ไอ้เจฟ!"





    ท้องถนนช่วงสี่โมงครึ่งเกือบจะห้าโมงเย็นนั้นเต็มไปด้วยรถรา บนรถเมล์เองก็อัดแน่นไปด้วยบรรดานักเรียนนักศึกษาและคนวัยทำงาน และเพราะว่าภายนอกหน้าต่างรถเมล์นั้นแทบไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด จิรภัทรจึงคว้ามือถือของตัวเองขึ้นมาไถเล่นแก้เบื่อ

    เขาแตะหน้าจอไปที่แอปพลิเคชันแชทสีเขียวยอดฮิตก่อนจะพิมพ์อะไรลงไปในช่องแชทช่องหนึ่งและกดส่ง


    Jeff Jiraphat
    ‘อย่าดื่มเยอะนะครับ’


    ไร้วี่แววของอีกฝ่าย ไม่มีแม้แต่สัญญาณของการกดอ่านข้อความ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายนั้นคงจะยังไม่เลิกงานเลยไม่ว่างอ่านแชท จิรภัทรนั่งมองหน้าจอมือถือของตัวเองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกดปุ่มล็อคหน้าจอให้มันดับไป

    ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถเมล์ก็พาเขามาถึงป้ายที่อยู่ใกล้กับบ้านเขาที่สุดเสียที เด็กหนุ่มแวะซื้อข้าวกะเพราไข่ดาวจากร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยไว้เป็นมื้อเย็น และตัดสินใจซื้อข้าวหมูทอดไข่ดาวเผื่อเอาไว้ให้คนอายุมากกว่าด้วย แม้รู้ดีว่าเย็นนี้อีกฝ่ายคงไม่กลับมากินมันก็ตาม

    ภายในบ้านเงียบสนิท จิรภัทรถอดรองเท้าและถุงเท้าออกก่อนจะเดินตรงไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น เขาทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะตัดสินใจเปิดทีวีเพื่อทำลายความเงียบ

    ขณะเดียวกันเองนั้น ความรู้สึกหงุดหงิดในใจเขาก็ค่อย ๆ ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

    เขาไม่ได้อยากทำแค่นั่งรอให้อีกฝ่ายกลับบ้านมาเองแบบนี้เลยสักนิด

    สมาร์ทโฟนในมือของเขาถูกล็อคหน้าจอสลับกับปลดล็อคครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของการอ่านแชทจากอีกฝ่ายเลย จิรภัทรถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกินมื้อเย็นที่หน้าทีวี

    ติ๊ง!

    ในที่สุดเสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ไม่ไกลจากจานข้าวนั้นก็ดังขึ้น และมันก็ทำให้เด็กหนุ่มรีบวางช้อนข้าวในมือลงก่อนจะคว้ามันมาปลดล็อคก่อนจะอ่านข้อความที่อีกฝ่ายตอบกลับมา


    Dandanai
    ‘รับทราบครับคุณหลานที่เคารพ กระผมจะดูแลตัวเองอย่างดี’
    *สติ้กเกอร์ตะเบ๊ะรับคำสั่ง*

    Jeff Jiraphat
    ‘ถ้าไม่ไหวยังไงก็โทรมาบอกผมนะ’
    ‘เดี๋ยวผมไปรับ’

    Dandanai
    ‘ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวน้าให้เพื่อนไปส่ง’

    Jeff Jiraphat
    ‘ใครมาส่งเหรอครับ?’

    Dandanai
    ‘น้าจอห์นมั้ง’
    ‘ต้องดูก่อนว่าน้าจอห์นเมาด้วยรึเปล่า’
    ‘ถ้าเมาก็คงกลับแท็กซี่อะ แต่เจฟไม่ต้องมานะ’
    ‘มันดึกแล้ว เด็ก ๆ นั่งแท็กซี่คนเดียวค่ำ ๆ มันอันตราย’


    จิรภัทรเผลอกำสมาร์ทโฟนในมือแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ แดนดนัยไม่เคยแสดงออกถึงความต้องการให้เขาไปดูแลอีกฝ่ายเลยสักครั้ง

    คนที่น้าชายของเขายอมให้เข้ามาคอยดูแลนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีอายุมากกว่า หรือไม่ก็ต้องมีอายุที่เท่ากัน ซึ่งเขาไม่แม้แต่จะเข้าข่ายเลยด้วยซ้ำ

    ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาในสายตาของอีกฝ่ายนั้นก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ

    เป็นเด็กชายจิรภัทรวัยแปดขวบของน้าแดน


    Jeff Jiraphat
    ‘ครับ’


    เขาได้แต่พิมพ์ตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะกดปุ่มล็อคโทรศัพท์และวางมันคว่ำหน้าลง ทว่าผ่านไปไม่กี่อึดใจเขาก็คว้ามันขึ้นมาปลดล็อค และคราวนี้แอปพลิเคชันที่เขาเลือกกดเข้าไปนั้นคือแอปพลิเคชันโซเชียลสีน้ำเงิน

    เขากดเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ส่วนตัวของแดนดนัย และเมื่อไม่พบความเคลื่อนไหวใด ๆ เขาจึงค่อย ๆ ไล่หารายชื่อเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายที่น่าจะไปงานวันเกิดของจารุกิตติ์ด้วยกันในเย็นวันนี้

    กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ แบตโทรศัพท์ของเขาใกล้จะหมดไปแล้วรอบหนึ่ง ในที่สุดเขาก็เจอสิ่งที่หาอยู่

    หญิงสาวคนหนึ่งอัพรูปเซลฟี่ของตัวเองกับจารุกิตติ์ลงในหน้าโปรไฟล์ของเธอ พร้อมกับแคปชันสุขสันต์วันเกิดและคำอวยพร แต่สิ่งที่จิรภัทรสนใจไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น เขาไม่ได้อยากรู้ว่าใครจะไปงานวันเกิดบ้าง และไม่ได้อยากรู้ว่าด้วยเจ้าของงานจะได้รับคำอวยพรว่าอย่างไร

    แต่สิ่งที่เขาสนใจน่ะคือที่ตั้งของร้านที่จารุกิตติ์ใช้การจัดงานวันเกิดที่หญิงสาวคนนั้นแท็กมาในสถานที่นั่นต่างหาก

    เด็กหนุ่มเหลือบมองเวลา นี่ก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว

    เขาปิดทีวีในทันที คว้ากุญแจบ้านและกระเป๋าสตางค์ของตนมาถือก่อนจะเดินออกไปโบกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย เมินเฉยต่อถ้อยคำเป็นห่วงของน้าชายที่ส่งมาให้เมื่อเย็น

    เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็พาตัวเองมาถึงหน้าผับที่เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของจารุกิตติ์จนได้

    แต่เพราะเขาอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าผับ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เด็กหนุ่มทำได้จึงมีแค่ยืนรอน้าชายของตนอยู่ด้านนอก

    แม้มันจะน่าเจ็บใจแต่เขาก็ไม่นึกรั้นอยากจะเข้าไปด้านใน เขารู้ดีว่าหากถูกจับได้ขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วคนที่เดือดร้อนและเสียใจที่สุดก็คงไม่พ้นน้าชายเพียงคนเดียวของเขา

    จิรภัทรไม่อยากให้แดนดนัยรู้สึกผิดหวังในตัวเขา

    เด็กหนุ่มตัดสินใจคว้ามือถือของตนขึ้นมาและกดโทรออกไปหาอีกฝ่าย เสียงสัญญาณมือถือดังอยู่หลายอึดใจ ในที่สุดก็มีคนรับสาย

    [เจฟเหรอ? โทรมามีอะไรรึเปล่า?]

    ทว่าเสียงทุ้มที่มาจากปลายสายนั้นกลับไม่ใช่เสียงของแดนดนัยอย่างที่ควรจะเป็น เด็กหนุ่มนิ่วหน้า ความรู้สึกไม่พอใจก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

    เขาจำได้ว่านั่นคือเสียงของจารุกิตติ์

    [อื้อออ เจฟโทรมาเหรอออ บอกให้ อึ้ก! นอนก่อนได้เลย ม่ายต้องรอออ]

    ก่อนที่เสียงอ้อแอ้ของแดนดนัยที่เขาจำได้ขึ้นใจมากที่สุดจะดังลอดเข้ามา จิรภัทรในยามนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการข่มความโกรธอันไร้ที่มาที่ไปของตัวเองเอาไว้

    เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์โกรธใครเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นจารุกิตติ์หรือแดนดนัย

    “น้าแดนครับ ผมว่าน้าเมาแล้วนะ กลับบ้านกันดีกว่าครับ ตอนนี้ผมรออยู่ที่หน้าร้าน”

    เขาบอกตัวเองไม่ให้เผลอเอ่ยเสียงห้วนใส่คนปลายสาย

    [อะไรนะ ตอนนี้เจฟ...อึ้ก! เจฟอยู่หน้าร้านเหรอ เจฟมาทำไม น้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าไม่ต้องมาน่ะ]

    เสียงอ้อแอ้ของแดนดนัยเจือแววดุอยู่นิดหน่อย และนั่นก็ทำให้คนฟังอย่างเขาหลุดหัวเราะหึเบา ๆ ในลำคอ

    “น้าเมาจนเสียงยานขนาดนี้ ให้ผมมารับนี่แหละดีแล้วครับ จะได้ไม่เถลไถ--”

    “เจฟ!"

    ทว่าไม่ทันที่เขาจะทันได้พูดจนจบประโยค ร่างผอมโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ยออกมาจากกางเกงแสล็คจนหมดความเรียบร้อยร่างหนึ่งก็เซถลามาหาเขา

    “อย่าเพิ่งดุผม” จิรภัทรรีบอ้าแขนรับร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ “เมาจนขาเปลี้ยแบบนี้ผมว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”

    “แดน! เราลืมกระเป๋าแน่ะ” จารุกิตติ์ที่รีบวิ่งตามออกมารีบเอ่ยเรียกรุ่นน้องของตน “อ้าว เจฟ"

    เพราะแดนดนัยผลุนผลันออกมานอกร้านจนลืมของ เขาจึงต้องรีบวิ่งตามออกมา ในตอนแรกเขารู้สึกงุนงงไม่น้อยที่จู่ ๆ รุ่นน้องคนสนิทก็ขอกลับก่อนอย่างกะทันหัน ทั้งที่ในตอนแรกนั้นตกลงกันเสียดิบดีว่าจะให้เขาไปส่งที่บ้าน ทว่าเมื่อเขาเห็นคนที่กำลังช่วยหิ้วปีกแดนดนัยอยู่ในขณะนี้เขาจึงได้เข้าใจ

    เป็นเพราะเจ้าเด็กนี่อีกแล้วสินะ…

    “สวัสดีครับ”

    เพราะแขนทั้งสองของเขาถูกใช้ไปกับการช่วยพยุงร่างของแดนดนัย เด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่ก้มศีรษะทักทายคนอายุมากกว่า

    “มารับแดนเหรอ?”

    “ครับ” เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะเอื้อมมือไปรับกระเป๋าทำงานของแดนดนัยมาสะพาย “ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลน้าแดนให้ผม”

    “ไม่เป็นไร แล้วนี่…จะให้น้าไปส่งไหม?”

    “ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมดูแลน้าของผมต่อเอง น้าจอห์นกลับเข้าไปสนุกกับเพื่อนๆ ต่อเถอะครับ”

    “อ่า…”

    จารุกิตติ์ได้แต่จำยอมรับการปฏิเสธจากจิรภัทร เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยรับมือกับเด็กคนนี้ถูกเลยสักครั้ง

    “ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดนะครับ”

    “ขอบใจนะ ฝากดูแลแดนด้วย”

    “ครับ” จิรภัทรรับคำ “ผมดูแลน้าแดนของผมดีอยู่แล้ว น้าจอห์นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

    นั่นจึงทำให้จารุกิตติ์ทำได้แค่เพียงยืนรอส่งจิรภัทรและแดนดนัยที่หน้าร้าน จนกระทั่งทั้งคู่ก้าวขึ้นรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้วเขาจึงกลับเข้าไปเลี้ยงฉลองต่อกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ด้านใน





    จิรภัทรพยุงร่างผอมโปร่งแดนดนัยขึ้นไปบนห้องนอนอย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะตัวสูงพอกันกับเขา ทว่ากลับตัวผอมกว่าหลายเท่านัก

    เด็กหนุ่มค่อย ๆ วางร่างของคนอายุมากว่าลงบนเตียง

    ใบหน้าของแดนดนัยในยามนี้ขึ้นสีแดงจัดเพราะพิษแอลกอฮอล์ สำหรับจิรภัทรเองแล้วนั้น ภาพแบบนี้เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากยิ่ง

    เขารู้มาว่าก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่กับแดนดนัย อีกฝ่ายนั้นถือเป็นเจ้าพ่อปาร์ตี้คนหนึ่งเลยทีเดียว ทว่าเมื่อเขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยอีกฝ่ายก็ตัดสินใจงดออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และทุ่มเทเวลาที่นอกเหนือจากการทำงานทั้งหมดให้กับเขา

    จิรภัทรใช้นิ้วเกลี่ยข้างแก้มของอีกฝ่ายออกอย่างเบามือ ขณะที่ในใจก็หวนนึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอคนตรงหน้านี้

    ใครจะรู้...ว่าผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงมุมศาลาวัดในวันนั้นจะกลายมาเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

    “รอแปปนะครับ เดี๋ยวผมไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”

    จิรภัทรกระซิบบอกคนที่กำลังหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงก่อนจะผละไปเตรียมอ่างใส่น้ำสำหรับเช็ดตัวและเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน

    เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายก่อนจะถอดมันออกอย่างช้า ๆ จนเรือนผิวขาวเจือรอยแดงจางปรากฎแก่สายตา จิรภัทรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดค่อย ๆ เช็ดตามใบหน้าของอีกฝ่าย

    “อือออ”

    แดนดนัยขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะขยับหน้าหนีสัมผัสเย็นชื้นจากผ้าขนหนูนั้น

    “อยู่นิ่ง ๆ หน่อยสิครับ”

    จิรภัทรเอ่ยดุด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ด้วยรู้ดีว่ายังไงแล้วคนที่กำลังหลับอยู่นั้นก็คงไม่มีทางรู้เรื่อง

    “อือออ…เจฟเหรอ”

    “ครับ ผมเอง”

    เขาขานตอบ

    “น้าขอโทษนะที่ดื่มจนเมา แล้วก็ต้องมาเป็นภาระของเรา”

    “ไม่เป็นไรครับ”

    ผมยินดี

    “นี่เจฟ..."

    “ครับ?”

    “เจฟว่า ช่วงนี้เราสองคน แปลก ๆ กันไปไหม?”

    จิรภัทรชะงักค้างครู่ใหญ่ไปเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้า

    ว่ากันว่าคนเมามักจะพูดสิ่งที่กักเก็บเอาไว้อยู่ภายในใจ ถ้าอย่างนั้นแล้ว สิ่งที่แดนดนัยกำลังจะพูดต่อจากนี้ก็คือสิ่งที่อีกฝ่ายเอาเก็บเอาไว้ในใจมาโดยตลอดใช่ไหม?

    “แปลก…ยังไงเหรอ?”

    และนั่นก็ทำให้จิรภัทรเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่กลับย้อนถามเพื่อให้คนที่แทบไม่มีสตินั้นหลุดพูดความในใจออกมา

    “ก็…ช่วงนี้น้ารู้สึกเหมือนเราไม่ค่อยได้คุยกัน เจฟก็เงียบลงเยอะ น้า…ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ อึก!” ดวงตากลมของแดนดนัยที่ค่อย ๆ ปรือขึ้นนั้นมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ “น้าไม่ชอบเลย น้า…น้าไม่ชอบ น้าไม่รู้ว่าเจฟไม่พอใจอะไรน้ารึเปล่า เรื่องวันนี้ก็ด้วย จริง ๆ แล้วเจฟโกรธน้าใช่ไหม?”

    “เปล่าครับ ผมไม่ได้โกรธจริง ๆ”

    “พอเจฟโตขึ้นแล้วเจฟมีอะไรก็ไม่ค่อยบอกน้าเหมือนเมื่อก่อน หรือ…หรือเจฟไม่ไว้ใจน้าเหรอ เจฟไม่รักน้าแล้วเหรอ”

    จิรภัทรในยามนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่น้ำท่วมปาก แม้ว่าเขาอยากจะตะโกนบอกว่าเขารักคนตรงหน้ามากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่เก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจด้วยความอึดอัด ยิ่งต้องมานั่งฟังอีกฝ่ายเอ่ยตัดพ้อใส่แบบนี้แล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกทรมาน

    จะให้เขาบอกได้ยังไงกันว่าเขาน่ะ…

    ว่าเขาน่ะ ‘รัก’

    “ผม…”

    “เจฟไม่รักน้าแล้วเหรอ”

    “รัก…รักครับ” จิรภัทรคว้าร่างของอีกฝ่ายมากอดเอาไว้ ทำนบความอดทนของเขาพังทลายลงในทันที “เจฟรักแดน รักที่สุด

    แดนดนัยฝังใบหน้าลงบนบ่าของจิรภัทรก่อนจะสะอื้นออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยิน

    “ฮึก...น้าก็รักเจฟนะ”

    จิรภัทรกระชับอ้อมกอดของตัวเองแน่นขึ้น

    ไม่…มันไม่ใช่แบบนี้...

    เขารักแดนดนัย รักอย่างที่คนผู้ชายหนึ่งจะสามารถรักใครสักคนได้ รักอย่างที่ต้องการดูแลปกป้อง ต้องการเป็นเจ้าของ ต้องการครอบครอง

    ไม่ใช่รักแบบคนในครอบครัวอย่างที่แดนดนัยรัก





    แดนดนัยหลับไปแล้ว จิรภัทรค่อย ๆ วางอีกฝ่ายลงบนเตียงก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยคราบน้ำตาที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายออกอย่างสุดถนอม ปลายนิ้วโป้งของเขานั้นไล้วนบนกลีบปากของคนที่กำลังหลับอย่างแผ่วเขา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ประทับจูบลงบนริมฝีปากอิ่มนั้น ละเลียดชิมความหอมหวานอย่างใจเย็น ตักตวงความสุขที่เขาขโมยมันมาอย่างลับ ๆ ณ ขณะนี้ให้ได้มากที่สุด และพยายามเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ทั้งหมดเอาไว้ในความทรงจำ

    เพราะนี่อาจเป็นโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวที่เขาจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้

    หัวใจของจิรภัทรเต้นระส่ำ

    ในคืนนี้ เขาได้ตัดสินใจก้าวข้ามไปยังแดนต้องห้ามที่แสนเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณ ทว่ามันก็ช่างหอมหวนและหวานล้ำเกินกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกนี้ที่เขาเคยได้สัมผัสเช่นกัน






    [end.]
    ____________________________________________________________________________________________________
    วินวิน - วิน วัชระ

    มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราจบลงที่จูบ
    น้าแดนเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวของเจฟ
    และคนที่รู้สึกเกินเลยก็มีแค่เจฟเท่านั้น
    เราอยากจบแบบที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังไปต่อได้
    เพราะถ้าหากว่าก้าวข้ามไปแล้ว จุดจบมันไม่มีทางสวยงามแน่นอนค่ะ
    #allislovefic

    ปล. จัดเรท R-18 เพราะมีเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม

    how to comment ใน minimore


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
hoka_horoka (@hoka_horoka)
อยาก อ่าน ต่อ จัง ค่ะ ....
รู้สึกว่ามันยังไปต่อได้ สงสารน้องเจฟฟฟฟ อยากอ่านต่ออยากเอาใจช่วย เราพร้อมจะบาปไปกับน้อง ไปดีบไรท์นะคะ?
hoka_horoka (@hoka_horoka)
@hoka_horoka กับดิ พิมพ์ผิดด
die young (@teenageblue)
ฮืออ ตัดจบแบบนี้เลย ทำไมถึงรู้สึกว่าแดนก็ชอบน้องเจฟอ่ะ เป็นไปได้มั้ย;—;
Gift N. T. (@giftnt1402)
คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก นอกจากคำพูดของแดนก็ยังมีการวางตัวอีกว่าน้าแดนต้องเป็นคนดูแลเจฟ ไม่ใช่เจฟดูแลแดน ทั้งช่วงวัยที่ห่าง สถานะน้า-หลาน กับความที่เห็นกันมาตั้งแต่เจฟยังเด็ก คงทำให้แดนคิดไม่ถึงว่าเจฟจะมองตัวเองในรูปแบบอื่นได้ยังไง แต่ต่อให้ตัดเรื่องรักแบบโรแมนติกออกไป แดนก็ดูติดภาพเด็กมากและไม่ได้มองว่าเจฟเป็นหลานที่โตขึ้นแล้วด้วยซ้ำ อยากอ่านมุมมองของแดนเลยค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง

ตอนนี้บิ๊วความอึดอัดของเจฟที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดวันได้ดีมากเลย เจฟคิดอะไรอยู่ เราก็อึดอัดตามเลยค่ะ แล้วตอนที่เจฟออกไปรับแดน พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าจอห์น กับตอนดูแลแดนก็คือกร๊าวใจได้ไม่เต็มที่เพราะมันหน่วงกว่า ฮือออออ ละตอนสารภาพรักว่าเจฟรักแดน แต่แดนตอบกลับมาว่าน้าก็รักเจฟ... ก็เหมือนที่โดนตอกย้ำมาตลอดเรื่องแหละนะคะว่ารักคนละแบบกัน แต่พอเจฟต้องมาฟังชัดๆ ก็สงสาร 

สุดท้ายจบแบบตัวละครน่าสงสารจริงด้วย ซึ่งก็สมเหตุสมผลแล้วกับการดำเนินเรื่อง แต่อีกใจนึง เราก็ยังอยากลุ้นภาคต่อเพราะไรต์บอกว่ามันยังไปต่อได้ ไหนๆ ก็ยังมีอดีตของแดนที่มาแบบเหมือนเป็นทีเซอร์ ฮ่าๆๆ ถ้าแดนเคยชอบปาร์ตี้แต่ยอมทุ่มเวลาทั้งหมดเพื่อเจฟแทน เราก็อยากจะเดาว่าแดนทั้งรักหลานและน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นมั้ยนะ เช่น เรื่องแม่ของเจฟ

ขอบคุณสำหรับอีกหนึ่งผลงานดีๆ นะคะ อินอีกแล้ว บิ๊วได้เยี่ยมจริงๆ ค่ะ
mnhyq (@mnhyq)
ดิฉันมันคนบาป อ่านไปนี่ลุ้นแบบอรุ่มๆๆๆๆ เด็กมันจะจัดเลยไหมสุดท้ายหยุดที่จูบก็อีโรติกกันไป ชอบภาษามากครับ ฟิคด้วย อันนี้เป็นบล็อกคนอาจหายากรึเปล่า ติดตามนะครับไม่ว่าทางไหน