Title: น้าแดนครับ
AU : Thai
Pairing: JungJaehyun x KimDoyoung
Rating: R-18Warning:
IncestNote : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
Note2 : ฟิคเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม ผู้ที่อายุน้อยกว่าสิบแปดปีควรได้รับคำแนะนำ | โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
————————————————————————————————————————
“เย็นนี้เจฟต้องหาอะไรกินเองนะ” แดนดนัยเอ่ยขึ้นขณะที่พวกเขากำลังติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกแห่งหนึ่ง “น้าคงกลับดึกหน่อยน่ะ”
“น้าแดนจะไปไหนเหรอครับ?”
เด็กหนุ่มหันไปถาม ดวงตาคมจับจ้องไปยังใบหน้าของคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจขับรถอยู่
“ก็ไปงานวันเกิดของน้าจอห์นน่ะ เจฟจำน้าเขาได้ไหม ที่เมื่อก่อนมาบ้านเราบ่อย ๆ”
จิรภัทรชะงักนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อได้ยิน ภายในรู้สึกร้อนรุ่มด้วยความไม่พอใจ เขารู้ดีว่าจารุกิตติ์เป็นเพื่อนสนิทของน้าชาย และเขาก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรไม่ให้อีกฝ่ายไป
“ถ้าอย่างนั้นผมขอไปด้วยได้ไหม?”
“เจฟไปไม่ได้หรอก ปีนี้น้าจอห์นเขานัดไปเลี้ยงที่ผับน่ะสิ อายุของเรายังไม่ถึง”
ยิ่งได้ยินอย่างนั้นภายในใจจิรภัทรก็ยิ่งคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
“แล้วทำไมต้องไปเลี้ยงที่ผับด้วยล่ะครับ เลี้ยงที่ร้านอาหารหรือที่บ้านเหมือนปีก่อน ๆ ก็ได้นี่ สถานที่แบบนั้นมันอันตราย ถ้าน้าเกิดเมาขึ้นมาใครจะช่วยดูแล”
จิรภัทรเผลอหลุดทำเสียงแข็งใส่คนอายุมากกว่าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
“โห ๆ ๆ บ่นมาซะ นี่ใครเป็นน้าใครเป็นหลานกันแน่เนี่ยหือ?”
แดนดนัยเอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ ท่าทีของหลานชายเขาเมื่อครู่นี้อย่างกับคุณพ่อหนวดเฟิ้มที่หวงลูกสาวไม่มีผิดเพี้ยน
“ก็ผมไม่ไว้ใจนี่”
“โอ้ย! ใครจะทำอะไรน้าได้ ที่ไปก็เพื่อนสนิทกันทั้งนั้น”
เพราะเป็นเพื่อนสนิทนั่นแหละถึงได้ยิ่งไม่น่าไว้ใจเข้าไปใหญ่
จิรภัทรนึกโมโหคนข้างตัวที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรบ้างเลย
“เจฟไม่ต้องเป็นห่วงน้าหรอก น้าจะไม่ดื่มเยอะ ถ้าเมาก็จะกลับแท็กซี่ หรือไม่ก็จะให้เพื่อนมาส่ง แบบนี้โอเคไหมครับ?”
ไม่โอเค!
เด็กหนุ่มได้แต่ตะโกนตอบลั่นในใจ ใบหน้าที่ฉายแววหล่อคมคายผินมองออกไปนอกหน้าต่างรถและไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกกระทั่งรถยนต์ค่อย ๆ เทียบจอดข้างฟุตปาธที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลประตูโรงเรียนของเขาเท่าไหร่
“ขอบคุณครับ”
จิรภัทรยกมือไหว้คนอายุมากกว่าตามปกติ ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ลงมือเปิดประตูรถ เสียงของคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ดังเรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน
“เดี๋ยว! เจฟ เจฟครับ...เจฟโกรธน้าเหรอ?”
“เปล่านี่ครับ” เขาสบตาคนที่ชะโงกหน้าเข้ามาหา ดวงตากลมทั้งสองของอีกฝ่ายฉายแววไม่เข้าใจเขาอยู่ลึก ๆ แต่ก็ยังสบตาไม่ละไปไหน ราวกับพยายามมองให้ลึกเข้าไปในความคิดของเขา จิรภัทรยิ้มมุมปาก เขาเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “แล้วทำไมน้าถึงคิดว่าผมโกรธล่ะ?”
แดนดนัยชะงักไปเมื่อได้ยินคำถามจากเขา คิ้วของเจ้าตัวมุ่นเข้าหากันยามนึกหาคำตอบ
“ก็เจฟดูไม่อยากให้น้าไปเท่าไหร่ ใช่ไหมล่ะ?”
ใช่...เขาน่ะไม่อยากให้แดนดนัยไปงานวันเกิดของเพื่อนคนนั้นจริง ๆ ทว่าเขาไม่ได้โกรธอีกฝ่ายอย่างที่อีกฝ่ายคิด ไม่เลยสักนิด
กลับกันเลยด้วยซ้ำ เขารู้สึกหงุดหงิดตัวเองที่เผลอทำตัวเอาแต่ใจในเรื่องงี่เง่าใส่ไปอีกฝ่ายเมื่อครู่ต่างหาก
ไม่มีใครรู้ว่าเขาไม่ได้อยากเป็นเด็กในสายตาของอีกฝ่าย
เขาไม่ได้อยากเป็นแค่หลานชาย
ไม่เลย...
“เจฟไม่ได้โกรธน้าครับ จริง ๆ นะ”
เขายืนยันคำพูดของตัวเองด้วยการส่งยิ้มรอยน้อย ๆ ไปให้ อีกฝ่ายดูไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ทว่าก็มีท่าทีสบายใจมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“งั้นก็ตั้งใจเรียนนะ น้าไปทำงานแล้ว”
“ครับผม”
จิรภัทรตอบก่อนจะเปิดประตูและลงจากรถ เขาโบกมือลาไปให้คนอายุมากกว่าขณะที่ยืนมองท้ายรถยนต์จนกระทั่งมันลับหายไปจากสายตา
หึ!
ริมฝีปากเรียวเหยียดยิ้มหยันให้กับความน่าสมเพชของตัวเองก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนไป
“ไอ้เจฟ! ไปเตะบอลกันมึง”
จิรภัทรที่กำลังเก็บหนังสือและสมุดเรียนลงกระเป๋าเป้อยู่นั้นหันมองไปยังต้นเสียงที่เอ่ยเรียกตัวเอง และก็พบกับวัชระ เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยมต้นของตนเดินพุ่งตรงมาหาที่โต๊ะเรียน
“ไม่ว่ะ กูจะกลับบ้าน”
จิรภัทรปฏิเสธอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้อีกฝ่ายยู่หน้าใส่พร้อมกับเอ่ยตัดพ้ออย่างไม่จริงจังนัก
“โห่ยอะไรว้าาา เทอมสุดท้ายแล้วแทนที่จะอยู่กับเพื่อนกับฝูง”
ทั้งจิรภัทรและวัชระนั้นต่างก็เป็นอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกกันแล้ว และเทอมนี้ก็เป็นเทอมสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เรียนด้วยกันที่โรงเรียนแห่งนี้ ก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อตามคณะและมหาวิทยาลัยที่ตัวเองต้องการ
“มึงได้มอแล้วก็พูดได้ดิ" จิรภัทรส่งเสียงเหอะเบา ๆ ในลำคอใส่เพื่อนสนิทชองตัวเอง "กูนี่ยังต้องรอแอดอีก”
“เอ้า! แล้วใครที่มันไม่ยอมไปรายงานตัวทั้งที่สอบตรงได้แล้ววะ”
“ก็กูไม่ได้อยากเรียนที่นั่นอะ มันไกลบ้าน”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบแบบนั้น วัชระก็ทำการเบ้หน้าใส่เพื่อนสนิทพร้อมกับส่งถ้อยคำกระแหนะกระแหนมาให้อีกหนึ่งประโยค
“ไอ้เด็กติดบ้าน!”
“อืม”
มันไม่ปฏิเสธด้วย!
ทว่าปฏิกริยาของอีกฝ่ายที่ตอบกลับมานั้นกลายเป็นการยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเสียได้ และนั่นก็ทำให้วัชระรู้สึกหมดสนุกกับการเย้าแหย่เพื่อนสนิท
"ไม่ไปเตะบอลกันจริงดิ คนอื่นถามหามึงใหญ่เลยนะว่าทำไมไม่ไปเตะหลายวันแล้ว"
“ไม่ล่ะ" จิรภัทรปฏิเสธอย่างแน่วแน่ "กูกลับแล้วนะ เล่นบอลให้สนุกล่ะมึง”
และเมื่อเก็บของบนโต๊ะเสร็จ เจ้าตัวก็รีบยกกระเป๋าเป้ขึ้นพาดบ่าก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินออกจากห้องไปในทันที
“อ้าวเฮ้ย! ไอ้เจฟ!"
ท้องถนนช่วงสี่โมงครึ่งเกือบจะห้าโมงเย็นนั้นเต็มไปด้วยรถรา บนรถเมล์เองก็อัดแน่นไปด้วยบรรดานักเรียนนักศึกษาและคนวัยทำงาน และเพราะว่าภายนอกหน้าต่างรถเมล์นั้นแทบไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด จิรภัทรจึงคว้ามือถือของตัวเองขึ้นมาไถเล่นแก้เบื่อ
เขาแตะหน้าจอไปที่แอปพลิเคชันแชทสีเขียวยอดฮิตก่อนจะพิมพ์อะไรลงไปในช่องแชทช่องหนึ่งและกดส่ง
Jeff Jiraphat
‘อย่าดื่มเยอะนะครับ’
ไร้วี่แววของอีกฝ่าย ไม่มีแม้แต่สัญญาณของการกดอ่านข้อความ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายนั้นคงจะยังไม่เลิกงานเลยไม่ว่างอ่านแชท จิรภัทรนั่งมองหน้าจอมือถือของตัวเองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกดปุ่มล็อคหน้าจอให้มันดับไป
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถเมล์ก็พาเขามาถึงป้ายที่อยู่ใกล้กับบ้านเขาที่สุดเสียที เด็กหนุ่มแวะซื้อข้าวกะเพราไข่ดาวจากร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอยไว้เป็นมื้อเย็น และตัดสินใจซื้อข้าวหมูทอดไข่ดาวเผื่อเอาไว้ให้คนอายุมากกว่าด้วย แม้รู้ดีว่าเย็นนี้อีกฝ่ายคงไม่กลับมากินมันก็ตาม
ภายในบ้านเงียบสนิท จิรภัทรถอดรองเท้าและถุงเท้าออกก่อนจะเดินตรงไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น เขาทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะตัดสินใจเปิดทีวีเพื่อทำลายความเงียบ
ขณะเดียวกันเองนั้น ความรู้สึกหงุดหงิดในใจเขาก็ค่อย ๆ ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เขาไม่ได้อยากทำแค่นั่งรอให้อีกฝ่ายกลับบ้านมาเองแบบนี้เลยสักนิด
สมาร์ทโฟนในมือของเขาถูกล็อคหน้าจอสลับกับปลดล็อคครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของการอ่านแชทจากอีกฝ่ายเลย จิรภัทรถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกินมื้อเย็นที่หน้าทีวี
ติ๊ง!
ในที่สุดเสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่วางอยู่ไม่ไกลจากจานข้าวนั้นก็ดังขึ้น และมันก็ทำให้เด็กหนุ่มรีบวางช้อนข้าวในมือลงก่อนจะคว้ามันมาปลดล็อคก่อนจะอ่านข้อความที่อีกฝ่ายตอบกลับมา
Dandanai
‘รับทราบครับคุณหลานที่เคารพ กระผมจะดูแลตัวเองอย่างดี’
*สติ้กเกอร์ตะเบ๊ะรับคำสั่ง*
Jeff Jiraphat
‘ถ้าไม่ไหวยังไงก็โทรมาบอกผมนะ’
‘เดี๋ยวผมไปรับ’
Dandanai
‘ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวน้าให้เพื่อนไปส่ง’
Jeff Jiraphat
‘ใครมาส่งเหรอครับ?’
Dandanai
‘น้าจอห์นมั้ง’
‘ต้องดูก่อนว่าน้าจอห์นเมาด้วยรึเปล่า’
‘ถ้าเมาก็คงกลับแท็กซี่อะ แต่เจฟไม่ต้องมานะ’
‘มันดึกแล้ว เด็ก ๆ นั่งแท็กซี่คนเดียวค่ำ ๆ มันอันตราย’
จิรภัทรเผลอกำสมาร์ทโฟนในมือแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ แดนดนัยไม่เคยแสดงออกถึงความต้องการให้เขาไปดูแลอีกฝ่ายเลยสักครั้ง
คนที่น้าชายของเขายอมให้เข้ามาคอยดูแลนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีอายุมากกว่า หรือไม่ก็ต้องมีอายุที่เท่ากัน ซึ่งเขาไม่แม้แต่จะเข้าข่ายเลยด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาในสายตาของอีกฝ่ายนั้นก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ
เป็นเด็กชายจิรภัทรวัยแปดขวบของน้าแดน
Jeff Jiraphat
‘ครับ’
เขาได้แต่พิมพ์ตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะกดปุ่มล็อคโทรศัพท์และวางมันคว่ำหน้าลง ทว่าผ่านไปไม่กี่อึดใจเขาก็คว้ามันขึ้นมาปลดล็อค และคราวนี้แอปพลิเคชันที่เขาเลือกกดเข้าไปนั้นคือแอปพลิเคชันโซเชียลสีน้ำเงิน
เขากดเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ส่วนตัวของแดนดนัย และเมื่อไม่พบความเคลื่อนไหวใด ๆ เขาจึงค่อย ๆ ไล่หารายชื่อเพื่อนสนิทของอีกฝ่ายที่น่าจะไปงานวันเกิดของจารุกิตติ์ด้วยกันในเย็นวันนี้
กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ แบตโทรศัพท์ของเขาใกล้จะหมดไปแล้วรอบหนึ่ง ในที่สุดเขาก็เจอสิ่งที่หาอยู่
หญิงสาวคนหนึ่งอัพรูปเซลฟี่ของตัวเองกับจารุกิตติ์ลงในหน้าโปรไฟล์ของเธอ พร้อมกับแคปชันสุขสันต์วันเกิดและคำอวยพร แต่สิ่งที่จิรภัทรสนใจไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น เขาไม่ได้อยากรู้ว่าใครจะไปงานวันเกิดบ้าง และไม่ได้อยากรู้ว่าด้วยเจ้าของงานจะได้รับคำอวยพรว่าอย่างไร
แต่สิ่งที่เขาสนใจน่ะคือที่ตั้งของร้านที่จารุกิตติ์ใช้การจัดงานวันเกิดที่หญิงสาวคนนั้นแท็กมาในสถานที่นั่นต่างหาก
เด็กหนุ่มเหลือบมองเวลา นี่ก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว
เขาปิดทีวีในทันที คว้ากุญแจบ้านและกระเป๋าสตางค์ของตนมาถือก่อนจะเดินออกไปโบกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย เมินเฉยต่อถ้อยคำเป็นห่วงของน้าชายที่ส่งมาให้เมื่อเย็น
เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็พาตัวเองมาถึงหน้าผับที่เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดของจารุกิตติ์จนได้
แต่เพราะเขาอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเข้าผับ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เด็กหนุ่มทำได้จึงมีแค่ยืนรอน้าชายของตนอยู่ด้านนอก
แม้มันจะน่าเจ็บใจแต่เขาก็ไม่นึกรั้นอยากจะเข้าไปด้านใน เขารู้ดีว่าหากถูกจับได้ขึ้นมา ท้ายที่สุดแล้วคนที่เดือดร้อนและเสียใจที่สุดก็คงไม่พ้นน้าชายเพียงคนเดียวของเขา
จิรภัทรไม่อยากให้แดนดนัยรู้สึกผิดหวังในตัวเขา
เด็กหนุ่มตัดสินใจคว้ามือถือของตนขึ้นมาและกดโทรออกไปหาอีกฝ่าย เสียงสัญญาณมือถือดังอยู่หลายอึดใจ ในที่สุดก็มีคนรับสาย
[เจฟเหรอ? โทรมามีอะไรรึเปล่า?]
ทว่าเสียงทุ้มที่มาจากปลายสายนั้นกลับไม่ใช่เสียงของแดนดนัยอย่างที่ควรจะเป็น เด็กหนุ่มนิ่วหน้า ความรู้สึกไม่พอใจก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
เขาจำได้ว่านั่นคือเสียงของจารุกิตติ์
[อื้อออ เจฟโทรมาเหรอออ บอกให้ อึ้ก! นอนก่อนได้เลย ม่ายต้องรอออ]
ก่อนที่เสียงอ้อแอ้ของแดนดนัยที่เขาจำได้ขึ้นใจมากที่สุดจะดังลอดเข้ามา จิรภัทรในยามนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการข่มความโกรธอันไร้ที่มาที่ไปของตัวเองเอาไว้
เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์โกรธใครเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นจารุกิตติ์หรือแดนดนัย
“น้าแดนครับ ผมว่าน้าเมาแล้วนะ กลับบ้านกันดีกว่าครับ ตอนนี้ผมรออยู่ที่หน้าร้าน”
เขาบอกตัวเองไม่ให้เผลอเอ่ยเสียงห้วนใส่คนปลายสาย
[อะไรนะ ตอนนี้เจฟ...อึ้ก! เจฟอยู่หน้าร้านเหรอ เจฟมาทำไม น้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอไงว่าไม่ต้องมาน่ะ]
เสียงอ้อแอ้ของแดนดนัยเจือแววดุอยู่นิดหน่อย และนั่นก็ทำให้คนฟังอย่างเขาหลุดหัวเราะหึเบา ๆ ในลำคอ
“น้าเมาจนเสียงยานขนาดนี้ ให้ผมมารับนี่แหละดีแล้วครับ จะได้ไม่เถลไถ--”
“เจฟ!"
ทว่าไม่ทันที่เขาจะทันได้พูดจนจบประโยค ร่างผอมโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ยออกมาจากกางเกงแสล็คจนหมดความเรียบร้อยร่างหนึ่งก็เซถลามาหาเขา
“อย่าเพิ่งดุผม” จิรภัทรรีบอ้าแขนรับร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ “เมาจนขาเปลี้ยแบบนี้ผมว่าเรากลับบ้านกันดีกว่านะ”
“แดน! เราลืมกระเป๋าแน่ะ” จารุกิตติ์ที่รีบวิ่งตามออกมารีบเอ่ยเรียกรุ่นน้องของตน “อ้าว เจฟ"
เพราะแดนดนัยผลุนผลันออกมานอกร้านจนลืมของ เขาจึงต้องรีบวิ่งตามออกมา ในตอนแรกเขารู้สึกงุนงงไม่น้อยที่จู่ ๆ รุ่นน้องคนสนิทก็ขอกลับก่อนอย่างกะทันหัน ทั้งที่ในตอนแรกนั้นตกลงกันเสียดิบดีว่าจะให้เขาไปส่งที่บ้าน ทว่าเมื่อเขาเห็นคนที่กำลังช่วยหิ้วปีกแดนดนัยอยู่ในขณะนี้เขาจึงได้เข้าใจ
เป็นเพราะเจ้าเด็กนี่อีกแล้วสินะ…
“สวัสดีครับ”
เพราะแขนทั้งสองของเขาถูกใช้ไปกับการช่วยพยุงร่างของแดนดนัย เด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงแค่ก้มศีรษะทักทายคนอายุมากกว่า
“มารับแดนเหรอ?”
“ครับ” เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะเอื้อมมือไปรับกระเป๋าทำงานของแดนดนัยมาสะพาย “ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลน้าแดนให้ผม”
“ไม่เป็นไร แล้วนี่…จะให้น้าไปส่งไหม?”
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมดูแลน้าของผมต่อเอง น้าจอห์นกลับเข้าไปสนุกกับเพื่อนๆ ต่อเถอะครับ”
“อ่า…”
จารุกิตติ์ได้แต่จำยอมรับการปฏิเสธจากจิรภัทร เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยรับมือกับเด็กคนนี้ถูกเลยสักครั้ง
“ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดนะครับ”
“ขอบใจนะ ฝากดูแลแดนด้วย”
“ครับ” จิรภัทรรับคำ “ผมดูแลน้าแดนของผมดีอยู่แล้ว น้าจอห์นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
นั่นจึงทำให้จารุกิตติ์ทำได้แค่เพียงยืนรอส่งจิรภัทรและแดนดนัยที่หน้าร้าน จนกระทั่งทั้งคู่ก้าวขึ้นรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้วเขาจึงกลับเข้าไปเลี้ยงฉลองต่อกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ด้านใน
จิรภัทรพยุงร่างผอมโปร่งแดนดนัยขึ้นไปบนห้องนอนอย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะตัวสูงพอกันกับเขา ทว่ากลับตัวผอมกว่าหลายเท่านัก
เด็กหนุ่มค่อย ๆ วางร่างของคนอายุมากว่าลงบนเตียง
ใบหน้าของแดนดนัยในยามนี้ขึ้นสีแดงจัดเพราะพิษแอลกอฮอล์ สำหรับจิรภัทรเองแล้วนั้น ภาพแบบนี้เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากยิ่ง
เขารู้มาว่าก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่กับแดนดนัย อีกฝ่ายนั้นถือเป็นเจ้าพ่อปาร์ตี้คนหนึ่งเลยทีเดียว ทว่าเมื่อเขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยอีกฝ่ายก็ตัดสินใจงดออกไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และทุ่มเทเวลาที่นอกเหนือจากการทำงานทั้งหมดให้กับเขา
จิรภัทรใช้นิ้วเกลี่ยข้างแก้มของอีกฝ่ายออกอย่างเบามือ ขณะที่ในใจก็หวนนึกไปถึงวันแรกที่ได้เจอคนตรงหน้านี้
ใครจะรู้...ว่าผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่ตรงมุมศาลาวัดในวันนั้นจะกลายมาเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
“รอแปปนะครับ เดี๋ยวผมไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้”
จิรภัทรกระซิบบอกคนที่กำลังหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงก่อนจะผละไปเตรียมอ่างใส่น้ำสำหรับเช็ดตัวและเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน
เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายก่อนจะถอดมันออกอย่างช้า ๆ จนเรือนผิวขาวเจือรอยแดงจางปรากฎแก่สายตา จิรภัทรใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำบิดหมาดค่อย ๆ เช็ดตามใบหน้าของอีกฝ่าย
“อือออ”
แดนดนัยขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะขยับหน้าหนีสัมผัสเย็นชื้นจากผ้าขนหนูนั้น
“อยู่นิ่ง ๆ หน่อยสิครับ”
จิรภัทรเอ่ยดุด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน ด้วยรู้ดีว่ายังไงแล้วคนที่กำลังหลับอยู่นั้นก็คงไม่มีทางรู้เรื่อง
“อือออ…เจฟเหรอ”
“ครับ ผมเอง”
เขาขานตอบ
“น้าขอโทษนะที่ดื่มจนเมา แล้วก็ต้องมาเป็นภาระของเรา”
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมยินดี
“นี่เจฟ..."
“ครับ?”
“เจฟว่า ช่วงนี้เราสองคน แปลก ๆ กันไปไหม?”
จิรภัทรชะงักค้างครู่ใหญ่ไปเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้า
ว่ากันว่าคนเมามักจะพูดสิ่งที่กักเก็บเอาไว้อยู่ภายในใจ ถ้าอย่างนั้นแล้ว สิ่งที่แดนดนัยกำลังจะพูดต่อจากนี้ก็คือสิ่งที่อีกฝ่ายเอาเก็บเอาไว้ในใจมาโดยตลอดใช่ไหม?
“แปลก…ยังไงเหรอ?”
และนั่นก็ทำให้จิรภัทรเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่กลับย้อนถามเพื่อให้คนที่แทบไม่มีสตินั้นหลุดพูดความในใจออกมา
“ก็…ช่วงนี้น้ารู้สึกเหมือนเราไม่ค่อยได้คุยกัน เจฟก็เงียบลงเยอะ น้า…ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ อึก!” ดวงตากลมของแดนดนัยที่ค่อย ๆ ปรือขึ้นนั้นมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ “น้าไม่ชอบเลย น้า…น้าไม่ชอบ น้าไม่รู้ว่าเจฟไม่พอใจอะไรน้ารึเปล่า เรื่องวันนี้ก็ด้วย จริง ๆ แล้วเจฟโกรธน้าใช่ไหม?”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้โกรธจริง ๆ”
“พอเจฟโตขึ้นแล้วเจฟมีอะไรก็ไม่ค่อยบอกน้าเหมือนเมื่อก่อน หรือ…หรือเจฟไม่ไว้ใจน้าเหรอ เจฟไม่รักน้าแล้วเหรอ”
จิรภัทรในยามนี้ไม่ต่างอะไรกับคนที่น้ำท่วมปาก แม้ว่าเขาอยากจะตะโกนบอกว่าเขารักคนตรงหน้ามากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่เก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจด้วยความอึดอัด ยิ่งต้องมานั่งฟังอีกฝ่ายเอ่ยตัดพ้อใส่แบบนี้แล้วเขาก็ยิ่งรู้สึกทรมาน
จะให้เขาบอกได้ยังไงกันว่าเขาน่ะ…
ว่าเขาน่ะ ‘รัก’
“ผม…”
“เจฟไม่รักน้าแล้วเหรอ”
“รัก…รักครับ” จิรภัทรคว้าร่างของอีกฝ่ายมากอดเอาไว้ ทำนบความอดทนของเขาพังทลายลงในทันที “เจฟรักแดน รักที่สุด”
แดนดนัยฝังใบหน้าลงบนบ่าของจิรภัทรก่อนจะสะอื้นออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยิน
“ฮึก...น้าก็รักเจฟนะ”
จิรภัทรกระชับอ้อมกอดของตัวเองแน่นขึ้น
ไม่…มันไม่ใช่แบบนี้...
เขารักแดนดนัย รักอย่างที่คนผู้ชายหนึ่งจะสามารถรักใครสักคนได้ รักอย่างที่ต้องการดูแลปกป้อง ต้องการเป็นเจ้าของ ต้องการครอบครอง
ไม่ใช่รักแบบคนในครอบครัวอย่างที่แดนดนัยรัก
แดนดนัยหลับไปแล้ว จิรภัทรค่อย ๆ วางอีกฝ่ายลงบนเตียงก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยคราบน้ำตาที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายออกอย่างสุดถนอม ปลายนิ้วโป้งของเขานั้นไล้วนบนกลีบปากของคนที่กำลังหลับอย่างแผ่วเขา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ประทับจูบลงบนริมฝีปากอิ่มนั้น ละเลียดชิมความหอมหวานอย่างใจเย็น ตักตวงความสุขที่เขาขโมยมันมาอย่างลับ ๆ ณ ขณะนี้ให้ได้มากที่สุด และพยายามเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ทั้งหมดเอาไว้ในความทรงจำ
เพราะนี่อาจเป็นโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวที่เขาจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
หัวใจของจิรภัทรเต้นระส่ำ
ในคืนนี้ เขาได้ตัดสินใจก้าวข้ามไปยังแดนต้องห้ามที่แสนเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณ ทว่ามันก็ช่างหอมหวนและหวานล้ำเกินกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกนี้ที่เขาเคยได้สัมผัสเช่นกัน
[end.]
____________________________________________________________________________________________________
วินวิน - วิน วัชระ
มีหลายเหตุผลที่ทำให้เราจบลงที่จูบ
น้าแดนเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวของเจฟ
และคนที่รู้สึกเกินเลยก็มีแค่เจฟเท่านั้น
เราอยากจบแบบที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังไปต่อได้
เพราะถ้าหากว่าก้าวข้ามไปแล้ว จุดจบมันไม่มีทางสวยงามแน่นอนค่ะ
#allislovefic
ปล. จัดเรท R-18 เพราะมีเนื้อหาที่ผิดศีลธรรม
how to comment ใน minimore
รู้สึกว่ามันยังไปต่อได้ สงสารน้องเจฟฟฟฟ อยากอ่านต่ออยากเอาใจช่วย เราพร้อมจะบาปไปกับน้อง ไปดีบไรท์นะคะ?
ตอนนี้บิ๊วความอึดอัดของเจฟที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดวันได้ดีมากเลย เจฟคิดอะไรอยู่ เราก็อึดอัดตามเลยค่ะ แล้วตอนที่เจฟออกไปรับแดน พยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าจอห์น กับตอนดูแลแดนก็คือกร๊าวใจได้ไม่เต็มที่เพราะมันหน่วงกว่า ฮือออออ ละตอนสารภาพรักว่าเจฟรักแดน แต่แดนตอบกลับมาว่าน้าก็รักเจฟ... ก็เหมือนที่โดนตอกย้ำมาตลอดเรื่องแหละนะคะว่ารักคนละแบบกัน แต่พอเจฟต้องมาฟังชัดๆ ก็สงสาร
สุดท้ายจบแบบตัวละครน่าสงสารจริงด้วย ซึ่งก็สมเหตุสมผลแล้วกับการดำเนินเรื่อง แต่อีกใจนึง เราก็ยังอยากลุ้นภาคต่อเพราะไรต์บอกว่ามันยังไปต่อได้ ไหนๆ ก็ยังมีอดีตของแดนที่มาแบบเหมือนเป็นทีเซอร์ ฮ่าๆๆ ถ้าแดนเคยชอบปาร์ตี้แต่ยอมทุ่มเวลาทั้งหมดเพื่อเจฟแทน เราก็อยากจะเดาว่าแดนทั้งรักหลานและน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นมั้ยนะ เช่น เรื่องแม่ของเจฟ
ขอบคุณสำหรับอีกหนึ่งผลงานดีๆ นะคะ อินอีกแล้ว บิ๊วได้เยี่ยมจริงๆ ค่ะ