เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Seven rooms : 7 สิ่งเร้นลับในโรงเรียนHacker Dewdie
บทที่ 8.5 : นอกเหนือตำราเรียน (ตอนจบ)

  •           สายลมเย็นพัดพลิ้ว จากฟากฝั่งหนึ่งของท้องฟ้า เข้ามาแทนที่อากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน ใบไม้ ใบหญ้าพัดปลิวไสวโยกย้ายส่ายไปส่ายมาราวกับสาวเต้นระบำ  ใบไม้แก่ๆ จากต้นพะยูงที่ถูกแรงลมพัดหลุดจากขั้วก้านใบ ร่วงหล่นลงสู่ดิน ทาพื้นสนามหญ้าเป็นสีน้ำตาลเป็นช่วงๆ


               "พี่ภพธรคะ หนูขอเวลาคุยกับพี่ได้ไหมคะ"  หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดต่อหน้ากลุ่มของ
    พลกฤต ภพธร และยุทธไกร ในระหว่างที่พวกเขาทั้งสามคนกำลังเดินไปที่ห้องน้ำหลังจากรับประทานอาหารตอนเที่ยงเสร็จเรียบร้อย


               "มีอะไรหรือจินต์จุฑา...ถ้าเป็นเรื่องเก่าๆ พี่ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดถึงมันอีกต่อไปแล้วละ ลืมไปซะเถอะ"


               "แต่นี่คือเรื่องสำคัญเลยนะพี่ หนูต้องการคุยกับพี่"


               "เออๆ งั้นก็ได้" ภพธรตอบตกลง หันไปหาพลกฤต ยุทธไกร และยื่นกระเป๋าให้ยุทธไกร "เออ งั้นกูขอเวลาสักครู่นะพวกมึง แล้วเดี๋ยวเจอกันที่ห้องน้ำ"


               จินต์จุฑาเดินนำหน้าภพธรมาจนถึงข้างอาคารเรียนที่ 1 ซึ่งเป็นอาคารเรียนครึ่งปูนครึ่งไม้ จินต์จุฑาเดินหาที่เป็นมุมอับ ที่ลับหูลับตาคน 


               "เอาล่ะ...ไหนบอกมาซิ น้องมีเรื่องสำคัญอะไร"


               "เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมคะพี่ หนูขอร้อง หนูกลัว หนูไม่อยากอยู่คนเดียว ทั้งชีวิตและหัวใจหนูก็ทุ่มเทให้พี่หมดแล้ว หนูไม่เหลือใครแล้ว ได้โปรดเถอะพี่"


               "ก็บอกแล้วไงว่าพี่กลับไปไม่ได้ ทำไมเข้าใจยากจัง จบก็คือจบ"


               "ทำไมพี่ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ  ไหนที่พี่บอกว่าพี่จะรักหนูคนเดียว แล้วก็ไม่มีวันทิ้งหนูนี่นา"


               "จินต์จุฑา... เรื่องมันจบไปแล้ว เลิกก็คือเลิก เข้าใจไหม ถ้าน้องต้องการจะคุยเรื่องนี้นะ ต่อไปพี่ก็จะไม่คุยด้วยแล้ว และจะไม่เป็นพี่เป็นน้องกันอีกต่อไป ลาล่ะ" ภพธรหันหน้าหนี


               "เดี๋ยวสิพี่"  จินต์จุฑารีบเอามือโอบเอวภพธร เอาหน้าแนบหลังภพ และร้องไห้เสียงสะอื้นตามมา "พี่จะไปไหนไม่ได้นะ ถ้าพี่จะทิ้งหนู หนูกับอีกชีวิตหนึ่งที่อยู่ในตัวของหนูจะอยู่กันอย่างไร"


               "หมายความยังไง..."


               "......."


               ภพธรทิ้งคำถามไว้และไม่มีเสียงตอบรับจากจินต์จุฑาเลย บรรยากาศโดยรอบๆ เงียบสงัด ไม่มีเสียงจากรอบข้าง ไม่มีลมพัดผ่านมา ชวนให้เกิดความรู้สึกวังเวง ภพธรยืนนิ่งเฉยๆ ส่วนจินต์จุฑายังคงสวมกอดภพธรเอาไว้  และแล้วภพธรจับแขนของจินต์จุฑาและสลัดออกจากเอว หันหลังกลับ เอามือแตะคางของจินต์จุฑาและเผยผลักออกให้เห็นใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา


                "นี่น้อง..."


                "......."


                จินต์จุฑาเอามือปาดน้ำตาครู่หนึ่ง หลังจากจึงเอามือล้วงกระเป๋ากระโปรง กำแผ่นกระดาษยาวๆ เล็กแสดงให้ภพธรดู แต่ละแผ่นกระดาษมีเส้นขีดไว้จำนวนสองเส้น ภพธรมองแล้วอยู่นานแล้วก็เกิดอาการตกใจ หน้าซีด 


               "ไม่จริง ไม่ ไม่ พี่ไม่เชื่อ" ภพธรตอบด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน "น้องไปเอาของใครมา น้องโกหกพี่ใช่ไหม เราเลิกกันไป 2 เดือนแล้วนะ พี่ก็คงไม่ได้ทำอะไรกับน้อง  น้องไปทำกับใครหรือเปล่า"


               "ทำไมพี่พูดอย่างนี้กับหนู  เท่าที่คบกันมา หนูเคยโกหกพี่ด้วยเหรอคะ  นี่หนูซีเรียสนะคะพี่" จินต์จุฑามองหน้าภพธรด้วยความเกรี้ยวกราด ทำให้ภพธรนิ่งไปชั่วครู่


               "คือว่า......." ภพธรตอบด้วยน้ำเสียงที่อ้ำอึ้ง และหลบสายตา "ถ้าหากพี่ทำใครท้อง พี่ก็ยอมรับด้วยเกียรติลูกผู้ชายนะ...แต่ขอเวลาให้พี่หน่อย พี่จะได้มั่นใจว่าน้องท้องจริงๆ ถึงเวลานั้นพี่จะดูแลน้องเอง"


               หลังจากที่ภพธรพูดจบ ภพธรลูบหัวของน้องจินต์จุฑาความเอ็นดู ทำให้จินต์จุฑาโอบกอดภพธรอีกครั้ง เอาหน้าซบที่อกอย่างเหมือนเก่า








  •            "มึงคิดว่ามึงรับผิดชอบน้องเขาไหวเหรอ"  พลกฤตถามภพธรที่กำลังพ่นควันบุหรี่ยาวๆ 


               "กูไม่รู้เหมือนกันว่ะ" ภพธรตอบ  "กูก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้กูเครียดเป็นอย่างมาก นอนไม่หลับหลายคืนแล้ว กูก็ได้แต่อวยพรว่ามันไม่ใช่เป็นอย่างนั้น ถ้าเกิดว่าน้องเขาท้องกับกูจริงๆ กูยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเลย"


               "แล้วตอนที่มึงมีอะไรกัน มึงไม่คุมเหรอ"


               "ก็น้องเขาบอกกับกูเองนี่นาว่าน้องเขาอยู่ในระยะปลอดภัย แถมตอนท้ายกูก็เตรียมยาคุมฉุกเฉิน และหยิบให้น้องเขากินต่อหน้ากูเข้าไปแล้วนะ กูว่าคงไม่น่าจะพลาดตั้งท้องได้หรอก มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ๆ"  


               "........."


               "แล้วถ้าเป็นมึง มึงควรทำยังไงดีว่ะ"


               "ใจเย็นๆ กูคิดว่า ในช่วงนี้มึงก็ควรจับตาดูน้องจินต์จุฑาไว้ก่อนนะ ถ้ามีอะไรที่มึงหนักใจ มึงก็โทรมาปรึกษากับพวกกูได้เสมอ กูยินดีช่วยมึง"


               "ขอบใจเว้ย" ภพธรตอบด้วยสีหน้าที่โล่งขึ้น "พวกมึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ดีนะ แล้วอย่าบอกให้ใครรู้ โดยเฉพาะน้องแพรของกู ถ้าน้องเขารู้ว่ากูผ่านใครมา กูจะอยู่ลำบาก"


               "โอเค"



     ............


               เหตุการณ์ทุกอย่างภายในโรงเรียนดำเนินไปเรื่อยๆ ดอกไม้ในโรงเรียนบานสะพรั่งเพื่อต้อนรับเทศกาลเข้าสู่ช่วงใกล้สอบปลายเทอม นักเรียนหลายคนๆ จับจองห้องสมุด ลานว่าง และโต๊ะม้านั่งหินอ่อนเพื่อสนทนา ติวหนังสือ เพื่อเตรียมตัวสอบ  ผิดกับนักเรียนทั้งสามคนอย่างพลกฤต และยุทธไกรที่ยังมีเวลาว่างหนังอ่านหนังสือการ์ตูน และภพธรที่ยังคุย หยอกล้อ เล่นกับแพรวา ซึ่งเป็นแฟนคนใหม่ของเขา


               เสียงออดของโรงเรียนดังขึ้น เป็นสัญญาณเตือนบอกให้ทราบถึงช่วงเวลาเข้าเรียนตอนบ่าย
    พลกฤตและยุทธไกรเก็บหนังสือการ์ตูนใส่ในกระเป๋าและเตรียมตัวขึ้นห้องเรียน ส่วนภพธรฝากกระเป๋าให้พลกฤตนำไปจองที่นั่งในห้องเรียน ส่วนตัวภพธรเองก็ช่วยถือกระเป๋าของแพรวา เดินไปส่งแพรวา


               ในระหว่างทางเดินกลับมายังอาคารเรียนที่ภพธรใช้เรียนในคาบต่อไปนั้น ภพธรเจอกับจินต์จุฑาที่ดักรออยู่หน้าอาคารเรียนอีกครั้ง จินต์จุฑาเห็นพบภพธรเดินเข้ามา เธอจึงเดินเข้าไปหาภพธรด้วยความมุ่งมั่น


               "พี่....พี่ทำอย่างนั้น หนูเสียหายนะรู้ไหม"


               "อะไร เสียหายยังไง ตอนไหน"


               "ก็พี่ดันไปประกาศกับเพื่อนหนูว่า การได้หนูคือเกียรติยศของพี่ แล้วพี่ไม่คิดจะให้เกียรติหนูบ้างเลยหรือไงคะ"


               "น้องอยากได้เกียรติจากพี่ แต่ทำไมน้องไม่ให้เกียรติพี่บ้างล่ะ กี่ครั้งแล้วที่น้องต้องมาพบมาเจอพี่แบบหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้ มันมากเกินไปไหม น้องไม่เห็นหรือไงว่าพี่ก็มีคนใหม่แล้ว จะให้เขามาเห็นพี่ยืนคุณกับน้องเนี่ย เดี๋ยวมันก็มีปัญหาตามมา พี่ขอร้อง อย่ามาตามตื้อตอแยพี่เลย ตื้อไม่สามารถครองโลกได้หรอก พี่รำคาญ จะไปไหนก็ไป"


               "แล้วพี่จะไม่รับผิดชอบเด็กที่อยู่ในท้องเหรอ"


               "ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รับผิดชอบ แต่พี่ก็พยายามทำในหน้าที่ที่พี่พอจะทำได้"


               "แล้วการที่พี่นิ่งเฉย ไม่ติดตาม ถามหา โทรไปหาก็ไม่รับ ซ้ำยังตัดสายหนูแบบนี้ นี่คือสิ่งที่พี่บอกว่าพี่รับผิดชอบหนูเหรอ"


               "น้องไม่เป็นพี่ น้องก็ไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องทำตัวยังไง น้องยังคิดแบบน้อง น้องยังโลกสวย หัดมองโลกให้กว้างกว่านี้บ้างสิ  น้องเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนนะ ถ้าคนในโรงเรียนเขารู้ว่าน้องท้อง น้องเสียชื่อเด็กกิจกรรมนะ"


               "อ่าว...หมายความว่ายังไง แล้วพี่จะปล่อยให้หนูอยู่แบบนี้เหรอ"


               "ใจเย็นๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่ได้มีแค่น้องคนเดียว พี่เองก็โดนด้วย ถ้าน้องเดินเกมไม่ดี มันก็ส่งกระทบต่อพี่ และตัวน้องเองด้วย ฉะนั้นใจเย็นก่อน ตั้งสติแล้วค่อยคิดหาทางออกร่วมกัน"  


               "หนูไม่ใจเย็นแล้วนะพี่"  จินต์จุฑาตอบด้วยสิ่งหนักแน่น "พี่จะให้หนูรอไปถึงไหน เด็กในท้องก็โตขึ้นทุกวัน แล้วจะพี่จะให้หนูทำยังไง ทุกวันนี้พีี่ก็เอาแต่ปัดให้พ้นๆ แล้วนี่หรือที่บอกว่าพี่จะรับผิดชอบในตัวหนูนะ ขนาดหมายังรักลูกตัวเองเลย แล้วทำไมคนอย่างพี่ถึงจะ......"


               ไม่ทันที่จินต์จุฑาพูดจบ ภพธรผลักอกจินต์จุฑา จนเซและล้มคว่ำลงไปกับพื้น


               "หุบปากหมาๆ ของมึงไปเลย  แล้วไสหัวออกไปจากชีวิตกูซะ"


               ".........................."




               "ของก็ของของมึง  ท้องก็ท้องมึง  มึงก็ตัดสินใจยอมให้กูเอง จะให้กูต้องรับผิดชอบแค่ไหนถึงจะพอใจ  ให้มึงไปบอกพ่อแม่ มึงก็อ้างว่าไม่อยากบอกกลัวท่านเสียใจ นี่มึงก็คิดแบบลูกผู้หญิง ตัดสินใจแบบผู้หญิง โดยไม่ดูคำนึงถึงส่วนรวมเลย กูไม่รู้ละ เรื่องของมึง มึงจะทำอะไรก็เชิญเลย กูไม่พร้อมอยู่แล้ว"


               "ไอ้ผู้ชายหน้า ---  มึงมันผู้ชายเฮงซวยที่สุดเท่าที่กูเจอมา"


               "พอใจแล้วหรือยังไอ้ห่า.... กูจะไปเรียนละ"

               


  •            หลายวันถัดมา


                "ฮัลโหล...จินต์จุฑาเหรอ" 


               "พี่........"


               "พี่จะบอกหนูว่า พี่ขอโทษที่ทำแบบนั้นกับน้อง พี่ผิดไปแล้ว พี่ขอโทษจริงๆ"


               "............."


               "จะมาทำร้ายหนูอีกใช่ไหม งั้นแค่นี้ล่ะ"


               "จินต์จุฑา  เดี๋ยว!! เดี๋ยวก่อน!!"

               
               "มีอะไรอีกเล่า...."


               "ฟังพี่ก่อนนะ น้องจะไม่ยอมยกโทษให้พี่ พี่ก็เข้าใจ ไม่เป็นไร พี่ก็อยู่ส่วนพีี่ น้องก็อยู่ส่วนน้อง แต่พี่ก็รู้ว่าก็ไม่อยากให้น้องต้องแบกรับภาระเรื่องของลูกเอาไว้ มันหนักหนาสาหัสกับน้อง และพี่อยากช่วยเหลือน้องในฐานะครั้งสุดท้าย จะได้ไหมล่ะ"


               "แล้วพีี่จะช่วยเหลือยังไง"


               "พรุ่งนี้ตอนเที่ยง น้องมาเจอกับพี่ได้ไหมละ ไม่ต้องพาเพื่อนมานะ มาเจอกันแค่พี่กับน้องก็พอ"


               "พี่จะทำร้ายหนูอีกไหมล่ะ"


               "พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำร้ายน้องอีกแล้ว ถ้าน้องไม่เชื่อพี่ น้องก็ไม่ต้องมาก็ได้ พี่ก็เข้าใจน้องนะ"



               เที่ยงของวันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันแรกของการสอบภาคทฤษฎี หลัังจากการสอบในช่วงเช้าจบลง นักเรียนเริ่มทยอยไปกินข้าวกลางวัน และทำกิจกรรมส่วนตัว ส่วนใหญ่ตั้งกลุ่มติวหนังสือ ยกเว้นจินต์จุฑาที่ขอเพื่อนๆ ไปเข้าห้องน้ำ เพื่อไปเจอภพธรที่หลังห้องน้ำ อาคารเรียน 1


               "มีีอะไร!! ว่ามา!! เร็วๆ น้องจะรีบไปธุระอีก"


               "ใจเย็นนา น้องจินต์จุฑาเอางีี้ น้องรู้จักสิ่งนี้หรือเปล่า" ภพธรล้วงกระเป๋ากางเกง และแสดงกล่องกระดาษให้จินต์จุฑาดู "นี่เป็นยาขับเลือดสำหรับน้อง น้องต้องใช้สิ่งนี้เพื่อเอาเด็กออกมา ส่วนคู่มือคำแนะนำใช้ยาพี่ก็ให้หมอเขาเขียนไว้อยู่ภายในซองแล้ว"


               จินต์จุฑาพลิกแผงยาไปมา และก็จ้องมองหน้าภพธรด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว


               "พี่จะให้หนูทำแท้งเนี่ยนะ....นี่วิธีการของพี่เหรอ พี่จะฆ่าเด็กได้ลงคอหรือไง ไม่กลัวบาปเหรอ"


               "น้อง..คิดดูนะ" ภพธรตอบด้วยเสียงที่ดุดัน "พี่รู้ว่าพี่กำลังทำบาป แต่น้องล่ะ น้องจะบาปแค่ตัวน้องคนเดียว หรือจะปล่อยให้เด็กเกิดมาโดยไม่มีพ่อ โตมาในสภาพที่ครอบครัวมีปัญหา โดยที่เขาไม่ได้รู้เรื่องเลยล่ะ"

               
               "..........."


               "ถ้าน้องท้องโตกว่านี้ พ่อแม่จะอยู่กับสังคมยังไง น้องเองก็อายุเท่านี้ น้องจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไหวเหรอ ไหนจะค่ายา ไหนจะค่านมอีก น้องยังไม่มีการมีงานทำเลย จะไปยื่นสมัครด้วยวุฒิ ม.3  จะมีค่าใช้จ่ายเลี้ยงลูกเพียงพอเหรอ" 


                "จะให้พี่รับบทเป็นพ่อคน  มันก็เกินความสามารถของพี่  ทั้งพี่และตัวน้องเองก็ต้องเรียนให้จบมัธยม และเรียนต่อในระดับมหาลัย จะให้เราสองคนต้องลาออกไปเลี้ยงเด็กแล้วกลับมาใช้ชีวิตเรียนอีกครั้ง มันจะเสียเวลาเกินไป อย่าคิดอะไรที่มันง่ายๆ เลย  พี่ช่วยเต็มที่แล้วนะ  จะให้พี่เป็นบทพ่อพี่ก็ไม่เอาด้วย ถ้าน้องไม่อยากกินก็แล้วแต่น้อง พี่ก็ไม่ว่าอะไร  จากนี้ไปก็ทางใครทางมัน"


               ภพธรเดินจากจินต์จุฑาโดยไม่หันมามองเลยแม้แต่นิดเดียว




  •           เช้าวันรุ่งขึ้น  จินต์จุฑาใส่ผ้าปิดปากเดินเข้ามาในโรงเรียน เพื่อนๆ เห็นดังนั้นจึงเข้าไปถามจินต์จุฑา แต่เธอตอบว่าเธอมีอาการไม่สบายตั้งแต่ตอนเย็น  แต่เธอก็ยังฝืนมาทำข้อสอบเพราะไม่อยากไปสอบนอกตารางเรียน  ทุกครั้งทีี่เธอทำแบบทดสอบ บางครั้งเธอเอามือกุมศีรษะ  บางครั้งก็คลำหน้าท้อง บางครั้งเธอก็ร้องไห้ไปด้วย บางครั้งเธอก็เอามือบีบแขนอีีกข้าง  บางครั้งเธอเข้าห้องน้ำบ่อยมาก บางครั้งก็มีอาการวูบหลับในขณะสอบ  เหตุการณ์เหล่านั้นผ่านไปได้ 4 วัน  จนเวลาสอบในช่วงเช้าหมดลง  จินต์จุฑารีบส่งข้อสอบตัวเองให้ครูผู้คุมสอบ และหลังจากนั้นก็บอกกับเพื่อนๆ ของเธอว่า เธอจะไปห้องน้ำแล้วเจอกันที่โรงอาหาร 


              จินต์จุฑาเอาของไปเก็บในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว  และถือกระเป๋านักเรียนด้วยความเร่งรีบ


              "เดี๋ยวก่อน จะรีบไปไหนล่ะ ค่อยๆ เดินก็ได้ เธอก็ป่วยอยู่นะ" เพื่อนชายในกลุ่มของเธอทักมา "เอางี้ เดี๋ยวเราจะถือกระเป๋าให้เธอเอง  เธอจะได้มีความคล่องตัว แล้วเสร็จธุระแล้วไปเจอกันที่โรงอาหารนะ"


              "ได้สิ...ขอบใจนะเพื่อนรัก นายอย่าทำให้ของมีค่าของฉันหายนะ" 


              จินต์จุฑารีบวิ่งดิ่งไปเข้าห้องน้ำทันทีีและธุระส่วนตัวในห้องน้ำนานมาก จนเพื่อนในกลุ่มกินข้าวเที่ยงเสร็จเรียบร้อย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจินต์จุฑาจะเข้ามาในโรงอาหาร พวกเขาจึงสงสัย และเดินไปยังห้องน้ำหลังอาคารเรียน 1 เพราะเป็นห้องน้ำที่เข้าบ่อยที่สุด  ห้องน้ำทุกห้องเป็นห้องที่เปิดหมด ยกเว้นมีอยู่ห้องน้ำห้องเดียวที่ปิดสนิทและใส่กลอนเอาไว้ เพื่อนโทรศัพท์หาจินต์จุฑา ก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ในห้องน้ำ จึงเข้าใจว่านี่ืคือห้องทีี่จินต์จุฑาเข้าแน่ๆ  แต่ไม่มีการรับสายใดๆ ทั้งสิ้น  เพื่อนตะโกนเรีียกจินต์จุฑาดังลั่น เอามือเคาะก็แล้ว แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบมา จึงตััดสินใจ แยกย้ายไปหาความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ



    .......



              "ลุงบุญส่ง ลุงบุญส่ง"  ผมเรียกลุงบุญส่งที่เป็นภารโรงของโรงเรียนนี้อยู่หลายครั้ง และครั้งที่สามเขาจึงหันมา "ลุงเป็นอะไร ผมเห็นลุงมีสีหน้าและท่าทีทีี่ประหลาดใจตั้งแต่ลุงเข้ามาในห้องแล้ว"


              "ไม่มีีอะไรหรอกหลาน  ลุงก็แค่คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ในโรงเรียนนี้เท่านั้นเอง"  ลุงภารโรงหันหน้ามาตอบรับด้วยใบหน้าที่ดูหม่นหมอง  "ไปกันต่อเถอะหลาน ลุงคิดว่าในห้องนี้คงไม่มีอะไรที่ต้องตรวจแล้วล่ะ"


              "ครับลุง"


              หลังจากนั้นผมและลุงบุญส่งปิดประตูห้องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนแห่งนี้ ลุงบุญส่งใส่กุญแจและเดินถือไฟฉายนำหน้าโดยไม่สบตากับผมเลย 





เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in