เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Slowly consume, shit quick!8dashslash
Japonisme
  • ไม่ได้มาเขียนนานมาก ไม่ใช่ว่าลืมที่นี่ไปแล้วหรืออะไรนะ ประเด็นคือไม่ได้อ่านหนังสือเลยค่ะ!
    เลยไม่มีอะไรจะเอามาเขียนในส่วนนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่เมื่อวานเพิ่งฝืนตัวเองอ่านจบไปได้เล่มนึง
    น่าจะเป็นเล่มแรกของปีนี้เลยแหละ จริง ๆ แล้ว ถ้าไม่นับหนังสืออ่านเล่น หนังสือการ์ตูนอะไรพวกนั้น

    Japonisme

    หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไรกันแน่? ทำไมชื่อมันไม่เห็นสื่อถึงอะไรเลย หรือเราอยากพิมพ์ Japan แล้วพิมพ์ผิดหรือเปล่าฟะ? (อันนี้ส่วนตัว ตอนแรกก็หลงไปอ่านเป็น Japanisme อยู่นานเหมือนกัน) แต่ก็ไม่ผิดเท่าไหร่หรอกที่คำ ๆ นี้จะทำให้เรานึกถึงประเทศญี่ปุ่น.. เพราะมันก็เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นจริง ๆ นั่นแหละ!

    Japonisme เป็นคำจากภาษาฝรั่งเศสสื่อถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมญี่ปุ่นในทวีปยุโรปตอนเหนือในยุคสมัยนึงหลังญี่ปุ่นกลับมาเปิดเสรีการค้า ซึ่งการตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ด้วยคำ ๆ นี้เนี่ย สำหรับเราที่อ่านจบแล้วต้องเรียกว่าเหมาะทีเดียวคือแบบ อ่านจบแล้วรู้เลยว่าหนังสือเล่มนี้ต้องการจะแผ่อิทธิพลนั้น

    ยอมรับเลยว่าเล่มนี้เริ่มต้นอ่านก็เริ่มด้วยความไม่รู้อีกแล้ว พ่อซื้อมาให้อ่านหลังจากที่รู้ว่าเราต้องย้ายไปทำงานที่ญี่ปุ่น ซื้อมายื่นให้แล้วบอกเราแค่ว่า "เอาไปอ่านสิจะได้มีคอนเท้นท์เอามาคุยกับคนที่นู่นเกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น" ซึ่ง.. มันก็เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นจริง ๆ นั่นแหละ แต่แบบ ส่วนตัวไม่คิดว่าพอยท์ของหนังสือเล่มนี้คืออยากพูดถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นเฉย ๆ แต่อยากเอา "วัฒนธรรมญี่ปุ่น" นี้มาเบรคดาวน์ว่าอะไรคือแก่นของวัฒนธรรมนั้น ๆ แล้วมันเชี่ยมโยงกับตัวตนของคนญี่ปุ่นอย่างไร (ขออนุญาตพูดแบบเหมารวมไปก่อน, กรุณาเข้าใจตรงกันว่าเรานับถือในความ individual ของแต่ละบุคคลนะ55555555)

    พูดตรง ๆ ว่าเหนื่อยมากกับการอ่าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่ได้อ่านอะไรมานานหรือเปล่ามันถึงได้ฝืนขนาดนี้ เราเริ่มอ่านมาตั้งแต่ต้นปีอะคิดดู ไม่รู้เป็นเพราะคำแปลภาษาไทยมันแข็งหรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้อีกว่ามันแข็งตั้งแต่ต้นฉบับแล้วหรือเปล่าเวลาอ่านเลยรู้สึกว่าแข็งไปหมด ตอนครึ่งเล่มแรกเลยทรมานมาก รวมถึงอ่านไปเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้คืออะไรกันแน่นะจนกระทั่งเราต้อง question ตัวเอง... แต่พออ่านไปซักครึ่งเล่มก็เริ่มจับทางได้ว่ามันต้องการอะไร อย่างที่เราได้พูดไปในพารากราฟที่แล้ว คนเขียนพยายามเอาแต่ละกิจกรรมของคนญี่ปุ่นมาเชื่อมโยงกับการค้นหาตัวตนของคนเรา มีหลายจุดเหมือนกันที่อ่านแล้วทัช แต่ก็ได้แค่ทัช ณ โมเม้นนั้น เราชอบสิ่งที่เค้าเอามาเบรคดาวน์ให้ดูนะ รู้สึกเราสามารถเอามาใช้ในชีวิตได้หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่อยากลองทฤษฎีใหม่ ๆ ในชีิวิตดู แต่ต้องยอมรับว่าค่อนข้างเป็นแนวคิดสโลว์ ๆ สวย ๆ หน่อย คนที่ชอบอะไรร้อนแรง ๆ ไม่น่าจะชอบ (การันตีจาก.. กูทำยังไงก็อ่านเล่มนี้ไม่จบซะที จนกระทั่งต้องเริ่มต้นวันด้วยการโยคะก่อน จิตใจสงบเสงี่ยมที่สุดแล้วถึงจะอ่านหนังสือเล่มนี้จบได้ -_-)

    ป.ล. บทความนี้ต้องการจำลองให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าความรู้สึกของเจ้าของเอนทรี่ที่มีต่อหนังสือเล่มนี้เป็นยังไง.. ก็คือคุณอ่านบทความนี้จบแล้วคุณรู้สึกยังไงบ้างล่ะ ได้อะไรบ้างมั้ย? ก็นั่นแหละ สิ่งที่เรารู้สึกหลังอ่านจบ ก๊าก 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in