บอกเลยค่ะว่าถ้าคุณต้องการมาหาที่เที่ยว Takayama ในตอนนี้ ...ไม่มีให้คุณได้ศึกษาแน่นอน
ขอนำทุกท่านเช้าสู่วัน.. เที่ยว Takayama ที่ไม่ใช่ Takayama เพลงใหม่จาก Getsunova =_______=;
สืบเนื่องมาจากตอนที่แล้ว เรามาพักที่ Cafe & Guest House Nagonoya ย่านเมืองเก่าในนาโกย่า พอได้นอนก็สดใสขึ้นหน่อย ได้มาเจอบรรยากาศตอนเช้าที่ค่อนข้างแตกต่างจากตอนกลางคืนก็รู้สึกตกหลุมรักมากขึ้นเลยค่ะ
ที่พักจะเป็นตรอกเข้ามาแบบนี้ค่ะ สังเกตจากป้ายก็เห็นได้ง่ายๆ ส่วนป้านสีเขียวก่อนถึงที่พักจะเป็นสถานที่สำหรับฝึกปีนหน้าผาค่ะ (ลงภาพไว้ตอนที่แล้ว รู้สึกจะเปิดถึงตอนดึกเลย)
พอเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไป Check-out ที่ร้านคาเฟ่เดิมก็เรียบร้อยค่ะ พวกเราทั้งสี่คนก็ยกโขยงออกมาเพื่อเดินทางไปสถานีรถไฟ เพื่อจะไปยังจุดหมายของวันนี้คือ Takayama
อันนี้เป็นวิวระหว่างเดินทางไปสถานีรถไฟค่ะ... บรรยากาศน่ารักมาก พร้อมอากาศที่ค่อนข้างหนาวเช่นกัน น่าจะประมาณ 10 กว่าองศา แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ค่ะ! จัดเต็มโดยการใส่เสื้อซ้อนกันสามตัว! รู้สึกถึงชัยชนะของเราต่อธรรมชาติ55555
พอมาถึงสถานี เป้าหมายแรกของพวกเราก็คือ แลก Pass ที่ซื้อมาจากเมืองไทย ครั้งนี้เราใช้ Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass แบบ 5 วัน เป็น Pass ที่ครอบคลุมสถานที่ที่จะไปเที่ยวได้เกือบทั้งหมด ข้อดีของมันคือ เราสามารถจองตั๋ว Nohi bus ไปเที่ยว Shirakawa-go ได้ฟรีอีกด้วย
แต่ข้อเสียคือ ตรงแถบคันไซ ประมาณ Kyoto-Osaka มันจะใช้ได้เฉพาะสถานีหลักๆเท่านั้น หมายความว่าถ้าคุณนั่งรถไฟหวานเย็น แบบ local train จอดทุกสถานี ก็จะใช้ลงสถานีระหว่างเมืองใหญ่ไม่ได้ (นั่นรวมถึงสถานีแบบ Inari Shrine ประมาณนั้นด้วย) ต้องจ่ายด้วย IC Card แยกค่ะ ซึ่งเราพลาดไปจองที่พักแบบอยู่ระหว่างสถานีใหญ่ ก็ต้องเสียค่าเดินทางตรงนั้นไปด้วยค่ะ
สำหรับที่แลก Pass ก็ในสถานนาโกย่าเลยค่ะ จะมี Tourist information ตั้งตระหง่านอยู่กลางสถานี คนที่รับแลกแอบไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ดูดุๆไม่เหมือนกับตอนที่ไปแลกที่นาริตะ -.-;
แต่! แต่! แต่! ถ้ามันไม่มีอุปสรรคก็ไม่ใช่ทริปเราสิคะ...
ลุงผู้ชื่นชอบของมือสองมากๆ เขาอยากไปเดินตลาดหรือย่านที่ขายของมือสองมากๆ ชื่อว่าย่านโอสึ คันโนน (Osu kanon) เป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งเลยที่มาเที่ยวทริปนี้ ที่จริงแพลนไว้ว่าจะต้องไปเมื่อวาน แต่คือเมื่อวานเราทำบัตรICOCAหายแล้วเสียเวลาไปอย่างมากมาย... (รู้สึกผิดขึ้นมาทันที) แล้วถ้าจะปฏิเสธไม่ไปเลยก็ดูจะเสียดายไป เลยต้องพาไปเที่ยวย่านนั้นก่อนไป Takayama ค่ะ... ซึ่งเรารู้สึกลึกๆแล้วล่ะว่าชวด ไม่ได้เที่ยวใน Takayama ที่เราอยากไปแน่ๆT^T
พวกเราทั้ง 4 คนก็เลยยกโขยงไปขึ้นสถานีรถไฟใต้ดิน ไม่รวมใน Pass ที่พึ่งแลกมานะคะ พอนั่งไปถึงสถานี Osu kanon เดินเท้าไปอีกสักพักก็ถึงค่ะ แต่ค่อนข้างเงียบนิดหน่อย ไม่มีทางรู้เลยว่านี่คือย่านช็อปปิ้งถ้าไม่เดินตามกูเกิ้ล สักพักก็ถึงวัด Osu kanon เลยแวะชมสักหน่อยพอเป็นพิธี...
ฉิ่งฉับทัวร์บังเกิดแล้ว... เราแวะได้ไม่ถึง 10 นาทีก็ต้องไปแล้ว แต่ได้เจอกับทัวร์คนไทยที่นี่ด้วยแฮะ เลยได้นั่งฟังไกด์เขาอธิบายรายละเอียดอยู่สักพักแล้วก็ไปต่อ ดีใจที่ยังเจอคนไทยมาเที่ยวเมืองนี้5555
พอได้มาถึงถนนช็อปปิ้งย่านโอสึคันโนนก็ปล่อยลูกทัวร์เดินกันไปเลยค่ะ เราก็มีหน้าที่เดินตาม5555 แต่พอดียังไม่ได้กินข้าวเช้า เลยลุ่มเข้าร้านคาเฟ่น่ารักๆ(?)แห่งหนึ่ง จากการที่ประชุมทีมกันมาแล้วพบว่ามันมีโปรโมงชั่นอาหารเช้า... อ่านไม่ออกหรอก แต่รู้สึกว่ามันจะมี..... ก็เลยลองเ้าไปดูค่ะ.. พนักงานที่นี่น่ารักมาก เหมือนร้านเบเกอรี่มากกว่าร้านอาหาร มีคนญี่ปุ่นอยู่กันเยอะพอสมควรเลย
พอเข้ามาในร้าน แจ้งว่ามี 4 คน พามานั่งปุ๊ป พนักงานก็เอาผ้าเย็นกับน้ำมาให้ แล้วก็แหมะเมนูภาษาญี่ปุ่นไว้บนโต๊ะ แล้วก็หายไป....
ตัยหองแล้ว มันแปลว่าอะไรวะ.......
เอาล่ะ มีเทคโนโลยีในมือทำไมจะไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ เปิดกูเกิ้ลขึ้นมาปุ๊บ กดถ่ายรูป Translet ปั๊บบบบ... เชี่ย ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ะเพ่-_-;
มันมีเขียนว่าราคา 490 เยน อันนั้นคือเซ็ตอาหารเช้า มีชา/กาแฟ รวมขนมปังแบบบุฟเฟ่ต์
อ่ะ...ลงมาอีกแถวนึง มันคือซุปข้าวโพดหรือซุปคาเร(แกงกะหรี่) ถ้วยละ 250 เยน แต่ถ้ารวมบุฟเฟ่ต์ชา/กาแฟและขนมปังด้วยก็จะต้องจ่ายคนละ 480 เยน... (ตอนนั้นแอปมันแปลให้แบบนั้น)
เฮ้ย ทำไมมันได้ซุปด้วยแล้วถูกกว่าเซ็ตแรกอ่ะ -O-!
แล้วถ้าไม่อยากกินชา/กาแฟและขนมปังบุฟเฟ่ต์..ต้องจ่ายเท่าไหร่ง่ะ.....
คือตอนนั้นนั่งงงๆอยู่สักพักใหญ่ๆ พนักงานก็พยายามเข้ามาอธิบาย โดยเราก็พยายามบอกสิ่งที่เราต้องการ แล้วสุดท้ายยังไงไม่รู้...สั่งสำเร็จจนได้555555 คือเขาจะเอาอะไรมาให้กินก็กินๆไปเถอะ-v-;
ขนมปังร้านนี้อร่อยนะ โฮมเมดด้วย แต่สุดท้ายก็ลงความเห็นกันว่ามันไม่เพียงพอสำหรับอาหารเช้าของคนไทย แต่ก็รองท้องได้ดี
สุดท้ายก็ออกมาเดินช็อปปิ้งกันต่อ กลายเป็นเราที่ชอบตรงนี้ที่สุดเฉย55555 เราได้ผ้าพันคอมือสองมาในราคา 1300 เยน (ไปเสิร์ชในเว็บมาก็ลดไปเยอะอยู่นะ) ผ้านุ่มๆฟิลลิ่งดีมาก=w=
พอเราได้ของที่ต้องการแล้วก็ถึงเวลาเร่งลูกทัวร์5555555555 ก็คือต้องรีบกลับไปสถานี Nagoya เพื่อขึ้นรถไฟไป Takayama ก่อนบ่าย แล้วที่เราวางแผนไว้คือ ต้องต่อรถบัสไปนอนที่ Kanazawa ด้วยนะ แถมจองที่พักไว้แล้วด้วย......... อันนี้คือสะเพร่าในการวางแผนด้วยแหละ แต่ทำไงได้...ก็ต้องลุยแล้วป่ะวะ
พอไปถึงสถานีรถไฟ ก็ต้องรีบวิ่งไปรอชานชลาทำให้ไม่ได้จองที่นั่งไว้ ผลลัพธ์คือ... ไม่มีที่นั่งจย้าาาา! ดูถูกวันเสาร์ต้นเดือนเกินไป คนแห่ไปเที่ยวเยอะมากกกกก ทำให้กรุ๊ปเรากลายเป็นคนเร่ร่อน ต้องเดินวนไปมาอยู่ตรงทางเชื่อมรถไฟ แล้วก็สลับกันไปหาที่นั่ง5555555 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง! เราค่อนข้างชอบวิวรถไฟญี่ปุ่นอยู่แล้ว เลยได้ยืนดูจนอิ่มเลย อย่าสงสารเราเลยแฮรี่ สงสารวัยเกษียณที่ต้องมายืนๆนั่งๆเก้าอี้ทิพย์ดีกว่า.......
ไม่ใช่แค่ทีมเราสักหน่อยที่ไม่มีที่นั่ง บ้านอื่นก็เป็น! -v-
เราเห็นจากหน้าต่างรถไฟ ต้นไม้บางที่ก็แอบส้มๆเหลืออยู่บ้าง ส่วนใหญ่ก็โกร๋นหมดแล้ว=_=; คาดหวังว่าถ้าไปแถบคันไซคงจะได้เจอกับใบไม้ส้มบ้างแหละวะ!
เรามาถึงสถานี Takayama ก็รีบตรงไปที่จองตั๋วรถบัสทันที.... พบว่ารถบัสไป kanazawa ทุกรอบของวันนี้ถูกจองหมดแล้ว....
ถูกจองหมดแล้ว?....
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ไปที่พักไม่ได้ แล้วจะนอนที่หน่ายยยยยยยยยย!!!!
นี่ยังไม่โชคร้ายเท่าอะไรรู้ไหม...เราไม่สามารถหาบัสในวันรุ่งขึ้นเพื่อไปเที่ยว Shirakawa-go ได้อีกด้วย รถเต็มหมดทุกรอบตั้งแต่เช้ามืด โดนความโชคร้ายไปเต็มๆสองดอก....
พนักงานพยายามอธิบายว่าสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ต้องมาต่อคิวรถบัสพรุ่งนี้เช้าเพื่อรอ non-reserved seat อาจจะมีคนที่ทิ้งตั๋วไม่มาก็ได้ และนี่คือโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้ไปเที่ยว Shiragakawa-go โดยที่ทริปไม่พังทลายลงมาแบบวันก่อนๆอีก ยังไงก็คงต้องลองแล้วล่ะนะ......
พอได้ความแบบนี้ เป้าหมายต่อไปก็ต้องการที่พัก เราก็เปิดกูเกิ้ลหาที่พักใหล้ๆสถานีที่สุด ส่วนลุงก็แยกออกไปหาโรงแรมในซอยถัดไป ย่านนี้เป็นย่านที่ปิดเร็วมาก พอฟ้าเริ่มมืดก็ไม่มีอะไรให้กินแล้ว ไม่เป็นไร ไม่มีที่พักน่าจะดูแย่กว่าไม่มีข้าวกิน.....
เราเดินจนมาเจอที่พักเป็นแบบ Guest house (อีกแล้ว) ชื่อ Relax hostel อยู่ใกล้กับสถานีค่อนข้างมาก (ด้วยความหนาวแบบช่องฟรีซ เราเลยไม่อยากไปไหนไกลแล้วจย้า นี่ดูเหมือนชิลแต่อากาศ 3 องศานะ=_=;) ลองเข้าไปคุยดูละกัน....
ไปเจอกับรีเซปชั่นสาวมั่น เป็นคนที่มีพลังงานมากเลย เขาก็ทักทายอย่างสนุกสนาน แล้วก็พยายามหาห้องให้ สุดท้ายก็เหลือแต่ห้องแบบเตียงแยกแล้วรูดม่านปิดแบบนี้ ดูดีกว่า share house แคบๆที่เราจองไปใน Kanazawa อีก 5555555555 แต่ห้องพักต้องขึ้นบันไดขึ้นไปและไม่มีลิฟต์ค่ะ... ถ้าให้ผู้เฒ่าผู้แก่แบกกระเป๋าขึ้นไปก็พิจารณากันให้ดีก่อนนะ....
พอได้ที่พักแล้วเราก็ยกโขยงออกมาหาอะไรกินกัน ด้วยความเป็นเมืองเก่า ร้านรวงมันเลยปิดไปตั้งแต่ช่วงห้าโมงแล้ว มีร้านยากินิคุที่เราเคย Pin ไว้ตั้งนานมาแล้ว(เปิดเจอในพันทิป) แต่อนิจจา...ร้านมันไม่เปิดค่ะ ตอนแรกนึกว่าร้านมันเปิดช้า แต่จริงๆคือร้านมันดันไม่เปิดวันนั้นพอดีง่ะ... อุตส่าห์เดินมาเช็คตั้งสามสี่รอบ
สุดท้ายวันนั้นก็จบลงที่ Family mart ใกล้สถานีค่ะ แอบซื้อตุนอาหารเช้ามาด้วย แล้วค่อยเดินกลับไปกินอาหารที่ครัวของที่พักค่ะ แต่ยังพอมีเวลานิดหน่อย เลยออกมาช็อปปิ้งร้านของฝากที่ยังพอเปิดอยู่บ้างสองสามร้าน
ที่พักตรงนี้คนไทยเยอะมากค่ะ เราไปเที่ยวแล้วเจอหลายก๊กเลย เหมือนเขามาเที่ยวกันเองง่ายๆ บ้างก็มีลูกพามา บ้างก็มาเที่ยวคนเดียว ส่วนใหญ่จะมาพักที่นี่เพราะจะเดินทางไป Shirakawa-go พรุ่งนี้เช้า ส่วนตัวรู้สึกสนุกมากที่ได้เจอคนชาติเดียวกันในต่างแดน ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆต่อกัน ถ้าเรามาคนเดียวคงไม่กล้าทักใครก่อน แต่เพราะลุงที่มาด้วยกันค่อนข้างเฟรนลี่และฤทธิ์เบียร์อาซาฮี.... ง่ายเลยค่ะ เดินไปนั่งคุยกันได้เลย5555
อุปกรณ์ที่ใช้ฝ่าฟันความหนาว แต่บอกตรงนี้เลยว่าไม่พอ=_=;;
เป็นโซนน่ารักๆในส่วนกลางของโรงแรม ไว้บริจาคของที่ไม่ต้องการให้กับคนถัดไป เราได้รับของดีๆมาจากตรงนี้ด้วยแหละ!
.....ผ่านวันที่ 2 ไปแบบงงๆ จะว่าแย่ก็แย่ จะว่าโชคยังดีก็ไม่สุด แต่ก็แอบรู้สึกภูมิใจที่พาทุกคนมาได้ขนาดนี้นะ
พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวแย่งชิงที่นั่งหลุดที่ Nohi Bus Terminal รอบประมาณ 7 โมงเช้า...ต้องไปรอตั้งแต่กี่โมงเนี่ยยยยยย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in