เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
my writings.anonym.
[SF] PRIDE

  • Pairing : Hwang Minhyun x Kim Jonghyun

    Rating : Explicit

    Warning : Mafia AU / หายใจเข้าลึกๆ นะคะ... มีเนื้อหาเกี่ยวกับอาชญากรรมและความรุนแรงเล็กน้อย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    ฟังเพลงนี้เพื่ออรรถรส
     



















    ความร้อนรุ่ม

     

    ภายในห้องนอนแคบ ๆ ของเซฟเฮ้าส์แห่งนี้ ร่างของชายหนุ่มทั้งสองขยับชิดแลกเปลี่ยนความร้อนแทบหลอมละลายให้กันและกัน ร่างข้างใต้ส่งเสียงครางประท้วงเป็นระยะยามที่ถูกรุกล้ำรุนแรง ริมฝีปากหนาประทับจุมพิตกดย้ำตามเรือนกายงามสมบุรุษเพศของเจ้านายคนใหม่ของเขา


    แค่ในนาม

     

    ตำรวจหนุ่มจงใจขบกัดผิวเนื้อบนลำคอของนายท่านตระกูลคิมซ้ำรอยเดิม กดจูบคล้ายจะปลอบโยน เรียกเสียงครางอืออึงด้วยความเจ็บปวดระคนกระสันซ่านจากเขาคนนั้นได้เป็นอย่างดี

     

    นัยน์ตาสีเข้มมองกลีบปากบางที่เผยอหอบหายใจด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า เจ้าของดวงตาคมกำลังคิดสิ่งใดอยู่... 


    แน่นอนที่สุดคือความไม่พอใจค่อนไปทางเกลียดชัง 


    ชายร่างสูงผู้คุมเกมเบนความสนใจไปยังมือที่เขามองว่าสกปรก มือที่เปื้อนเลือดของผู้คนมานักต่อนัก ไม่ว่าจะเป็นเลือดของมาเฟียสวะเหมือน ๆ กัน หรือแม้กระทั่งผู้บริสุทธิ์... มือคู่นั้นได้ยกขึ้นมาแตะเบา ๆ ที่ผิวแก้มของเขา


    มินฮยอนเหยียดยิ้มให้กับการกระทำนั้นอย่างนึกสมเพช


    คิดเช่นนั้น เขาจึงขยับสะโพกทวีความหนักหน่วงเข้าไปอีก รู้สึกถึงเรียวนิ้วของอีกฝ่ายเปลี่ยนมาจิกลึกที่แผ่นหลังของเขาแทน ผู้นำแห่งตระกูลคิมบิดเร้าอย่างทรมาน ปากพร่ำบอกให้เขาหยุด... ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่การกระทำช่างตรงกันข้าม ใบหน้าหล่อเหลาดูนุ่มนวลแต่แฝงความเย่อหยิ่งตอนนี้แดงก่ำด้วยแรงอารมณ์ ดวงตาคมโตคู่นั้นเสหลบสายตาของเขาราวกับไม่อยากยอมรับว่าตนกำลังรู้สึกดีที่ถูกกระทำเช่นนี้


    "มองผมสิ นายท่าน"

     

    ศักดิ์ศรีภาคภูมิใจนักหนามาตลอดทั้งชีวิตของคิมจงฮยอนถูกทำลายโดยเขา... เพียงแค่ไม่กี่นาทีที่เจอกัน

     




    มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มร่างเล็กถูกมือขวาคนใหม่ยึดไว้เหนือหัว เสียงกริ๊กของกุญแจมือกับอิสรภาพที่ถูกพรากย้ำกับจงฮยอนอีกหนว่าสภาพของเขาน่าสมเพชเพียงใด


    จุมพิตก้าวร้าวเอาแต่ใจบดปิดปากของผู้เป็นนายเสียสนิท เรียวลิ้นแทรกผ่านกลีบปากอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มข่มตาให้หลับลง... ปล่อยให้ร่างเหนือตนตักตวงความสุขให้เสียหนำใจ 


    นั่นหมายความว่าข้อตกลงที่คุยกับก่อนหน้านั้น จะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น 


    ข้อตกลงที่จงฮยอนเสนอให้กับนายตำรวจหนุ่มฝีมือดี ตำแหน่งมือขวาที่หลาย ๆ คนปรารถนา... เพียงแค่ช่วยกันไม่ให้พวกตำรวจหรือคนของทางการมายุ่มย่ามธุรกิจมืดของคิมเอนเตอร์ไพรส์

     

    แลกกับสิ่งที่สารวัตรฮวังร้องขอซึ่งออกจากริมฝีปากคู่นั้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ 

     

     

    '...ขอแค่ขยี้ศักดิ์ศรีของคุณก็พอ'

     

     

    ไม่เคยมีใครกล้าหยามเกียรติของตระกูลคิมด้วยข้อเสนอจองหองเช่นนี้

     

    จงฮยอนคงจะฆ่าคนปากกล้าทันที หากไม่รู้จักกิตติศัพท์ของนายตำรวจหนุ่มคนนี้มาก่อน และคงจะฆ่าทันที หากไม่ลืมว่าคนที่บากหน้ามาขอความช่วยเหลือจากคน ๆ นี้ก็คือเขา


    "มองผมสิ นายท่าน" คำพูดคำจาล้อเลียนของมินฮยอนทำให้คนฟังโกรธจนแทบคลั่ง 

     

    มือหยาบขยี้ยอดอกของเขาอย่างหยามใจ หนำซ้ำยังขบเม้มจนแผ่นอกของเขาแดงเป็นจ้ำ ๆ กลิ่นคาวเลือดที่จงฮยอนไม่แน่ใจว่ามาจากบาดแผลบนแผ่นหลังของร่างสูงโดยฝีมือเขา หรือช่องทางที่ไม่เคยมีใครล่วงล้ำมาก่อน ตอนนี้รู้สึกเจ็บร้าวจนชาไปเสียแล้ว ถึงกระนั้นผู้ถือไพ่เหนือกว่ายังไม่สาแก่ใจ ดวงตารีคล้ายจิ้งจอกฉายประกายอันตรายจ้องมองเขาอยู่

     

    เจ้าของร่างเล็กกว่ากัดริมฝีปากกลั้นเสียงน่าสะอิดสะเอียนในความรู้สึกของตน ไม่นานนักก็เผลอไผลหลุดเสียงครางวาบหวามออกมาให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะ



    ความสัมพันธ์ระหว่างผู้แพ้กับผู้ชนะ...

     

     

    นี่คือคืนแรกระหว่างนายใหญ่ของตระกูลคิมกับมือขวาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

     

     

    .

    .

    .

     

     

    กลิ่นบุหรี่มาร์โบโล่แบล็คปลุกเขาจากนิทรา เปลือกตาขยับขึ้นอย่างยากลำบาก แผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยรอยเล็บคือสิ่งแรกที่ได้เห็น อากาศเย็นเยียบของป่าแถบชานเมืองนี้เทียบไม่ได้เลยกับบรรยากาศแสนอึดอัดเวลาอยู่กับมินฮยอน... ที่ทำให้เขาหนาวยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ จนต้องกระชับผ้าห่มไว้ 

     

    นายตำรวจหนุ่มหันมามองเขาครู่หนึ่งขณะขยี้ก้นบุหรี่กับที่เขี่ย ก่อนที่ลุกขึ้นจากเตียง จัดแจงหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาใส่ราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง... 


    จงฮยอนไม่เคยเข้าใจถึงเหตุผลของคน ๆ นี้แม้แต่นิดว่าทำไมถึงต้องทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่ผู้หญิงที่ถูกหิ้วมากกก่ายแก้เบื่อเท่านั้น

     

    เป็นเช่นนี้ทุกครั้งเวลาที่เขาทั้งสองทำตามข้อตกลง


    นั่นทำให้เขาหงุดหงิด

     

    ไหนจะความเจ็บปวดแทบบ้าในจุดน่าอายกับบาดแผลจากคมกระสุนตรงหัวไหล่ที่คู่เจรจามอบไว้ให้เมื่อวันก่อนอีกเล่า

     

    แต่ก็แปลกใจในตัวเองเสมอที่ไม่เคยนึกตำหนิท่าทีขบถเช่นนี้ของมินฮยอนเลย อาจเป็นเพราะชายคนนี้ทำทุกอย่างตามที่เขาสั่งได้ดีเยี่ยมกว่าที่คิด 


    ถึงกับยอมเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตน ทำตามในสิ่งที่อีกฝ่ายร้องขอเพื่อระบายความไม่พอใจทั้งหมดกับเขา ณ เซฟเฮ้าส์แห่งนี้ในทุก ๆ ครั้งหลังจากนายตำรวจหนุ่มทำงานสกปรกเหล่านั้นเสร็จสิ้น




    เสียงร้องเบา ๆ ทำให้มือขวาหนุ่มหันมามองร่างบนเตียงที่ขยับกายอย่างทุลักทุเล ดวงตาคมหรี่ลง


    "คุณจะทำอะไร?”

     

    “กลับ...” 


    "สภาพแบบนี้?"


    จงฮยอนไม่สนน้ำเสียงดูแคลนของอีกคน มือหยิบเสื้อขึ้นมาใส่อย่างยากลำบากเพราะแขนขวาไม่อำนวยเสียเท่าไร ถึงอย่างนั้น เขาก็แข็งแกร่งพอที่จะสวมใส่เสื้อผ้าทุกชิ้นด้วยตนเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หมายจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองเจ้าของร่างสูงให้ขุ่นเคืองใจอีก


    แม้คน ๆ นั้นจะทำในสิ่งไม่คาดคิดอย่างรั้งแขนเขาไว้ก็ตาม


    "ดงโฮเพิ่งโทรมาบอกว่า ไอ้เวรนั่นยังตื้อไม่เลิก มันส่งคนไปดักคุณทั้งที่บริษัทและคฤหาสน์"


    "งั้นก็ส่งต่อให้ดงโฮ"


    "นี่ไม่ใช่เวลาเอาแต่ใจตัวเองนะ จงฮยอน"


    "ฉันยอมสละเวลาทำงานเพื่อมานอนกับเธอทั้งที่บาดเจ็บแบบนี้... ใครกันแน่ที่เอาแต่ใจ"


    "คิมจงฮยอน!"


    ต่างจากทุกครั้งที่ปล่อยให้มินฮยอนทิ้งเขาให้อยู่กับความหนาวเย็นภายในเซฟเฮ้าส์ นายท่านตระกูลคิมลอบยิ้มกับตนเอง เหมือนกับว่าครั้งนี้เขาได้ศักดิ์ศรีของตนกลับคืนมา...


    "เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน สารวัตรฮวัง"



    แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

     

     

    .

    .

    .

     

     

    ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและมือขวาดำเนินเช่นนี้เรื่อยมา จนวันหนึ่ง... วันที่จงฮยอนตอบตกลงที่จะแต่งงานกับจองมินอา บุตรสาวคนเดียวของมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีเบื้องหลังแสนโสมม

     

    พิธีวิวาห์ที่ไร้ซึ่งความรัก เบื้องหลังคือผลประโยชน์มหาศาล สัมพันธ์ทางกายที่ไร้ซึ่งความรู้สึกเสน่หา... ทุกอย่างไปเป็นตามหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น


    ทุกอย่างในชีวิตของคิมจงฮยอนถูกขีดเขียนให้เป็นเช่นนี้

     

    ดวงตาคู่สวยมองมินอาซึ่งตอนนี้เป็นนายหญิงแห่งตระกูลคิมแย้มยิ้มกับเด็กรับใช้คนสนิทของเธอ ช่างแตกต่างยามที่อยู่กับเขาสิ้นดีจนน่าขัน

     

    เขารู้ทุกอย่าง แต่ไม่ทำอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่สามารถทำได้ทุกอย่าง... ขอแค่ทายาทที่อยู่ในท้องของเธอนั้นเติบใหญ่ หน้าที่ของเขาก็จะจบสิ้น

     

    ค่ำคืนของคฤหาสน์ที่พำนักของตระกูลมาหลายชั่วอายุช่างเงียบงัน มินอาอาศัยอยู่ทางปีกซ้ายของคฤหาสน์ ส่วนเขาอยู่ทางปีกขวา 


    เส้นบาง ๆ ซึ่งกั้นไว้ไม่ให้ต่างฝ่ายต่างก้าวล่วง 


    ร่างสมส่วนย่างเท้าอย่างใจลอยมาตามทางเดินกว้าง ดวงตาหลุบต่ำลง สิ่งที่เขากังวลใจในตอนนี้มีมากมายเหลือเกิน บ่าของเขาเล็กเกินกว่าจะสะสางเรื่องราววุ่นวายเหล่านี้ แล้วไหนจะมือขวาของเขา... ที่หายไปร่วมปีแล้วหลังจากที่เขาตัดสินใจแต่งงานกับมินอา

      

    วันที่เขาอยู่กับอีกฝ่ายครั้งสุดท้ายเต็มไปด้วยความรุ่มร้อนและกราดเกรี้ยว มินฮยอนแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาในทุกความคิด ทุกการกระทำ ว่าเหตุใดตนถึงไม่พอใจที่เขาจะแต่งงานกับมินอา


    'ถ้าคิดว่า มือขวาอย่างผมปกป้องคุณไม่ดีพอถึงต้องไปพึ่งสวะพวกนั้น ผมก็ไม่มีอะไรจะต้องทำอีก'


    นี่คือสิ่งที่ตำรวจหนุ่มทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะหายตัวไป



    ทันทีที่ปิดประตูห้อง จงฮยอนก็ทรุดลงกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน แสงสว่างวาบของอัสนีบาศตามด้วยเสียงคำรามของท้องนภาคือสองสิ่งที่เขารับรู้ได้ในตอนนี้ ชายหนุ่มกอดเข่าทั้งสองของตนไว้ อากัปกิริยานี้ดูไม่สมกับตำแหน่งนายใหญ่ตระกูลคิมเลยแม้แต่น้อย เบื้องหน้าที่ดูแข็งแกร่งเสมอกลับแฝงด้วยความอ่อนแอ น่าเศร้ายิ่งนักที่เขาสามารถแสดงด้านนี้ได้เพียงช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวเท่านั้น

     

    มาเฟียกลุ่มใหม่ที่ค่อย ๆ ขยายอำนาจไล่หลังมา พวกมันตามเก็บคนของเขาไปมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาก็เพิ่งจัดงานศพของเพื่อนรักซึ่งเป็นมือซ้ายของเขาไป 

     

    บางครั้ง... ในหัวของจงฮยอนก็เพ้อฝันถึงชีวิตธรรมดา ชีวิตที่เรียบง่าย ไร้ซึ่งอิทธิพลและอำนาจ...

     

    ไม่ต้องหวาดระแวงถึงความสูญเสีย... ที่เกิดจากตัวเขาเองอีกต่อไป

     

     

    ลมเย็นเยียบพาไอดินชุ่มฝนผ่านพัดเข้ามาปะทะผิวกาย ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาอย่างนึกสงสัย ดวงตาจับจ้องประตูสลักบานใหญ่ที่แง้มเปิดไว้ จำได้แม่นยำว่าเขาไม่ได้เปิดประตูด้านนี้


    เจ้าของร่างโปร่งยันกายลุกขึ้น เลื่อนมือหยิบปืนพกแล้วจ่อยิงไปที่เป้าหมาย แต่ช้าไป เมื่อเงาดำของชายนิรนามพุ่งมาทางเขาอย่างรวดเร็ว 


    ความว่องไวของอีกฝ่ายหยุดทุกการเคลื่อนไหว พลางวาดวงแขนโอบรัดเอวของเขาไว้อย่างถือสิทธิ์

     

    ริมฝีปากร้อนฉกจูบเข้ามาไม่ทันให้เขาตั้งตัว มือหนากระชากสูทชั้นในออกไปอย่างไม่ใยดี ก่อนจะตามด้วยเสื้อเชิ้ตสีครีม ความเย็นชื้นจากสายฝนบนตัวของชายคนนั้นแนบร่างของเขาราวกับต้องการให้เปียกปอนไปด้วยกัน เรียวลิ้นชำนาญไล้ตามใบหูลากเรื่อยลงมาจรดที่ลำคอ ขบเข้าเต็มแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด ส่วนมืออีกข้างของอาคันตุกะร่างสูงปลดกางเกงของเขา


    จงฮยอนไม่ใส่ใจว่านิ้วเรียวของอีกคนจะรุกล้ำเข้ามาในร่างกายของเขาสักเพียงใด ชายหนุ่มเลื่อนมือสั่นเทาที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะสัมผัสร้อนเร่าและเย็นเยียบไปพร้อม ๆ กันของนายตำรวจหนุ่มเบื้องหน้า หรือเพราะความดีใจที่อัดแน่นจนล้นปรี่ แตะใบหน้าสมบูรณ์แบบที่อยู่ในห้วงคำนึงมาตลอด ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีกระชากเรือนผมสีปีกกา มอบจุมพิตจาบจ้วงผิดวิสัยของตนให้อีกฝ่าย

     


    เขาขยี้ศักดิ์ศรีด้วยน้ำมือของตัวเองอีกครั้ง

     


    ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่หลังของเขาสัมผัสกับเตียงนุ่ม เขายังคงจูบมือขวาหนุ่มราวกับริมฝีปากของร่างหนาคือโอเอซิสชั้นยอด ไม่รู้จักคำว่าพอ... เขาต้องการมากกว่านี้อีก มากกว่านี้ มินฮยอนถอนริมฝีปากออกมาอย่างแช่มช้า พร้อมกับแทรกกายเข้ามาในร่างของเขา เรียกเสียงครางผะแผ่วที่ไม่ได้ยินมานานให้ดังขึ้น ระดับเสียงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามความเอาแต่ใจของนายตำรวจหนุ่ม


    นานทีเดียวที่สายฝนยังคงตกอย่างหนัก ร่างเล็กกว่าอาศัยซบแผ่นอกหนาต่างหมอน ส่วนมือของหมอนจำเป็นยังคงลูบกลุ่มผมสีเข้มของร่างในอ้อมกอดไปมาคล้ายจะขับกล่อม

     

    ดวงตาคมเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่พบเจ้านายของตน แม้แต่เจ้าตัวเองยังรู้สึก ความชิงชังและรังเกียจมลายหายไปตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจหยั่งได้ อาจจะเป็นตั้งแต่วันที่หัวหน้าของเขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยตัวประกันในวันนั้น หรือวันที่เขาเห็นอีกฝ่ายยิ้มอย่างจริงใจ... 


    มินฮยอนไล้นิ้วไปตามแนวสันหลังของร่างผอมบางอย่างหลงใหล เพราะสาเหตุเหล่านั้นกระมังที่ทำให้สัมพันธ์ทางกายทวีความหอมหวานยิ่งขึ้น

     

    ไม่ต่างอะไรกับเสพติดบางสิ่งจนยากจะถอนตัว

     

     

     

    "สัญญาอะไรกับฉันหน่อยได้ไหม มินฮยอน"

     

    เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เจ้าของเสียงไม่คิดแม้จะสบตากับคนที่ตนร้องขอ และมือขวาของเขาก็เลือกที่จะเงียบ


    จงฮยอนถอนหายใจ ดวงตากลมเบนความสนใจจากทิวทัศน์ยามเช้ามืด ขยับกายและสายตามองเจ้าของร่างสูงที่ให้เขานอนหนุนแทนหมอน ริมฝีปากขยับยิ้มออดอ้อนอย่างที่อีกฝ่ายชอบเพื่อเอาใจ

     

    "ถ้าเกิดอะไรขึ้น... กับฉัน... ฉันขอฝากทุกอย่างของฉันไว้กับเธอได้ไหม?"

     

    ดวงตาของนายตำรวจหนุ่มเบิกกว้างเล็กน้อย เพียงเสี้ยววินาที จึงกลับมาเป็นแววตาเฉยชาเช่นเดิม 


    "ไม่..."


    จงฮยอนหัวเราะให้กับคำปฏิเสธนั่น เขาตัดสินใจเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้กับอีกฝ่าย ก่อนจะมอบจุมพิตแสนหวาน... หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยคิดจะมอบให้แก่ใคร ยกเว้นคนตรงหน้า... 


    "ไม่จริง ๆ เหรอ"


    ร่างบางยันกายของตนขึ้นคร่อมและเบียดสะโพกไปมาปลุกเร้าความปรารถนาของมือขวาของตน

     


    ทิ้งศักดิ์ศรีที่มีให้กับคนตรงหน้าเพียงคนเดียว

     


    กระซิบคำว่า 'รัก' ไว้ข้างหู ราวกับนั่นคือข้อเสนอ... ไพ่ตายใบสุดท้ายของผู้นำแห่งตระกูลคิม

     

     

    .

    .

    .

     

     

    นายตำรวจหนุ่มหอบหายใจ ดวงตาสีเข้มมองท้องนภาสีสด... น่าแปลก ทั้งที่ท้องฟ้าแจ่มใสเสียขนาดนั้น ยังมีฝนบางเบาโปรยปรายลงมาอีก


    เขาอิงศีรษะกับตู้คอนเทนเนอร์อย่างอ่อนแรง 


    มือทั้งสองข้าง ไม่สิ ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยหยาดโลหิต ทั้งของพวกนั้น และของตัวเขาเอง


    แต่อาการเจ็บเจียนตายที่เกิดขึ้นกับเขา เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวกนั้นทำ แค่ถล่มแก๊งของพวกมันราบเป็นหน้ากลอง ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ



    เทียบไม่ได้เลยกับ...




    รอยยิ้มกว้างกับดวงตาที่เป็นประกายงดงามคู่นั้น 



    รอยยิ้มที่มอบให้เขา

     



    ‘ถ้าเกิดอะไรขึ้น... กับฉัน... ฉันขอฝากตระกูลคิมไว้กับเธอได้ไหม?’

     


     

    มินฮยอนแค่นยิ้ม ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น แม้ทุกการเคลื่อนไหวช่างทรมาน แต่ดวงตาคมยังคงจับจ้องท้องฟ้าเบื้องบนไม่วางตา



    ศักดิ์ศรีของเขาหมดไปเสียสิ้น ตั้งแต่วันที่รับข้อเสนอของคิมจงฮยอน ยอมเป็นสุนัขรับใช้คนที่เขาคิดมาตลอดว่าเป็นสวะสกปรก... 



    จากนั้นจึงถูกตบหน้าเต็มแรง... ด้วยความตายของคนที่เขาต้องปกป้องด้วยชีวิต



    "ทำไม..."



    ผิวกายเย็นเฉียบเพราะสายฝนและเลือดที่ไหลออกจากร่างไม่หยุด... ยังคงฝังแน่นในความทรงจำ



    'มินฮยอน...'


    'อย่า...... ร้องไห้...'



    รสจูบหวานหอมและขมปร่าที่อีกฝ่ายมอบให้เขาครั้งสุดท้ายยังติดที่ริมฝีปาก



    ถ้าไม่มีคิมจงฮยอน... ข้อเสนอที่ผูกเขาไว้ก็จบ...



    สัญญาที่เขาไม่คิดจะรักษาก็ไร้ซึ่งความหมาย






    ยกมือขึ้นหมายจะคว้าผืนนภากว้าง ปรารถนาจะสัมผัสกับกลุ่มเมฆนวล หวังจะคว้าความงดงามเบื้องบนมากกกอดอีกสักครั้ง...



    ขอแค่ครั้งเดียว



    ขอแค่...



    "ผม..."



    ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มบางให้กับนภางาม คำ ๆ หนึ่งหลุดออกมาอย่างแผ่วเบา พร้อม ๆ กับเรี่ยวแรงที่หมดลง แต่ดวงตายังคงจ้องมองไปยังเบื้องบนด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยคำ ๆ นั้น




    เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ปิดลง

     

     

     






    Into the sky that’ll veil and close my eyes.

    But I still see your smile.

     

     

     





    End













    ? เอาของเก่ามาเล่าใหม่อีกครั้ง แต่งไว้หลายปีแล้ว ใครคุ้น ๆ กระซิบบอกได้นะคะ คนแต่งคนเดียวกัน 55555 รีไรท์หลายจุดเลยทีเดียว

    ? นี่พยายามแต่งเรื่องใสๆน่ารักๆอยู่นะ แต่... /มองเหม่อ

    ? ชั่งใจอยู่ว่าจะเขียนจั่วหัวว่ามีคนตายดีรึเปล่า แต่ถ้าเขียนก็สปอยเนื้อเรื่องสุดๆ ถ้าไม่เขียนก็กลัวคนอ่านตกใจ สุดท้ายก็จบที่ว่าไม่เขียนเนี่ยแหละ

    ? พอเปลี่ยนคาร์เป็นมินเจตอนรีไรท์แอบกรีดร้อง นี่เราต้องเขียนฆ่าน้องจริงๆเหรอวะ ไหนจะเลิฟซีนอีก /หอมหัวน้องเจ


    ❤️ มีอะไรติชมบอกได้ที่ #anonymfics หรือ @anonymfics นะคะ สนุกกับการอ่านค่ะ



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in