ขณะที่ก้าวเท้าออกจากสนามบินโหน่ย-บ่าย (Noi-Bai)
สนามบินนานาชาติของฮานอย มีคำๆนึงที่ผุดขึ้นมาในหัวเพื่อนร่วมทางทุกคน
ถึงกับต้องหันมายิ้มให้กัน และพูดเบาๆว่า “เริ่มล่ะนะ”..
วันนี้เป็นวันแรก ของ 8 วันในเวียดนามแห่งนี้
ที่พวกเราจะเสพความเป็นเวียดนามกันให้เต็บสูบบ บ
ตั้งแต่เหนือจรดใต้.... แค่คิดขาก็แทบขาดแล้ว
บนถนนเล็กๆของฮานอย อัดแน่นไปด้วยมอเตอร์ไซต์และเก้าอี้ตัวเล็กๆ วางระเกะระกะ
แทบไม่เหลือพื้นที่ให้คนอย่างเราได้เดิน อดินาลีนสูบฉีดตลอดเวลาที่เหยียบถนน
ไม่ว่าจะไฟเขียว หรือไฟแดง มีรถพุ่งมาทุกทาง
พร้อมกับเสียงแตรแห่งเวียดนาม อดคิดไม่ได้ว่า
“นี่กูจะต้องเสี่ยงตายอย่างนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เลยใช่มั้ย?”
ที่น่าแปลกใจคือ บนถนนที่ดูโคตรจะวุ่นวายแบบนี้
ไม่ได้ส่งผลให้รถติดเลย เสมือนว่าเป็นวัฒนธรรบนถนนของเวียดนาม
แม้การจราจรดูจะไม่เคร่งครัด จะไปไหนก็ไปแต่... ความเร็วต้องไม่เกิน 60km/hr นะ
ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้คนที่นี่รักษากฏข้อนี้ไว้ได้
ทั้งๆที่มันดูจะขัดกับสภาพบนท้องถนนเหลือเกิน
3 ชม. หลังจากลงเครื่อง เพื่อนร่วมทริป
แต่ละคนเริ่มเรียนรู้สกิลความนิ่งในการข้ามถนนในเวียดนาม
ดูสัญญาณไฟไว้ ต่อให้พุ่งมา 100 คัน “เค้าก็จะหลบมึงเอง”
เข้าช่วงบ่ายเราเดินเท้ามาถึง ทางรถไฟกลางเมืองฮานอยที่อยู่ฝั่ง Old Quarter
แว๊บแรกคือเหมือนตลาดร่มหุบบ้านเราเลย ต่างกันตรงที่ข้างรางรถไฟไม่ใช่ตลาด
แต่เป็นคาเฟ่ล้วนๆ บรรยากาศของแหล่งชุมชนเก่าของชาวเวียดนาม
ที่แต่ละคนก้มหน้าก้มตาทำกิจวัติของตัวเอง คุณป้าจะเก็บขยะ คุณลุงจะเล่นหมากรุก
คุณพี่จะขายของ คุณน้องจะวิ่งเล่น ภายใต้ด้วยความครึ้กครื้นของนักท่องเที่ยว
ถึงจะแปลกตาแต่ก็รู้สึกถึงความมีชีวิตของทางรถไฟที่ตัดผ่านใจกลางเมืองฮานอยแห่งนี้
ก่อนออกจากฮานอยในคืนนั้น เรามาเดินแกร่วกันที่โบสถ์เซนต์โจเซฟ เพราะอยู่ใกล้จุดขึ้นรถไปซาปา
แต่ใครจะรู้ว่ารถบัสจะมาก่อนกำหนด
วิ่งสิครับ! พนักงานแต่ละคนแสดงความเกรี้ยวกราดกันอย่างออกนอกหน้า
พยายามยัดพวกเรา 4 คนพร้อมสัมภาระ ขึ้นไปบนรถบัสที่เบาะนั่งว่างอยู่ 2 ที่
คร่อมสิครับ ทั้งคน ทั้งของ สติแทบหลุดกันทั้งทีม
ยังไม่วาย ตามมาด้วยทัวร์อีก 1 กรุ๊ป
“เวียดนาม ทำไมถึงต้อนรับกันอบอุ่นขนาดนี้”
6 ชม. จากฮานอย - ซาปา
บนรถนอนไม่ได้นอน ของเวียดนาม
ติดตามกันต่อนะ
.
ขอให้เพลิดเพลินครับ
@มึงกูไปเที่ยวกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in