เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[SAVE-N-YEARS] : #Ronren-Fanficthreeeyesonthela
2 -Hawaii-loveU
  • "โอ้! พระเจ้า... จอห์นคะ ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะทำเพื่อฉันขนาดนี้" สาวผมบลอนด์ในจอทีวีแสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนจะยกมือที่สวมแหวนเพชรเม็ดเล็กแต่สะท้อนกับแสงจนเป็นประกายวิ้งขึ้นมาทาบอกด้วยความปลื้มปริ่มในอ้อมกอดของจอห์นแฟนหนุ่มของเธอที่มีทรงผมเรียบแปล้แบบยุคคุณพ่อและเสื้อโค้ทยาวปกตั้งพอดีตัวแบบโอลแฟชั่นที่ดูจะนิยมในยุคสมัยนั้นๆ เขามองตาเธออย่างลึกซึ้งก่อนจะประทับจูบลงบนข้างแก้มสีwinter rose
    "แน่นอนเลยที่รัก ผมคิดเอาไว้แล้วว่าเราน่าจะลาพักร้อนแล้วไปไมอามีกันสักอาทิตย์ ลืมเรื่องงานแล้วเอนตัวลงบนเตียงผ้าใบใกล้หา-----" เสียใจแทนจอห์นจริงๆที่ยังไม่ทันได้ซึ้งจนจบ มือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดประโยคให้แทนไปก่อน

    อะไรก็ดูขวางหูขวางตาเขาไปเสียหมด แม้กระทั่งหนังรักโรแมนติกเรื่องเก่าที่ถูกนำมาฉายซ้ำเมื่อครู่ที่เขาพึ่งปิดไป ตั้งแต่ออกจากร้านอาหารเขาก็เดินเตร่อยู่แถวดาวน์ทาวน์จนเกือบสี่ทุ่ม สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินมากดกริ่งหน้าอพาร์ทเมนท์เมนต์ของเพื่อนสนิทที่กำลังวุ่นกับการกู้ข้อมูลให้ลูกค้าอยู่ เขาไม่พูดไม่จาเดินเข้ามาจับจองโซฟาทันทีอย่างเคย ส่วนเจอาร์ก็ไม่มีเวลาให้ถามอะไรมากนัก แต่มินกินั่งหน้าทะมึนมาเป็นชั่วโมงแล้ว
    "ทะเลาะกันหนักเลยหรอ?" เจอาร์ที่พึ่งตอบแชทลูกค้าเสร็จถึงได้สไลด์เก้าอี้ออกจากหน้าจอมาถาม
    "เปล่า" มินกิส่ายหน้า

    เพื่อนสนิทเจ้าของห้องถึงกับถอนหายใจ รู้จักกันมาตั้งแต่เป็นเด็กไฮสคูลแลกเปลี่ยนเด๋อๆวันนั้นจนอีกคนเป็นนายแบบชื่อดังไปแล้ววันนี้ เขาเองก็รู้ว่าถ้าไม่โอเคเดี๋ยวเจ้าตัวคงพูดเอง
    แว่นถนอมสายตาถูกถอดออกจากใบหน้า "ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่นายควรลองไปทำใจให้ผ่อนคลายก่อน" เขาว่าพลางลุกไปรื้อเสื้อยืดลายการ์ตูนกับกางเกงวอร์มในตู้มาให้อีกฝ่าย
    “...”
    "ไว้ใจเย็นลงแล้ว ถ้าอยากเล่าฉันก็จะฟัง" เขาว่าก่อนส่งสายตาเชิงไล่อีกฝ่ายให้เข้าห้องน้ำ
    ละอองน้ำกระเซ็นโดนตัวเขาเล็กน้อย ชเวมินกิยืนปล่อยตัวอยู่หน้าฝักบัวช่วยเปลืองค่าน้ำเพื่อนเจด้วยการมองมันอยู่อย่างนั้นแหล่ะ เปลือกตาหรุบลงมองพื้น สายน้ำไหลผ่าน ส่วนความคิดมากมายวิ่งวนในหัว เริ่มรู้สึกตัวนิดหน่อยว่าทำเกินไปกับการพูดใส่อารม และประชดอาร่อนไปมาก แต่อีกใจนึงก็รู้สึกว่าก็เป็นสิทธิของเขาที่จะโกรธ แต่ยังไงก็พูดไปแล้วนี่....

    งานที่อาร่อนพูดถึงถ้าไปได้ดีจริงๆก็จะช่วยส่งเสริมตัวเองอีกมากอย่างที่รู้ว่าคุณเจย์ก็ค่อนข้างมีทั้งฝีมือและชื่อเสียงการร่วมงานกันจึงเป็นโอกาสดีที่ถ้าพลาดไปคงน่าเสียดาย เขาสะบัดหัวไล่ความคิดออกก่อนที่ค่าน้ำของเพื่อนจะสูงไปกว่านี้ ค่อยคุยกันอย่างที่เขาบอกน่าจะดีที่สุด



    .



    "เจอัล..." เขาที่กำลังเช็ดหัวอยู่ใช้หน้าขาสะกิดเพื่อนรักที่ย้ายลงมานั่งพิมพ์งานกับโน๊ตบุ๊คบนโต๊ะตัวเตี้ยข้างเตียงทเขานั่งอยู่
    "ว่า?" เสียงขานรับทั้งๆที่ยังไม่เงยหน้าออกจากจอด้วยซ้ำ
    "อาทิตย์หน้าว่างป่ะ?" เขาไม่มีงานเพราะเคลียตารางไว้หมดแล้ว ที่จริงเขาตั้งใจว่าซัมเมอร์นี้จะรับแค่โชว์เดียว ซึ่งเขาปิดจ๊อบเรียบร้อยกระแสดีตามคาดหวัง
    "เกือบ น่าจะ อืมมม ไม่แน่ใจ" เออ ก็ถามไปงั้นแหล่ะ
    "ไปฮาวายกัน" เป็นประโยคบอกเล่าขณะกดโทรศัพท์เข้าหน้าเว็บสายการบินเพื่อเลื่อนวันเดินทาง
    "ห้ะ?" เมินเสียงร้องเด๋อๆกับหน้าเหลอหลาของเพื่อนที่ออกแดดเดือนละครั้งไป อาทิตย์นึงน่าจะดี เขากดเข้าแอพพลิเคชั่นบอกผู้จัดการและอวดพรให้เธอมีวันหยุดพักร้อนทีดีก่อนจะตั้งปิดโนติทุกอย่าง แน่นอนว่าเห็นตัวเลขแจ้งเตือนแชทของคนที่พึ่งที่ปิดเสียงไว้หลายสิบอัน แต่ช่างปะไร เขาตัดสินใจแล้ว
    "ไปเก็บของเลย"

    “เดี๋ยว.."



    .



    โฮโนลูลู : ฮาวาย


    มินกิกระชับเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายดอกตัวโคร่งทับบนเสื้อกล้ามสีขาวตัวบาง ก่อนจะลากแตะฟองน้ำคู่ใหม่เอี่ยมแล้วพาตัวเองเลาะเดินตามฟุตบาธ สัมผัสบรรยากศรอบข้าง เขารู้สึกถึงความสดชื่นตั้งแต่ลงจากเครื่องแม้ว่าเมื่อคืนจะโดนเพื่อนรักชวน(บังคับ)เล่นเกมส์กันยันเครื่องจะออก แสงแดดจ้าที่กระทบใบหน้าทำให้ดวงตากลมโตใต้แว่นสีกันแดดแฟชั่นสีชมพูพริ้มลงอย่างมีความสุข ฟ้าและทะเลราวกับจะเป็นผืนเดียวกัน ชายหาดสีนวลที่ระยิบระยับ ลมเบาๆที่พัดเอากลิ่นทะเลเข้ามา เสียงดนตรีที่เปิดจากลำโพงของแผงร้านค้า ทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินกับสถานที่และความทรงจำที่ไม่ได้สัมผัสมานาน สองเท้าที่กำลังก้าวเดินอย่างกับทำปุ่มหยุดการเดินหายไปแล้วก็หยุดชะงักลงเมื่อแขนยาวๆของเพื่อนชาวโปรแกรมเมอร์โอบลงมาบนบ่าก่อนจะรั้งให้เขาเข้าไปใกล้

    "เดินช้าๆหน่อยเพื่อน แดดลงหัวนายหมดแล้ว" แล้วก็จับยัดหมวกสานใบกว้างลงบนหัวที่พึ่งกัดสีมาใหม่ของเจ้าตัวแสบก่อนจะออกทริป เข้าหันไปขอบคุณก่อนจะพบสภาพของเพื่อนที่สะพายเป้ใบโตกับเหงื่อที่ชุ่มพราก

    "เพื่อน... นายควรทาครีมกันแดด" เขาเตือนเป็นรอบที่3หลังจากลงจากเครื่องมา 

    "ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ออกมาเจอพระอาทิตย์แบบนี้อีกแล้วแน่นอน" ว่าก่อนจะปาดเหงื่อ ไอคนที่นั่งเหลอหลาเด๋อด๋า ยอมให้เขาอยู่ด้วยตั้งหนึ่งอาทิตย์แต่พูดว่าไม่ไปๆแล้วสุดท้ายก็มาโผล่อยู่ที่ฮาวายกับเขานี่ก็เหลือเชื่อ ไม่แน่ว่าวันต่อๆไปชเวมินกิอาจจะโซโล่ เพราะพอเช็คอินแล้วเจอัลเพื่อนรักดูจะชอบห้องพักเสียจนไม่อยากออกมานอกห้องก่อนตะวันตกดินเลย 

    เขาใช้เวลาบนเกาะไปอย่างสุดเหวี่ยงครบวงจรสุดๆ มันเหมือนปลดปล่อย เขาตื่นมานอนอาบแดด เล่นเซิฟ ขับเจ็ทสกีไปรอบๆเกาะ การผักผ่อนทำเขาลืมเรื่องในใจไปพักหนึ่ง เขาสนุกกับการช็อปปิ้งอย่างที่นานๆทีจะได้ทำ ของชำร่วยร้านนู้นร้านนี้ และทำสปาหินภูเขาไฟที่เคยอยากมาตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว ตกบ่ายก็ขึ้นเรือข้ามเกาะออกไปดำน้ำ เย็นก็เดินดูพระอาทิตย์ตกใกล้ชายหาด แสงตะวันลับแสงสีแห่งความรื่นเริงยามค่ำคืนก็ส่องสว่างทำให้เมืองยังมีชีวิตชีวาในบางจุด เขาลากเพื่อนที่หลบแดดออกมาดื่มที่บาร์คุยกัน 

    เมื่อแอลกอฮอลเริ่มเข้าสู่ร่างกายพวกเขาก็อย่างกับกลับไปเป็นเด็กไฮสคูลในวันนู้น นั่งคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มไปหมด แล้วจบลงที่ตั้งตี้เล่นเกมส์จนดึกดื่นเพื่อตื่นตอนสายๆของวันถัดไป จนกระทั้งค่ำวันที่สามเพื่อนรักก็ต้องกลับไปตามภาระงานด่วนรหัสแดงสักอย่าง เจอาร์บ่นถึงบอสคิ้วบางของตัวเองก่อนเล็กน้อยแต่ก็บจองไฟลท์ที่เร็วที่สุด มินกิเสียดายนิดหน่อยที่ต้องปิดตำนานการเที่ยวกับเพื่อนเจ 

    หลังจากส่งเพื่อนเข้าเกทเสร็จ เขาก็กลับออกมาเดินเล่นอีกรอบ สัมผัสทรายนิ่มแทรกอยู่ระหว่างนิ้วเท้า ในมือขวามีเบียร์โรเซ่อยู่หนึ่งกระป๋อง ในขณะที่มือซ้ายถือรองเท้าเอาไว้ เขายืนนิ่งให้คลื่นซัดน้ำโดนปลายเท้าเบาๆ สายตาเหม่อมองไปรอบๆ ไม่ใกล้ไม่ไกลเขาเห็นชายหญิงแถวนั้นใส่กระโปรงฟางออกมาเต้นระบำท้องที่ เสียงเพลงพื้นเมืองแว่วมาตามสายลม...พัดความคิดถึงที่ซ่อนเอาไว้ออกมา

    เขารักทะเล ชอบแสงแดด ชอบดูพระอาทิตย์ตก ชอบไอติม ชอบการที่ได้เห็นชีวิตของชาวพื้นเมืองโดยไม่ต้องเข้าไปสอบถามข้อมูลเชิงลึกว่าจริงๆแล้วการประกอบอาชีพหรือวัฒนธรรมนั้นๆมีมากี่ปีแล้วมีส่วนสัมพันธ์กับเศรษฐกิจทของคนแถวนั้นมากแค่ไหน...

    “คึ— 5555” พอคิดได้ถึงตรงนั้นเขาก็หลุดขำออกมา มันน่าตลก เขาชอบการเป็นแค่นักท่องเที่ยวธรรมดาๆไม่ใช่นักเดินทาง ชอบเหมือนที่ชอบนอนในห้องพัก5ดาวในตัวเมืองมากกว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับชาวพื้นเมืองในพื้นที่ แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ชอบการได้รู้จักกับคนใหม่ๆ ชอบเวลาได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ชอบฟังน้ำเสียงนุ่มทุ้มพูดเรื่องการลงทุน พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน กองทุน หุ้น...เรื่องที่เขาเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ชอบเห็นใบหน้าที่ยับลงเวลาลองอาหารแปลกๆ เสียงร้องเพลงกล่อมในคืนที่นอนไม่หลับเพราะที่เสียงแปลกๆ ชอบอ้อมกอดอบอุ่นในคืนที่หนาวสั่นกลางทะเลทราย


    ชอบ....เวลาที่มีควักอาร่อน มากกว่าความชอบทั้งหมดที่มี


    เขาเคยเกลียดการเดินทาง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเขาเริ่มเข้าวงการ พ่อแม่ส่งเขาขึ้นเครื่องบินจากเกาหลีบ้านเกิด มาแอลเอเมื่อโมเดลลิ่งบอกว่ามีการติดต่อให้เขาไปเดินแบบแฟชั่นให้แบรนด์ยักษ์ใหญ่ เขาจำได้ว่าตอนนั้นก็เป็นฤดูร้อน อากาศไม่หนาวเลย ตอนนั้นมินกิยังเป็นแค่เด็กเกาหลีคนหนึ่ง

    เขาเป็นแค่ส่วนประกอบระดับแบล็กกราวน์ของรันเวย์ไม่ได้เดินชุดเปิดหรือปิดด้วยซ้ำ แต่มันมาในโอกาสที่ถูกจังหวะ เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนั้นเขายังแค่เด็กม.5 แค่กลับมาเกาหลีได้2เดือนแม่ก็บอกว่าเขาคงจะต้องไปเรียนที่นั่น ต้องเจอโมเดลลิ่งใหม่ ต้องเรียนที่ต่างประเทศ มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น...ก็แค่ช่วงแรก เขาคิดว่าจะหาเงินได้ไวขึ้น... แต่การใช้ชีวิตคนเดียวมันยาก เขาไม่มีต้นทุนมากมาย หลายครั้งที่เหนื่อย ท้อ ถึงแม้ว่าจะได้เจอเพื่อนดีๆแบบเจอาร์ แต่ตอนที่ได้เดินเปิดโชว์ในวินเทอร์/ฟอลโชว์ครั้งแรกที่ปารีส แม่กับพ่อยังไม่มีเงินบินมาดูเขาด้วยซ้ำ เขาใช้เวลาหลายปีในการสร้างฐานะ... จนแบ่งเบาภาระครอบครัวและเหลือเก็บไว้ให้ตัวเองได้

    จนอาฟเตอร์ปาร์ตี้ริมหาดเมื่อ8ปีที่แล้ว สปาร์คกลิ้งไวน์ในแก้วพร่องไปครึ่งหนึ่ง เขาเดินหลบออกมาดูคลื่นและท้องฟ้าสีดำ ปล่อยให้เท้าสัมผัสกับคลื่นเหมือนวันนี้...เหมือนครั้งแรกที่สบตากับอาร่อน ผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ จริงๆตอนนั้นอาจจะยังเป็นแค่พิธีกรรองด้วยซ้ำ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่วันนั้นดูลึกล้ำและเข้มกว่าบนหน้าจอ รูปตาคมกับคิ้วที่รับกันพอดี และริมฝีปากที่คล้ายจะยิ้มคล้ายจะไม่ยิ้ม เป็นครั้งแรกที่เขาละสายตาไม่ได้...คิดว่าอีกฝ่ายก็คงเข้าใจความรู้สึกนี้เหมือนกัน ชั่วเวลาขณะสบตากันช่างยาวนาน เขาเป็นคนยกแก้วขึ้นมาชนกลางอากาศก่อน อีกฝ่ายยิ้มขำอะไรสักอย่างก่อนจะทำเช่นเดียวกัน แต่ก็นั่นแหล่ะ.... อาร่อนเหมือนคลื่นที่ซัดขึ้นริมชายฝั่ง...เขาไม่ทำอะไรมากไปกว่าส่งสายตาให้เมื่อรู้ตัวว่าเขาสนใจอีกฝ่ายเข้าแล้ว เขาถูกจ้องมองด้วยดวงตาคู่นั้นราวกับจะดูดกลืนเขาลงไปสู่ทะเลลึก...ก็แค่นั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น คล้ายเพียงแค่จะซาดซัดขึ้นมาหยอกล้อ...เขาทำตัวคล้ายฟองคลื่นที่ก่อขึ้นมาแต่ไม่เคยพัดอะไรกลับลงไปจริง  พูดตามตรง..มินกิเสียหน้าเล็กน้อย แต่สองสัปดาห์ถัดมาถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายเขินเขา พอได้รู้จักจริงๆแล้วก็อยากจะขำให้กลิ้ง ควักอาร่อนหน้าจอกับตัวจริงก็คือคนละเวอร์ชั่น 

    จริงๆแล้วอาร่อนไม่ควรเป็นผู้ประกาศข่าว มินกิคิดว่ามาดอย่างอาร่อนควรทำธุรกิจสักอย่างหรือไม่ก็เป็นดาราให้มันจบๆไปเลยถ้าจะแสดงกลบเกลื่อนเก่งขนาดนั้น น่าเสียดายที่ส่วนสูงเขาไม่โตขึ้นอีกแล้วปีนั้นดาราเอเชี่ยนยังไม่บูมเท่าปัจจุบัน อาชีพนักประกาศข่าวก็เช่นกัน... นั่นเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาร่อนตัดสินใจออกมาเขียนหนังสือแทน (ประเด็นหลักเพราะเรื่องเงินกับชั่วโมงทำงานต่างหาก จะสะสมกองทุนอะไรสักอย่าง)

    พอรู้จักอาร่อน เขาถึงได้รู้ว่าจริงๆอีกฝ่ายใช้วันหยุดทั้งหมดไปกับการไปเที่ยวที่ต่างๆ ตกปลา ดูนก ปีนเขา ดูออกได้เลยว่าเขารักงานเป็นนักข่าวภาคสนามเมื่อ2-3ปีแรกที่คบกัน เป็นได้ไม่นาน ทางสถานนีบอกกับอาร่อนว่าภาพลักษณ์เขาเหมาะกับการทำข่าวเศรษฐกิจมากกว่า แถมยังพูดเรื่องความสามารถที่อาร่อนมีแต่ไม่ได้ชอบอีก เขาจำได้ดีวันที่อาร่อนเดินกลับเข้าบ้านมาด้วยสภาพที่เหมือนจะร้องไห้ นั่นทำเขาตกใจมาก เพราะมันเหมือนใครสักคนพึ่งทำลายความมั่นใจเขาในตอนเช้าไปแล้วส่งกลับคืนมาแบบนี้ มันยากมากที่จะเห็นเขาเป็นแบบนั้น (ครั้งล่าสุดที่จะร้องก็เห็นก่อนเขามาฮาวายเนี่ยแหล่ะ)

    เราโอบกอดกันไว้แต่อาร่อนไม่เคยมีน้ำตาให้เขาเห็นเลยสักแอะ  อาร่อนเข้มแข็งเสมอแม้ในยามที่เขาอ่อนแออาร่อนก็เป็นประคองไว้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่เขากังวล ทั้งสื่อ หรือคำวิจารณ์ อาร่อนเป็นผู้ใหญ่เสมอในสายตาเขา...มีสติและใจเย็น จริงๆแล้วไม่เลย เขาก็พพอกันแค่ว่าอาร่อนเป็นคนไม่เสียใจนาน เช้าถัดมาเขาแค่ซื้อหนังสือ วันต่อๆมาก็ดูข่าวเป็นเคสศึกษา ลงคอร์สเสริมเท่าที่ทำได้ ทำการบ้านอย่างหนัก อาร่อนเริ่มซื้อหุ้น เริ่มเก็บลงทุน และผลลัพธ์มันก็ออกมาดีอย่างที่เขาพยายาม เขาดีใจที่อีกฝ่ายเรียนรู้และอยู่กับมันอย่างมีความสุขได้...เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ยากมากแน่ๆ เขาเลยสนับสนุนตลอดช่วงที่อาร่อนบอกว่าจะลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เขาวางแพลนมาอย่างดีว่าเงินเก็บในตอนนี้มีมากพอที่จะแบกรับความเสี่ยง... มินกิอยากจะบอกหลายรอบแล้วว่าช่วยเลิกกังวัลทีเพราะรายรับของอาร่อนบางเดือนก็เกือบเท่าที่เขาเดินแบบมาทั้ง2-3งาน

     มีหลายคนเริ่มติดตามอาร่อนเพราะจำเขาจากทีวีได้ อาร่อนมักเขียนในสิ่งที่เข้าใจยากให้ดูง่ายได้เสมอ แน่นอนว่าปีแรกๆไม่มีใครได้เห็นหน้าเจ้าของเพจรีวิวการท่องเที่ยงที่เขียนรายละเอียดยาวยันวิเคราะห์เศรษฐกิจแทรกไปด้วย นอกจากวันแรกของการเริ่มทริปเพราะส่วนใหญ่วันอื่นๆมักจะไม่ใช่สภาพเดิมแล้ว

    เขายกกระป๋องเบียร์ขึ้นจรดริมฝีปาก...แต่ไม่มีอะไรลงคอเขา 
    มันหมดแล้ว รสชาติขมปร่าจากไป
    แต่ความทรงจำยังชัดเจนและแล่นไปอย่างไม่จบสิ้น...
    เขาผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย....มากกว่าการร่วมทริปและร่วมรัก
    'เรา'ผ่านชีวิตมาด้วยกัน
    นั่นคงเป็นเหตุผลมากพอที่จะยอมเข้าใจสักครั้งและสนับสนุนคนรักต่อไปเหมือนที่อีกฝ่ายก็ทำ...


    เขาหาเก้าอี้ชายหาดสักตัวเพื่อเอนกายลง หยิบโทรศัพท์มาเช็คชื่อเพจที่มียอดไลค์หลายล้าน โพสต์ล่าสุดเป็นรูปธารน้ำแข็ง ก่อนหน้านั้นเป็นบอร์ดดิ้ง รูปเพนกวิน...เจอจริงๆด้วย 

    แต่ไม่มีรูปตัวคนเลย หวึ่ย.. สภาพดูไม่ได้แน่ๆแค่คิดเขาก็อยากจะบินไปตีคนทำงานสักสองทีแล้วถามว่าไม่ได้ไปด้วยแล้วลืมโกนหนวดอีกแล้วใช่ไหม อากาศเย็นแล้วมีดโกนกลายเป็นเครื่องทำน้ำแข็งใสแทนรึยังไงห้ะ! ถ้าอาหารมันหมดอายุก็จับเพนกวินกินแทนสิ เลิกขี้งกเกินไปเวลาอยู่กับตัวเองได้แล้ว...อาร่อน..คนโง่

    เขาเลื่อนดูแถบความคิดเห็น คอมเมนท์ส่วนใหญ่ก็พูดคุยเรื่องรีวิวนั่นแหล่ะ ถามถึงผลงาน บลาๆ มีประปรายบ้างที่ถามถึงเขา ผู้ซึ่งปกติแล้วมักจะมีรูปมุมเผลอๆลงเพจเสมอในทริปตลอดสองปีนี้ 

    ‘จริงหรอคะที่ว่าเลิกกันแล้วหน่ะ? ฉันเห็นปาปารัสซี่ลงรูปเร็นเดินกับหนุ่มเอเชียอีกคนด้วยกันในฮาวายที่ถูกลบไปแล้ว แต่คุณยังอยู่ขั้วโลกใต้กับเพื่อนแล้วก็...จริงหรอที่ว่าแอมเบอร์ หลิวก็อยู่ในทริปของคุณ?’

    “...” เขาระบายลมหายใจปลงๆเมื่อพบคอมเมนท์ใส่ใจจากชาวเน็ต ประเด็นแรกตัดไปแน่นอนว่ายังไม่เลิก คนที่อยู่ฮาวายกับเขาต้องเป็นเจอาร์แน่นอน ส่วนรูปก็ต้องถูกเข้าไปลบโดยเจอัลลี่เพื่อนรักผู้ไม่ชอบออกโซเชี่ยลเจ้าเดิมเหมือนกัน แต่ประเด็นหลัง...ไม่ใช่ว่าควักอาร่อน ไปกับเจย์ ช่างกล้องแค่สองคนหรอกหรอเท่าที่เขาจำได้...แล้วแม่สาวแอมเบอร์นี่ใครกัน?? ปกติอาร่อนมักจะวางแพลนชัดตลอดหรือบางที..แอมเบอร์ หลิวอาจจะเป็นเพื่อนของช่างภาพก็ได้ พอคิดได้อย่างนั้นเขาก็ปล่อยผ่านไป มันก็แค่คอมเมนต์จากชาวเน็ต



    .





    ใช่ๆ มันก็แค่คอมเมนต์ชาวเน็ต...ชเว มินกิ ถึงได้ย้ายร่างมาซดมาร์ตินี่ตั้งแต่หั่วค่ำที่บาร์นี่ไงเล่า ฮ่า ฮ่า...

    จริงๆคือเขาสลัดความคิดออกไปได้พักนึง หมายถึงชั่วโมงเดียวก่อนจะเริ่มลงมือค้นอินเทอรืเน็ตทันทีว่า'แอมเบอร์ หลิว'เป็นใคร เท่าที่รู้คือเธอเป็นยูทูปเบอร์ชื่อดัง...แถมยังร้องเพลงเก่งอีกตั้งหาก ถึงภาพลักษณ์จะดูทอมบอยแต่ว่าก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างแซ่บอยู่ทีเดียว หลังรันเวย์ก็เคยได้ยินเรื่องพูดคุยในวงการมาบ้าง บางครั้งหากพบเจอเพื่อนที่ถูกใจเขาก็มักจะนัดกันออกมากินข้าวข้างนอกบ้างซึ่งบทสนทนาก็ไม่ค่อยมีอะไร โดยมากจะเป็นข่าวของรุ่นพี่ส่วนใหญ่ที่บางครั้งต่อให้จะหุ่นนางแบบ อกเอวทรงนาฬิกาทราย หน้าตาสัดส่วนทองคำแค่ไหนหรือยังไงแต่ก็มีบ่อยที่โดนนอกใจไปหาคนนอกวงการ แบบว่าเปลี่ยนแนวไปเลย รุ่นพี่ก็แซวเขาบ่อยบางคราวว่าต่อให้เป็น ‘ชเว เร็น’แต่งเต็มเป็นคนเดียวกันกับบนรันเวย์ ก็อาจจะแพ้คนที่ธรรมดาๆไปเลยก็ได้... แต่... แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงนี่หน่า... 

    แต่ ควัก อาร่อนก็ไม่ใช่เกย์เหมือนกัน! (หมายถึงว่าก่อนหน้านี้เขาก็มองสาวคัพc+มาตลอดนั่นแหล่ะ)​ นั่นแย่มากๆสำหรับเขา เพราะมันทำให้หยุดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้เลย เครื่องดื่มถูกยกซดจนเกลี้ยงในคราวเดียว แก้วเปล่าวางเรียงรายจนบาร์เทนเดอร์ต้องค่อยๆทะยอยเก็บ เขาสาบานว่าถ้ามีปาปารัสซี่ที่ไหนถ่ายเอาไปลงว่า เร็น นายแบบชื่อดังสั่งค็อกเทล10แก้วมาซดโฮกแบบไร้ศิลปะอย่างกับคนอกหัก เข้าจะจ้างเจอาร์ไปปล่อยไวรัสใส่เว็บมัน...

    เขากรึ่มได้ที่ก่อนจะเหลือบไปเห็นข่าวบนจอโทรทัศน์มุมร้าน ผู้ประกาศข่าวสีหน้าเคร่งเครียดเป็นปกติ “นักท่องเที่ยวสูญหายขณะออกสำรวจถ่ายภาพใกล้ธารน้ำแข็ง ยังไม่ระบุชื่อแน่ชัด แต่ข้อมูลเบื้องต้นระบุส่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวโคเรีย-อเมริกัน3ราย เป็นชายวัย30ต้น2คน และหญิงสาวหนึ่งคน ขณะนี้....” ข่าวแทรกภาพจากกล้องวงจรปิดขณะ ทั้ง3ลงเรือด้วยกัน ชเวมินกิไม่มีสติมากพอที่จะบอกได้ไหมว่าทั้ง3คนนั้นเป็นใคร แต่ใจของเขาก็หล่นลงไปที่ตาตุ่มเสียแล้ว เขาลนลานกดเข้าข้อความแชทที่ปิดเสียงไว้ก่อนจะกดโทรออกหาอีกฝ่ายทันที 


    สัญญาณโทรศัพท์ยาวนานเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งระบบตัดเข้าสู่การบันทึกแมสเซจวอยซ์



    ---------------------------------------------------------------------------------------

    แอแง เลทจ้าาา ถึงบ้านแล้วก็แก้ยาวเลย...จัดหน้ากระดาษบนรถก็คือนอกจากเกือบไม่ถึงกรุงเทพก็พอลงคอมแล้วดีที่ไม่ลงไปทั้งแบบนั้นฮือ อ่านยากกว่าอันนี้อีก...ถึงอันนี้จะยังอ่านยากอยู่บ้างก็เถอะ อุแงงง แต่เลาจะไม่ทิ้ง เลาจะลงให้ครบจริงๆ พูดคุยคอมเม้นต์ติ-ชม ไล่ตีกันได---- จ้า ฮืออออ 
    ส่วนชื่อตอนก็คืออยากเล่นคำดูซึ่งก้ไม่แน่ใจว่าประสบความสำเร็จไหมแล้วมันสอดคล้องกับตอนรึป่ะ..แบบๆ Haw-aii-love-U งี้ง่ะ (How I love you) //พับมุขไปโยนหาดทรายให้คลื่นเซาะ

    -ขอพื้นที่หวีด แงงงงงงงงงงงงงงง7ปีทุกคนน่ารักมากๆเจ้าเด็กๆแสบซน ฮือออ คิดถึ๊งงงงงงงง ฮือออออออออออ-

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in