เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บุหลันดั้นเมฆpiyarak_s
บทที่ ๘
  • ในปีที่เดือนอายุสิบห้า เมฆหรือนายพินัยราชกิจ หุ้มแพรที่ออกเรือนมานานถึงสี่ปีแล้วก็มีบุตรคนแรกกับแม่ผิว ภริยา เป็นบุตรสาวชื่อเหมือน และเป็นปีที่พระสุจริตวินิจฉัยได้เลื่อนบรรดาศักดิ์โดยคงราชทินนามเดิมว่าพระยาสุจริตวินิจฉัย ข่าวดีทั้งสองเรื่องนำความยินดีมาให้คนในครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหายที่สนิทชิดเชื้อกันอย่างยิ่ง


    ในวันที่ด้วงชวนเดือนไปรับขวัญลูกคนแรกของเพื่อนสนิท เดือนลังเลอยู่บ้างแต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไป 


    เมื่อถึงเรือนพระยาสุจริตวินิจฉัย พบปะทำความเคารพเจ้าของบ้านและถามไถ่ทุกข์สุขกันพอสมควรแล้ว ผู้เป็นนายของเรือนก็ให้ทนายของคนไปแจ้งแก่เมฆให้พาบุตรสาวออกมารับแขก ด้วงดูเหมือนไม่เอะใจ แต่เดือนสังเกตน้ำเสียงของผู้พูดและคำสั่งที่ให้เชิญเพียงฝ่ายชายออกมา ทว่าไม่ได้บอกให้ฝ่ายภริยาออกมาด้วย นั่นเป็นเรื่องแปลกอยู่สักหน่อย เพราะเมื่อคราวที่เมฆและแม่ผิวนำของมารับขวัญบุตรชายคนแรกของด้วง ทั้งด้วงและแก้ว ภริยาเอกออกมารับแขกและพาลูกออกมาทำความรู้จักกับเพื่อนด้วย 


    ไม่นานนัก ทนายของเจ้าบ้านก็นำบุตรชายคนรองที่เป็นเสมือนบุตรชายคนโตของบ้านไปโดยปริยายออกมาพบกับผู้มาเยือน และเป็นครั้งแรกในเวลาหลายปีที่เดือนค้นพบว่า หัวใจของตนเองยังคงเต้นแรงเมื่อเห็นรอยยิ้มของเมฆ แม้ในเวลาที่เมฆอุ้มบุตรสาวที่เกิดกับแม่ผิวมาด้วยก็ตาม 


    “กินข้าวกินปลามากันหรือยัง ไม่ได้พบกันเสียนานทีเดียว” ชายหนุ่มบุตรชายเจ้าของเรือนเอ่ยทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พ่อเดือนโตขึ้นมาก พี่เกือบจำไม่ได้” 


    เดือนได้แต่ยกมือไหว้แล้วยิ้มรับกับคำทักทายนั้นโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดตอบ ไม่ชัดเจนนักว่าเพราะไม่มีสิ่งใดจะพูดหรือพูดสิ่งที่อยู่ในใจไม่ออกเสียอย่างนั้น เพราะเขาเองก็อยากเอ่ยว่า อีกฝ่ายดูเปลี่ยนไปพอสมควรเช่นกัน 


    เมฆเป็นคนรูปร่างสูง ค่อนไปทางประเปรียวมากกว่าใหญ่หนา รูปร่างหน้าตาเป็นที่ต้องใจของขุนนางที่ดูแลเรื่องการละครและมหรสพหลวงมาตั้งแต่แรกเข้าถวายตัวรับใช้เจ้านายในวัง แต่เมฆที่ยังเป็นเด็กชายอยู่ในเวลานั้นก็ปฏิเสธไปว่า ตนมือไม้แข็งไม่เหมาะและยากจะดัดมือ ดัดแขน จะเป็นภาระของครูมากกว่าจะเป็นประโยชน์ ยิ่งเป็นตัวพระหรือตัวนางที่ต้องมีความอ่อนช้อย ตนยิ่งไร้คุณสมบัติ ความหนักแน่นในการปฏิเสธของเมฆทำให้ขุนนางผู้นั้นยอมรามือไปเอง แม้จะเสียดาย แต่ก็ประทับใจในความมั่นคงในการตัดสินใจของเด็กหนุ่มในคราวนั้น การปฏิเสธครานั้นจึงเป็นคุณแก่ตัวของเมฆมากกว่าโทษ เพราะท่านผู้นั้นก็สนับสนุนให้เมฆเจริญในหน้าที่การงานต่อมา


    หลังจากไม่ได้พบหน้ากันพักใหญ่ เดือนพบว่า เมฆผอมลงกว่าเดิมพอสมควร ดูเป็นผู้ใหญ่และดูมีอำนาจและสง่าราศีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่ความใจเย็นและใจดียังฉายชัดอยู่ในดวงตาคมใต้คิ้วเข้มคู่นั้นดุจเดิม โดยเฉพาะยามมองมาที่เดือน 


    สิ่งที่อยู่ในแววตาของเมฆมีผลต่อหัวใจของเดือนอย่างสำคัญ เป็นเช่นนี้มานาน และไม่เคยเปลี่ยนแปลง 
    ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้จะรู้ว่าความรักที่มีต่อเมฆนั้นไม่มีวันเป็นไปได้ 


    “แม่ผิวเล่า” ด้วงถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทออกมาพบ โดยไม่มีภรรยาตามมาด้วย แต่ให้บ่าวหญิงอุ้มบุตรสาวมาแทน 


    คำถามนั้นทำให้เมฆถอนใจออกมาหนักหน่วงและสบตากับเจ้าคุณสุจริตวินิจฉัยผู้บิดา สีหน้ายินดีในคราวแรกมีร่องรอยของความวิตกกังวลเจือปนอยู่


    “ออกจากอยู่ไฟแล้วแม่ผิวก็สามวันดีสี่วันไข้มาตลอด ตอนนี้ก็นอนซมอยู่ในห้องมาสองสามวันแล้ว” 


    ชายหนุ่มขยับเหมือนอยากเอ่ยบางสิ่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ หันไปรับบุตรสาวรูปร่างสมบูรณ์ที่เพิ่งโกนผมไฟกับทำขวัญเดือนไปเมื่อเดือนก่อนมาอุ้มไว้เอง และเมื่อเทียบกับด้วง เมฆดูจะอุ้มทารกได้คล่องแคล่วและทะมัดทะแมงยิ่งกว่าหลายเท่า แม่หนูดูเหมือนจะคุ้นมือคุ้นอกบิดาอยู่มากจึงไม่งอแง ดวงตากลมโตที่เห็นชัดว่าได้มาจากมารดาจ้องมองสิ่งที่อยู่ใกล้กับระยะที่เห็นถนัดตาแป๋ว 


    “น่าเกลียดน่าชังดีแท้” ด้วงออกปากและหัวเราะเบา ๆ เมื่อเด็กน้อยทำเสียงอืออาและกำนิ้วของเขาที่ยื่นเข้าไปหาเอาไว้ “ดูท่าจะเลี้ยงง่ายดีเสียด้วย” 


    เมฆพยักหน้าเห็นพ้องด้วย “เคราะห์ดีที่แม่เหมือนเลี้ยงง่าย ไม่อย่างนั้น ฉันคงแย่แน่”


    ด้วงเลิกคิ้ว “มีพี่เลี้ยง แม่นมเต็มบ้านจะกลัวอะไร” 


    “แม่เหมือนเริ่มจำพ่อกับแม่ได้แล้ว ก็เริ่มติดแม่ผิว แต่แม่เขายังไม่แข็งแรง พอให้นมลูกได้ แต่เลี้ยงไปตลอดไม่ไหว” ชายหนุ่มพูดเหมือนเห็นขันและค่อยยิ้มออกมาได้บ้าง “ผิดที่ฉันด้วยเถอะ ที่กลับมาก็อยากอุ้ม อยากกอดลูก แม่เหมือนเลยติดมือฉันไปอีกคน แทนที่จะเป็นปู่ย่าหรือพี่เลี้ยง”


    ภาพของคนที่เป็น ‘พี่ชายคนโปรด’ ที่ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าเห่อบุตรสาวคนแรก ผิดกับบิดาส่วนใหญ่ที่พยายามจะรักษาระยะห่างจากบุตรทำให้เดือนอดยิ้มออกมาไม่ได้ แม้น้ำเสียงนุ่มนวลและห่วงใยของเมฆยามเอ่ยถึงภรรยาจะทำให้รู้สึกหนึบชาในใจอยู่บ้าง แต่เด็กหนุ่มก็บอกกับตนเองว่า อย่างน้อย เขาก็รักคนไม่ผิดและยิ่งไปกว่านั้น เมฆยังคงเป็นเมฆที่แสนอ่อนโยนและใจดีของเขาไม่เปลี่ยนแปลง และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อาจรักตัวตนและความคิดของชายผู้นี้ให้น้อยลงไปกว่าเดิมได้เลย


    อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่เขายังติดใจเกี่ยวกับคำพูดที่เมฆเก็บเอาไว้ ไม่ยอมเอ่ยออกมาจากปาก 


    “พี่ด้วง จะมารับขวัญหลานไม่ใช่หรือ มาชวนพ่อหลานคุยอยู่นั่น” เดือนสะกิดเตือนพี่ชายต่างมารดาเมื่อได้จังหวะ คำทักของเขาทำให้ผู้ใหญ่ทั้งพระยาสุจริตวินิจฉัยและด้วงต่างหัวเราะไปตามกัน 


    “เออ พ่อเดือนนี่ดีแท้ หากพวกทนายของลุงหัวไวและจริงจังเรื่องกิจธุระสำคัญได้เท่านี้ก็คงจะดี” ผู้อาวุโสที่สุดว่า “พ่อด้วงก็ฟังน้องเขาหน่อย จัดการเรื่องธุระให้เสร็จจะได้คุยเล่นกันได้นาน ๆ แล้วเจ้าเมฆจะได้ให้พี่เลี้ยงพาแม่เหมือนไปหาแม่” 


    ผูกสร้อยข้อมือทองให้เด็กน้อยเป็นการรับขวัญหลานคนใหม่เรียบร้อยแล้วและเมฆส่งบุตรสาวให้พี่เลี้ยงนำไปคืนให้แม่ผิว ภรรยาในห้อง ด้วงก็ตั้งท่าเริ่มชวนบิดาของเพื่อนสนทนา ในขณะที่เดือนหันไปมองยังเพื่อนของพี่ชาย


    “คุณพี่เคยบอกจะให้กระผมดูหนังสือที่หมอปลัดเลพิมพ์มิใช่หรือขอรับ” 


    เดือนไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเมฆมาก่อน และเมฆก็ไม่เคยบอกว่าจะให้เดือนยืมดูหนังสือ เด็กหนุ่มเพียงแต่รู้จากหมอสอนศาสนาที่พักอาศัยอยู่ละแวกวัดประยุรวงศาวาท ใกล้กับเรือนและสถานพยาบาลของนายแพทย์ชาวอเมริกันว่า มีคนลักษณะเหมือนเมฆมาพูดคุยและติดต่อธุระเกี่ยวกับการพิมพ์หนังสือและประกาศของราชการเท่านั้น และชายหนุ่มเองก็อ่านออกได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร แม้จะมองคนอายุน้อยกว่านิ่งอยู่พักหนึ่ง แต่การนิ่งนั้นเกิดจากความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นเมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวเองที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย ก่อนจะปรับกิริยาของตนเองให้เป็นปกติ


    “ถ้าหากพ่อเดือนไม่เตือน พี่คงเกือบลืมไปเสียสนิททีเดียว” เมฆกล่าว และหันไปทางบิดากับเพื่อนสนิท “ลูกขอพาน้องไปดูหนังสือตามสัญญาก่อน คุณพ่อกับพ่อด้วงพูดคุยกันตามสะดวก ประเดี๋ยวลูกจะสั่งให้บ่าวชงชากับนำของว่ามาให้” 


    “ขอบใจ พาน้องไปเถอะ” 


    เมื่อพระยาสุจริตวินิจฉัยอนุญาต เมฆก็ลุกขึ้นยืนและเดินนำเดือนผ่านหอนกที่เคยเป็นที่สนทนากันเมื่อครั้งก่อน ผ่านไปยังห้องหนังสือและห้องทำงานในเรือนใหญ่ ส่วนเดือนขอตัวจากผู้ใหญ่ทั้งสองเดินตามชายหนุ่มไปเงียบ ๆ


    หัวใจของเดือนเหมือนเต้นผิดจังหวะ แต่ไม่อาจยกมือขึ้นคลำเหนืออกตนเองได้ด้วยเกรงอีกฝ่ายจะเห็นพิรุธ


    นี่เป็นครั้งแรก ในรอบหลายปีที่เดือนได้อยู่กับเมฆตามลำพัง



    To be continued... 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Ornalin Eyck Pimsamsee (@fb2102545806457)
พ่อเดือน คนดีของพี่
wj_2301 (@wj_2301)
การได้พบกันครั้งนี้ของพ่อเดือนและพี่เมฆจะมีอะไรอีกนะ
piyarak_s (@piyarak_s)
@wj_2301 ต้องรอดูกันต่อคราวหน้านะคะ :)
yemaoziwnk (@yemaoziwnk)
พ่อเดือน TT... //กอดน้อง
เห็นตั้งแต่ตอนคนพี่แต่งงาน จนมาถึงตอนนี้มีแม่เหมือนตัวน้อยๆแล้ว น้องก็ยังคงรัก ฮืออ ความรักน้องคือมั่นคง รักที่คือรักจริงๆ ตอนนี้น้องดูโตขึ้นมาก สรรพนามก็เปลี่ยนคนพี่ถึงกับอึ้งไปเลย 55555 ฉากพระนายเจอกันยังเป็นความรู้สึกหน่วงๆเหมือนเคย แต่มันมีกระแสบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกว่าสองคนนี้มีตวามรู้สึกดีๆต่อกัน ชีวิตหลังแต่งงานของพี่น่าจะมีความสุขเพราะมีภรรยาทดี แถมตอนนี้ได้ลูกสาวอีก แต่แม่ผิวไม่สบายหรือจะมีเหตุอะไรหรือเปล่า... // ตอนหน้าเขาจะได้คุยกันสองคนแล้ว จะคุยกันเรื่องอะไรนะ ;-;
piyarak_s (@piyarak_s)
@yemaoziwnk ฮืออออ พี่อยู่ในสายตาน้องทุกช่วงจังหวะชีวิตจริงๆ ค่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจน้องได้เลย ส่วนเรื่องของแม่ผิวจะมีเฉลยอะไรนิดหน่อยตอนหน้านะคะ ขอบคุณที่มาคุยกันนะคะ ><