หลายปีล่วงผ่าน เดือนใช่เพียงแค่เติบโตทางกาย แต่ความคิด ความรู้สึกของเขาก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน ในส่วนของความคิดอ่านและความรู้สึกนั้นอาจเติบโตก่อนที่เขาจะเข้าวัยรุ่นและเป็นหนุ่มด้วยซ้ำไป
หากความรักทำให้คนเติบโตทั้งความคิดและจิตใจ เดือนก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่าท้ายที่สุดแล้ว รักแรกที่ได้เรียนรู้เป็นความรักที่ไม่สมหวัง แต่อย่างน้อยที่สุด ความรักนั้นก็ชัดเจน ไม่คลุมเครือ และทำให้เขาสามารถเข้าใจตัวเองและคนอื่นได้ดีอย่างที่การเรียนรู้ด้วยวิธีการอื่นไม่อาจสอนให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
เขาเพิ่งรู้ตัวว่ารักเมฆในวันที่เขารู้ว่าเมฆเป็นคนที่เขาไม่อาจรักได้อีกต่อไปแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาจำใจต้องเข้าใจความเป็นไปของเรื่องทั้งหมดระหว่างเขากับเมฆว่า มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และทางออกเดียวที่เหลืออยู่คือพยายามทำใจ
หลังจากเมฆออกเรือนกับแม่ผิว และด้วงได้ลูกชายคนแรกในคืนเดียวกับที่เพื่อนสนิทของตนแต่งงาน เดือนกับเมฆก็พลอยห่างกันไปไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งอย่างแต่ก่อน จะได้พบกันบ้างก็ในงานบุญที่วัด หรือได้พูดคุยกับแบบผ่าน ๆ เต็มที เพราะเมื่อแต่งงานไปไม่นาน เมฆก็ได้เลื่อนลำดับขึ้นจากนายรองเป็นนายพินัยราชกิจ หุ้มแพร มหาดเล็กในลำดับสูงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง และมีภาระหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าคนมากขึ้น และการมีภริยาเป็นตัวเป็นตนอยู่ทั้งคนทำให้จังหวะชีวิตของชายหนุ่มเปลี่ยนไปพอสมควร
สำหรับเดือน พอย่างเข้าสิบสองปี ก็ตัดสินใจบวชเป็นเณรพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องของตนเองที่หมายว่าจะเรียนหนังสือกันอย่างจริงจังเสียที ทั้งไทย ทั้งบาลี และศาสตร์อื่นที่จำเป็นและหลวงพ่อที่วัดมีความรู้สามารถสอนได้ นั่นก็ยิ่งทำให้เดือนอยู่ห่างจากเมฆไปอีก แต่เมื่อบวชไปได้สองปี หลวงพ่อก็กล่าวตามตรงว่าหมดภูมิจะสอนในสิ่งที่เดือนควรจะรู้แล้ว จะสอนความรู้ทางโลกให้ก็ย่อมไม่สะดวก ดังนั้น เมื่อบวชได้สองปีก็สึกจากเณรกลับมาอยู่ที่บ้าน
ในเวลานั้น พระธัญกิจโกศล ขุนนางกรมนาผู้บิดาก็สามารถให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพืชพันธุ์และการทำบัญชีต่าง ๆ ของข้าว ธัญพืช และผักหญ้าต่าง ๆ ที่หลวงรวบรวมไว้เพื่อใช้ในกิจทางราชการเท่านั้น และยิ่งช่วงที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้ทำสวนข้าวแฝ่หรือกาแฟขึ้นที่สนามไชย ขุนนางหลายคนรับสนองพระราชดำรินำต้นกาแฟไปปลูกที่บ้านของตนเพื่อรวบรวมเป็นสินค้าเอาไว้ขายพวกตะวันตกตามจำนวนที่กำหนดไว้ พระธัญกิจโกศลก็ยิ่งวุ่นวายกับการทำบัญชีสินค้าและทดลองปลูกข้าวแฝ่และพืชที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปรารภว่าน่าจะนำไปขายให้พ่อค้าต่างชาติได้ไปพร้อมกันด้วย
จะว่าไปแล้ว การเห่อปลูกต้นกาแฟเพื่อเอาเมล็ดไปขายพวกวิลันดาและปรัศตุกันหรือพวกฮอลแลนด์และโปรตุเกสนั้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับเดือน เพราะความน่าสนใจของพืชเพื่อการค้าชนิดใหม่ทำให้หายเบื่อหน่ายได้พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อคุณพระผู้บิดาตัดสินใจใช้วิธีลัดในการหาข้อมูลการปลูกข้าวแฝ่จากพวกฝรั่งและพาบุตรชายคนรองที่รู้ความแล้วและมีความจำดีอย่างวิเศษอย่างเดือนติดสอยห้อยตามไปกับตนด้วย
การติดตามบิดาไปพูดคุยกับพวกหมอสอนศาสนาชาวอเมริกันที่เช่าที่ขุนนางผู้ใหญ่อาศัยอยู่แถววัดประยูรวงศารามเป็นประสบการณ์ที่ดี ภาษาอังกฤษที่ขุนไพรัชภาษา ล่ามกรมท่าที่อาสาจะมาช่วยแปลความให้เป็นเรื่องใหม่ การพิมพ์หนังสือของหมอปลัดเลเครายาวตัวสูงใหญ่ก็เป็นเรื่องใหม่ที่น่าตื่นเต้นเอาเรื่อง ถ้าหากถามใจเดือน ภาษาจีนที่ด้วงพูดก็จำเป็นดีอยู่ แต่ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่เดือนสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้เลือกระหว่างเป็นล่ามอย่างพี่ชายกับเป็นคนคุมบัญชีพืชผลอย่างบิดา เดือนก็คิดว่าการเป็นล่ามนั้นเปิดหูเปิดตาตนเองมากกว่า แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ตรงใจเดือนที่สุด
คำพูดของเมฆ ข้อสังเกตของเมฆเกี่ยวกับความสามารถในการจดจำและวิเคราะห์เรื่องราวต่าง ๆ ของเดือนยังคงอยู่ในใจส่วนลึกของเด็กหนุ่มเสมอมา ไม่ใช่เพราะเมฆเป็นรักแรกที่เป็นไปไม่ได้ของเขา แต่เป็นเพราะเมฆเป็นคนแรกที่มองเห็นตัวตนและหัวใจของเขาแจ่มชัดยิ่งกว่าใครทั้งหมด
แหวนที่เมฆให้ เดือนยังคงเก็บไว้อย่างดี แหวนนั้นไม่ใช่สิ่งแทนตัว แต่เป็นสิ่งที่คอยเตือนเดือนว่าให้คอยสำรวจใจตัวเองให้ดี เขารู้ว่ารักเมฆเกินกว่าพี่น้องและมิตรสหายที่รู้จักเมื่อเมฆบอกให้เขารู้ตัว การรู้ตัวดีกว่าเดินหลงอยู่ในเขาวงกตของความรู้สึกจนหาทางออกไม่ได้ เดือนคิดเช่นนั้น
คืนวันสุกดิบก่อนวันแต่งงานที่เมฆต้องอยู่เฝ้าเรือนหอเป็นคืนที่เดือนไม่มีวันลืม เพราะคืนนั้นมีคนมาส่งข่าวแก่ด้วงว่า ภรรยาปวดท้องทำท่าว่าจะคลอดเต็มแก่ พี่ชายของเดือนที่ควรจะอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเจ้าบ่าวรีบรุดกลับเรือนและบอกให้เดือนอยู่เฝ้าเรือนหอเป็นเพื่อนเมฆ
แม้มีเสียงมโหรีปี่พาทย์บรรเลงกล่อมหอมาจากทางชานเรือน แต่ในความรู้สึกของเดือนกลับมีเพียงความเงียบงัน เขาไม่รู้ว่าจะเอ่ยสิ่งใดกับเมฆทั้งที่มีโอกาสได้อยู่กันตามลำพังเพียงสองคน เมฆเป็นฝ่ายเอ่ยกับเขาก่อน เอ่ยในสิ่งที่ติดอยู่ในใจของเดือนมาจนถึงทุกวันนี้ และทำให้เดือนยังคงคิดคำนึงถึงถ้อยความในคืนนั้นก่อนผล็อยหลับไปกับตักของคนอายุมากกว่าที่ฝ่ายหลังอุ้มเด็กน้อยที่เพิ่งรู้ใจตัวเองอย่างเขาไปนอนเตียง ส่วนตนเองปูฟูกที่ควรจะเป็นของเพื่อนเจ้าบ่าวที่มานอนเฝ้าหอเป็นเพื่อนแล้วนอนแทนที่
“ถ้าหากเป็นไปได้ ไม่ว่าเดือนจะรู้สึกหรือคิดกับพี่อย่างไร พี่ก็อยากมีเดือนเป็นคู่คิดของพี่อย่างที่เคยเป็นมา”
ในเวลานั้น เมฆไม่ได้ให้เหตุผลหรืออธิบายอะไรมากไปกว่านั้น แต่เดือนรู้ดีว่า สิ่งที่เมฆละไว้ไม่พูดต่อคือสิ่งใด
เพราะเดือนเป็นคนที่รู้ใจเมฆดีที่สุด
เช่นเดียวกับที่เมฆเป็นคนที่รู้ใจเดือนมากที่สุด
จากวันที่เด็กน้อยเติบโตเป็นเด็กหนุ่ม กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ความคิดของเขาไม่เคยเปลี่ยนไป
ไม่ว่าจะได้รับความรักชนิดเดียวกันจากเมฆตอบหรือไม่ เดือนก็ยังคงอยากอยู่เคียงข้างเมฆอยู่นั่นเอง
To be continued....
เป็นความรักที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้สำหรับทั้งสองคน
คนหนึ่งสว่างชัดเจนแบบพระจันทร์ อีกคนก็คลุมเครือตามชื่อนั่นล่ะค่ะ
รอดูกันต่อไปว่าทางออกของเรื่องนี้จะเป็นยังไงนะคะ ขอบคุณทีี่มาคุยกันด้วยค่ะ ><