“อิฉันเกรงเหลือเกินว่าคนในเรือนจะลือกันว่า ของทำคุณไสยนี้เป็นเหตุให้อิฉันใช้เวลานานนักกว่าจะตั้งครรภ์และเจ็บไข้ไปเมื่อคลอดแม่เหมือน คนที่คุณพี่พบเมื่อคืนนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้กระทำคนใดคนหนึ่ง แต่อิฉันไม่คิดว่าเขาเป็นต้นเหตุ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ อิฉันคิดว่าอาจมีเหตุเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของเรามาแต่ต้น เป็นสังหรณ์ที่คุณพี่อาจคิดว่าเหลวไหล เพราะเรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่อิฉันก็อดคิดไม่ได้อยู่นั่นเอง”
ข้อความในจดหมายของผิวทำให้เดือนต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเมฆที่นั่งมองเขาอยู่ มีอะไรบางอย่างที่ภรรยาของชายหนุ่มต้องการจะบอกแก่ทั้งเขาและสามีของตนเอง แต่เด็กหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าตนเองเข้าใจถูกต้องหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยรู้ที่มาที่ไปของการออกเรือนของเมฆและแม่ผิวนอกไปเสียจากผู้ใหญ่ของทั้งคู่เห็นความเหมาะสมและยินดีให้ตบแต่งกันให้เป็นฝั่งเป็นฝากันไปเสียเมื่อถึงอายุอันควร และยิ่งไปกว่านั้น ภาพของเมฆและผิวที่ยิ้มหัวกันในพิธีซัดน้ำก็ยังแจ่มชัดเกินกว่าที่เดือนจะลืมไปได้
เดือนส่งจดหมายคืนให้ เมฆรับเอาจดหมายของแม่ผิวจากเขาสอดกลับลงในหนังสือ แล้วระบายลมหายใจยาวนาน
“แม่ผิวคงอยากให้พ่อเดือนทราบปัญหาแต่ครั้งเก่าที่ค้างคาอยู่ในใจหล่อนมานาน แต่ครั้นจะเล่าให้ฟังเองคงไม่เหมาะ จึงให้พี่เล่าให้พ่อเดือนฟังไปเสียให้เสร็จพร้อมกับเขียนข้อสันนิษฐานในความคิดหล่อนให้พี่รับรู้”
แม้จดหมายของหญิงสาวจะมีอยู่ไม่มากประโยค หากแต่เมฆก็สามารถอ่านความคิดของคู่ครองของตนได้อย่างแตกฉาน และในทางตรงข้ามกัน ผิวก็เชื่อมั่นใจตัวสามีของหล่อนเหลือเกินว่า เขาจะสามารถเข้าใจสิ่งที่หล่อนประสงค์จะสื่อความได้อย่างชัดเจนเช่นกัน เดือนเห็นความจริงข้อนี้จากทั้งสองฝ่ายและบอกตนเองว่า อย่างน้อยที่สุด นอกจากเขาแล้ว เมฆก็ยังมีคู่คิดที่คอยอยู่เคียงข้างกันอีกคนหนึ่ง
เท่าที่สังเกต แม่ผิวแตกต่างจากหญิงอื่นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพราะหล่อนเคยใช้ชีวิตเป็นคุณข้าหลวงมาตั้งแต่อายุน้อย แต่เพราะ ‘ความคิด’ ของหล่อน เดือนเคยรู้สึกว่า ผิวมีท่าทีอึดอัดเวลาอยู่กับเจ้าคุณและคุณหญิงผู้เป็นบิดาและมารดาของตนเองมากกว่าเวลาที่อยู่กับเมฆและครอบครัวฝ่ายสามี หล่อนไม่ใช่คนพูดมาก แต่เมื่อพูดแล้วมีคนตั้งใจฟังเสมอ หล่อนสามารถมี ‘ความคิด’ ของตนเองได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะทำตัวแกว่นกล้าเกินหน้าตาของบุรุษ อย่างที่ครอบครัวของหล่อนเคยตำหนิหล่อนแล้วเผอิญเดือนได้ยินเข้า
ความเฉลียวฉลาดและซื่อตรงของแม่ผิวเป็นสิ่งที่ทำให้เมฆรักหล่อนมากกว่าความงามละมุนละไมเหมือนกลีบบัวหลวงแรกแย้มของหล่อน แต่คุณสมบัติดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่บุรุษทั่วไปพึงพอใจและอาจนับเป็นข้อเสียของหล่อนด้วยซ้ำไป ยิ่งเดือนรู้จักแม่ผิวมากขึ้น เด็กหนุ่มก็ยอมรับได้อย่างสนิทใจว่า หากเมฆมีความสุขเมื่ออยู่กับแม่ผิว เขาก็ยินดีที่จะช่วยรักษาความสุขของคนที่เขารักและคนที่อีกฝ่ายรักให้ดำรงอยู่เรื่อยไปในทุกสิ่งทุกอย่างที่พอจะกระทำได้
เดือนเหลือบมองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะฝรั่ง สีหน้าของเมฆยังคงเคร่งขรึม สายตายังคงจับนิ่งอยู่ที่จดหมายของภรรยา ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหากันในอาการครุ่นคิด
“ที่แม่ผิวออกเรือนกับพี่ แท้จริงแล้วก็มีเหตุเบื้องหลังอยู่”
ประโยคที่ชายหนุ่มเอ่ยทำให้เดือนเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน เสียงที่กล่าวนั้นขึงขังจริงจังกว่าหลายครั้งที่ได้ยิน มีความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในสำเนียงนั้นทำให้เดือนถึงกับเงยหน้าขึ้นจับจ้องยังใบหน้าของอีกฝ่ายโดยไม่เกรงจะเสียกิริยา
“เรื่องที่เป็นคนคุ้นเคยกันมาบ้างและอยู่ในวัยอันควรออกเรือนแล้วทั้งคู่ก็เป็นเหตุผลหนึ่ง ความจำเป็นที่ทำให้ท่านเจ้าคุณบิดาของแม่ผิดต้องเร่งรัดให้บุตรสาวของตัวออกเรือนเสียให้หมดปัญหาก็เป็นอีกเหตุหนึ่ง” เมฆกล่าว
“พ่อเดือนรู้จักแม่ผิวมาบ้าง คงมองออกใช่หรือไม่ว่า หล่อนเป็นคนไหวพริบดี ช่างสังเกต และซื่อตรงไม่เข้าข้างใคร แม้กระทั่งกับคนของตัว”
“ขอรับ คุณพี่”
“เพราะหล่อนเป็นคนเช่นนั้นนั่นละ จึงมีบางคนไม่ชอบหล่อน โดยเฉพาะเมื่อหล่อนพบข้อพิรุธในบัญชีเบิกจ่ายเงินในพระคลังและนำความไปกราบทูลเสด็จ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบไปชั่วอึดใจ แม้จะพอรู้ว่าแม่ผิวเป็นคนเด็ดขาดอยู่ในที แต่สิ่งที่หล่อนกระทำนั้นเป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่และผลกระทบที่ตามมาก็คงไม่น้อย ไม่ใช่เฉพาะแค่กับผู้ที่ถูกกล่าวหา ผู้ที่ตั้งข้อสังเกตขึ้นอย่างแม่ผิวก็ย่อมได้รับผลไม่มากก็น้อย
“เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นหรือขอรับ” เดือนถาม
“ความจริง เรื่องนี้ควรมีการลงโทษสถานหนัก อย่างน้อยที่สุดก็นำตัวผู้กระทำผิดไปขังไว้ให้รู้ความผิดของตนเอง แต่เนื่องด้วยหล่อนผู้นั้นรับราชการมานานและมีญาติเป็นผู้ใหญ่ในกรมการต่าง ๆ โดยเฉพาะพี่สาวที่เป็นสนมนางในซึ่งเป็นที่โปรดปรานของเจ้านายพระองค์หนึ่ง จึงมีการเจรจาของดเว้นเรื่องโทษหนักเอาไว้ คงเหลือแต่ให้นำเงินและทรัพย์สินที่พร่องไปมาคืน และให้ออกจากหน้าที่คุมบัญชีเท่านั้น เสด็จทรงมีเมตตาชุบเลี้ยงอยู่แต่ก็มิได้ไว้วางพระทัยเหมือนแต่ก่อน”
“แล้วคนที่ได้รับตำแหน่งคุมบัญชีแทนเล่าขอรับ เป็นคุณพี่ผิวหรือไม่”
เมฆพยักหน้า “เสด็จทรงมีดำริจะตั้งให้แม่ผิวรับหน้าที่เป็นเสมียนบัญชีแทน แต่หล่อนปฏิเสธ พ่อเดือนพอจะคาดเดาได้ไหมว่าเพราะเหตุใด”
เด็กหนุ่มนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เพราะคุณพี่ผิวไม่ต้องการให้คนอื่นมองว่า หาเรื่องเสมียนคนเก่าเพื่อตนเองจะได้ทำหน้าที่แทน... เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่”
“ใช่ พ่อเดือนตอบถูกต้องแล้ว” ชายหนุ่มเฉลย “แม่ผิวปฏิเสธ ฝ่ายเสด็จเองก็ทรงเข้าใจ ทุกอย่างก็ดูคล้ายจะเรียบร้อยดี แต่เงียบสงบไปได้พักหนึ่ง เจ้านายพระองค์ที่ไม่มีใครคิดว่าจะนึกสนใจแม่ผิวขึ้นมาก็มีดำริจะขอหล่อนมาเป็นพระสนม และเริ่มมีข่าวลือขึ้นตามมาว่า ที่หล่อนอิดเอื้อนปฏิเสธตำแหน่งที่กุลสตรีหลายคนอยากเป็นก็ไม่มีโอกาสได้เป็นนี้ เพราะหล่อนลักลอบเล่นเพื่อนและชอบพอกับคุณข้าหลวงในตำหนักที่สนิทสนมกันอยู่”
เมฆหยุดเล่าและลอบสังเกตสีหน้าของเดือนที่เต็มไปด้วยความสงสัย เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจชัดเจนนัก และในขณะเดียวกันก็ไม่แน่ใจนักว่าควรถามสิ่งที่อยากรู้ดีหรือไม่
“พ่อเดือนเข้าใจคำว่า ‘เล่นเพื่อน’ หรือไม่”
To be continued...
เรื่องประเด็นเล่นเพื่อนนี่ก็น่าสนใจค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นข่าวลือที่อีกฝ่ายตั้งใจปล่อยเพื่อให้แม่ผิวอับอายจะได้ตอบรับเป็นพระสนมไวๆ ด้วยหรือเปล่า /หรี่ตาครุ่นคิด
เป็นกำลังใจให้นะคะ ตอนนี้แอบตามอ่านสตรีมพังก์เซตติ้งไทยในทวิตเตอร์อยู่ค่ะ ชอบมากเลย ;-;
แงงง ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ดีใจที่มีคนชอบสตีมพังค์ไทยด้วย อันนี้เขียนเอาสนุกตัวเองเข้าว่าจริงๆ ค่ะ ><
เริ่มจะมีปมเข้ามาเรื่อยๆทำให้อยากรู้ไปอีก
แงงงงงง
รักกกกกและคิดถึงนะคะ
ทำงานสู้ๆ พักบ้างนะค้าาาาาา
แงงงง ขอบคุณค่า <3