วันแรกของการฝึกงาน คือวันสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่เดือนสุดท้ายของช่วงครึ่งปีแรก
เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ไม่ดีขึ้นซะทีและมีท่าทีจะแย่ลงทุกวัน อันเป็นผลจากการบริหารงานแบบที่เด็กเล่นขายของยังดูจริงจังกว่าของร้าบานหัวขวด การฝึกงานครั้งนี้จึงถูกปรับให้เป็นการฝึกออนไลน์ไปอย่างน่าเศร้า
เวลาเดินเร็วเหมือนมีคนไปตั้ง playback speed ไว้ที่ระดับ 5 นับจากวันนั้นที่พี่วี่โทรมาแจ้งผล แปบเดียวก็กระโดดข้ามมาท้ายเดือนพฤษภาเลย ปลาซิวเพิ่งจบชีวิต (ปีสาม) สดๆ ร้อนๆ แผลพุพองจากสงครามไฟนอลยังไม่ทันรักษาให้หาย พี่วี่ก็ไลน์มาก๊อกๆ ถามน้องซิวว่าพร้อมเข้าประชุมร่วมกับเพื่อนๆ แผนกอื่นไหมจ๊ะ แม้จะแอบอยากพักสักหน่อย แต่ปลาซิวไหนไฟแรงเฟ่อก็ตอบตกลงไปทันทีแบบไม่คิดเพราะยังไงก็สอบเสร็จทุกตัวแล้ว พี่วี่ส่งลิงก์เข้าซูมและแนบเวลามาให้เสร็จสรรพ วันปลาส้มปฐมนิเทศน์ จัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 31 พฤษภา เวลาบ่ายโมงตรง
แน่นอนว่าเป็นเด็กฝึกงานครั้งแรก มันก็ต้องมีฟีลตึ๊กตั๊กใจกันบ้าง คืนวันอาทิตย์เลยใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะข่มตาหลับลง คิดสะระตะไปว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรบ้างน้อ ตามนิสัยของมนุษย์ปลาซิวใจฝ่อ ความกังวลตีคู่มากับความกลัวเล็กๆ ว่าความโง่ของตัวเองจะไปสร้างภาระให้เขา แต่มันมาถึงขั้นนี้ก็ถอยไม่ได้แล้ว เลยกล่อมตัวเองให้นอนเพื่อชาร์จพลังสำหรับวันรุ่งขึ้น
เพราะเป็นการฝึกออนไลน์ ปลาซิวเลยไม่จำเป็นต้องเร่งรีบแหกขี้ตาตื่นและเดินทางข้ามเมืองไปเข้าออฟฟิศแต่เช้าเฉกเช่นในสถานการณ์ตกกะปิ วันจันทร์นั้นจำได้ว่าตื่นแบบชิลๆ ใช้เวลาช่วงเช้าก็ (พยายาม) ชิล สิ่งที่พิเศษขึ้นมาจากวันธรรมดามีเพียงการลุกมาขัดสีฉวีวรรณและเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมใส่อย่างบรรจง ปลาซิวยืนลังเลอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าค่อนข้างนาน ไม่แน่ใจว่าการประชุมครั้งนี้สามารถ casual ได้ถึงขั้นไหน และต้องใส่อะไรพี่ๆ ถึงจะปลาทับใจกัน
แต่ด้วยความเชื่อมั่นในวิถีปลาส้ม สุดท้ายก็เลยคว้าเสื้อแล็กตาซอยสีขาวตัวเก่งมาสวม แล้วเตรียมเข้าห้องตรงหน้าจอสี่เหลี่ยมของแล็ปท็อปคู่ใจ
บ่ายวันนั้นอากาศร้อน ลำคอปลาซิวแห้งผาก นั่งจ๋องตรงโต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิม พอบ่ายโมงตรงปุ๊บก็ join ห้องด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ มีคนมาสแตนด์บายรออยู่แล้ว ทั้งคนคุ้นและแปลกหน้านับรวมสิบกว่าคน พี่ๆ บอกให้เปิดกล้อง แล้วก็เปิดพิธีปฐมนิเทศน์ปลาส้มรุ่นเยาว์ในวิชาการฝึกว่ายทวนน้ำอย่างเป็นทางการ
พี่ๆ แนะนำหัวข้อประชุมว่าที่นัดหมายก็เพื่อให้เรามาพบและทำความรู้จักกันเล็กน้อยนะเด็กๆ วาระเริ่มด้วยการอธิบายเรื่องประวัติและระบบการทำงานของสำนักพิมพ์ แผนกที่มี ไปจนถึงสมาชิกในสังกัด ปลาส้มออริจินัลบอกว่าเราจะไล่แนะนำตัวกันทีละคนให้เด็กมันดู แล้วค่อยส่งไม้ต่อให้น้องหนูที่นั่งกันหน้าเกร็งตัวเกร็งให้ทำตาม เอ้า สาม สี่ แอ็คชั่น
สำนักพิมพ์ปลาส้มเป็นสำนักพิมพ์จิ๋วๆ ในวงการหนังสือที่ผลิตทั้ง fiction และ non-fiction ขอบเขตประเภทหนังสือไม่ค่อยจำกัดเท่าไหร่ หลากหลายเหมือนปลาส้มที่เอาไปทำอาหารได้เป็นร้อยเป็นพันเมนูนั่นแหละ ปลาส้มมีเพจย่อยหนึ่งเพจชื่อว่า Cont. ย่อมาจาก continue reading ที่เนื้อหาส่วนใหญ่พัวพันโยงใยกับการอ่านทุกศาสตร์แขนงไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ภาพยนตร์ บทเพลง หรือแม้แต่ลายมือก็อ่าน (ล้อเล่น) แถมกราฟิกยังสวยตาแตกแม้จะเป็นสีนีออน (ขายหนึ่งกรุบ แต่สวยจริงๆ นะ ;w;) วงปลาส้มชะชะช่านี้ประกอบไปด้วยสามยูนิต ได้แก่ กองบ.ก. กราฟิก และมาร์เก็ตติ้ง
ยูนิตแรกคือกองบ.ก. แสนรัก มีเมมเบอร์ทั้งหมด 4 คนคือพี่แอร์และพี่วี่ที่ปลาซิวมีโอกาสเจอตอนสัมภาษณ์แล้ว กับวิชวลอีกสองคนคือพี่หมอและพี่จีน
ยูนิตต่อมาเป็นกราฟิกเดอะแฟลช หน่วยที่ทำงานแรง เร็ว ทะลุจอ แม้คุณภาพงานจะโหดเหมือนโกรธใครมา (น่าจะโกรธความโง่ของลุงแถวบ้าน) แต่กลับมีเมมเบอร์แบบเบี้ยน้อยหอยน้อยสุดๆ คือพี่นิมกับพี่ปลิวแค่ 2 คนเท่านั้น
ยูนิตที่สามคือมาร์เก็ตติ้ง มีเมมเบอร์สองคนเท่ายูนิตก่อนหน้าเป็นพี่บอลกับพี่พี ทำหน้าที่คิดคอนเทนต์โปรโมทหนังสือและกลยุทธ์งานขายเจ๋งๆ
ตะตะตะแต่ ยังเหลือปลาส้มอีกหนึ่งตัวที่เป็นดาวเด่นในวันนี้ ถือเป็นเซนเตอร์เสาหลักของสำนักพิมพ์ คุณพี่แนะนำตัวเองอย่างเรียบง่ายว่าแม้จะสังกัดกองบ.ก. แต่ก็ดูงานส่วนอื่นด้วย ทุกคนปรบมือเปาะแปะให้กับจ่าฝูง ปลาส้มอาวุโสผู้ก่อตั้งอาณาจักรมากับมือ
พี่ๆ เวียนกันเซย์ไฮและแจกจ่ายความใจดีจนครบภายในเวลาสั้นๆ ซึ่งที่พี่แอร์เคยบอกไว้ตอนสัมภาษณ์ว่าออฟฟิศเล็กมาก มีกันน้อยเดียวก็คือไม่เกินจริง เพราะสมาชิกในวงปลาส้มนับแล้วนับอีกยังไงก็ได้แค่เก้าหัว ปริมาณเท่ากับจำนวนชีวิตของแมวเพียงตัวเดียวเท่านั้นเอง
พอมาถึงตาน้องๆ ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กผ่านจอโดยไม่มีใครเปิดไมค์ แต่โชคดีที่มีผู้กล้าอาสา เลยได้แนะนำให้พี่ๆ และเพื่อนๆ รู้จักบ้าง ในวิชาการฝึกว่ายทวนน้ำปีนี้มีผู้ผ่านการทดสอบด้วยกันทั้งหมด 5 คน เป็นบ.ก. 2 กราฟิก 2 และมาร์เก็ตติ้ง 1 แต่ละคนมาจากมหาลัยคนละทิศละทาง พี่แนะนำสั้นแล้ว แต่น้องแนะนำสั้นกว่า เพราะทุกคนยังตื่นกลัวและไม่กล้าจะขยับตัวทำอะไรมากมาย
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศงานปฐมนิเทศน์เป็นไปอย่างสบายๆ และเป็นกันเองมาก พี่ทุกคนชวนคุยสัพเพเหระเรื่องงานอดิเรกและความสนใจเพื่อช่วยให้แก๊งเด็กใหม่รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ขนาดปลาซิวที่โดยปกติแล้วเป็นคนคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ยาก ยังสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ค่อนข้างเร็ว ถึงจะไม่ได้รู้สึก sync 100% แต่เรื่องราวในวันแรกพบก็ยังอบอวลอยู่ในความทรงจำจนถึงตอนนี้ ความประทับใจของวันนั้นคือการที่พี่ๆ เลือกไม่พาเข้าประเด็นซีเรียสแต่หยิบมุกแป้กมายิง เห็นพี่วี่ใส่เสื้อแลคตาซอยแบบเดียวกัน กับพี่แอร์ที่พูดว่าโชว์โง่ได้เต็มที่
เพราะทุกคนมาอยู่ตรงนี้เพื่อเรียนรู้ ดังนั้นถึงจะโง่ก็ไม่เป็นไร
การประชุมวันนั้นใช้เวลาแปบเดียว มีเกริ่นๆ เรื่องงานและนัดให้เข้ากลุ่มไลน์ก่อนจะบอกลากัน ปลาซิวกดออกจากห้องซูมด้วยความโล่งใจและใบหน้าติดรอยยิ้มเล็กๆ วันแรกของการเข้าฝูงปลาส้มผ่านไปด้วยดี ชีวิตเด็กฝึกงานของปลาซิวหนึ่งหน่วยเริ่มต้นขึ้นจริงๆ แล้ว
และหวังว่าจนกว่าจะถึงวันสุดท้าย ทุกอย่างก็จะยังเป็นไปด้วยดี หลังจากนี้ก็ฝากตัวและใจด้วย!
.
ไอ้ที่บอกว่าเริ่มต้น ก็หมายถึงเริ่มต้นจริงๆ ตั้งแต่วันแรกนั่นแหละ
เพราะภารกิจแรกหลังเข้าฝูงถูกมอบหมายในบ่ายสองโมงวันเดียวกับการปฐมนิเทศน์เลย (กระซิก)
ภารกิจนั้นเป็นงานง่ายๆ (พี่เขาเคลมมาว่าอย่างนั้น) เหมาะสำหรับสเตจเดบิวต์ของปลาซิวที่เพิ่งหลงฝูงเข้ามา มันคือการเขียนแคปชั่นโปรโมทบทความหนังสือของสำนักพิมพ์ลงโซเชียลมีเดีย ขนาดความยาวเท่ากับจำนวนตัวอักษรที่ไม่เกินโควตาการอ่านของคนไทย พี่วี่เป็นคนจัดแจงส่งบทความและตัวอย่างแคปชั่นมาให้ บอกว่าลองดูๆ แล้วก็ปรับเอาตามที่เคยมีเขียนไว้ในเพจได้เลย ไอ้เราที่เป็นมนุษย์โซเชียลมาทั้งชีวิตก็กระหยิ่มสิ กะอีแค่แคปชั่นเฟซบุ๊ก 4-5 บรรทัด หลับตาพิมพ์สิบวิก็เสร็จ ของแค่นี้ยังไงก็ไม่คณามือ
แต่แมวน้ำเอ๊ย กูใช้เวลาสามชั่วโมงกับแคปชั่นโง่ๆ ที่ไปโดนพี่เขาสับเละอีกที
เพราะยังไม่ชินกับสไตล์และต้องคงความเป็นปลาส้มผ่านตัวอักษรให้ได้มันก็เลยยาก นั่งปรับนั่งแก้จนสมองตันแต่มันก็ยังไม่โดนไม่ส้มอ่ะ ได้แต่อ่านบทความสลับกับแคปชั่นเพจอันเก่าๆ เดดไลน์ก็ใกล้เข้ามาทุกที สุดท้ายหมดปัญญาจริงๆ เลยเติมความเป็นปลาส้มเฮือกสุดท้ายลงไป
:->
ภารกิจแรกคอมพลีท :->
ป.ล. บทนี้จะเป็นบทสุดท้ายที่เขียนตามไทม์ไลน์ หลังจากนี้นึกอะไรได้ก็จะเขียนแล้ววว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in