เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017sleepy cat
Novelber วันที่สาม: กรีดร้อง
  • ชายคนนั้นชะงักอยู่กับที่ ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะโก่งคอขย้อน เธอกรีดร้อง รอบนี้ไม่สนใจแล้วว่าภาษาอะไร

    “โอ๊ย อย่าเชียวนะ ถุงขยะอยู่ไหน ถังขยะ เก็บไว้ก่อนอย่าเพิ่งคาย อย่าเพิ่ง!!!” ถังขยะสุดปลายเท้าถูกเตะไปให้ทันท่วงที ไม่ต้องใส่ใจมารยาทกันแล้วในตอนนี้ เขาโก่งคออ้วกจนหมดไส้หมดพุง พอดีกับนาฬิกาจับเวลากรีดเสียงแข่งกับเสียงโอ้กอ้ากเธอมองอย่างละเหี่ยใจ หมดกันวันสงบสุขคว้าถุงมือมาสวมก่อนจะลุกไปเปิดเตาอบเอาถาดขนมออกมาอย่างซังกะตายหลังวางถาดบนโต๊ะเรียบร้อย เธอหันไปให้ความสนใจกับตัวปัญหาตรงหน้าอีกครั้ง

    “อ้วกเสร็จยัง ทีนี้บอกมาว่าเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง”เธอถามเสียงขุ่นเขียว

    เขามองเธออย่างเลื่อนลอยเสมือนไม่เข้าใจคำถามริมฝีปากขยับพึมพำเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน “...น้ำ”

    เธอมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อีกสิบนาทีจะถึงเวลาเปิดร้าน ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว “ฟังไม่เข้าใจ? I ask you that..” “พอเข้าใจ ขอน้ำ” เขารีบขัดด้วยสำเนียงแปร่งๆ เธอหันไปหยิบแก้ว รินน้ำให้อย่างเสียไม่ได้ก่อนจะกระแทกลงกับโต๊ะให้หยิบเอง แต่เขารีบคว้าไปจากมือเสียก่อน ชั่วขณะนั้นที่ปลายนิ้วสัมผัส เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นของผิวหนังอีกฝ่าย เหมือนกับดินชื้นๆ เธอคิดในใจ

    “น้ำก็กินแล้ว ทีนี้เข้ามาได้ยังไง ฉันแน่ใจว่าประตูร้านล็อกไว้ ประตูครัวด้านหลังก็ปิดอยู่ ถ้าผ่านมาก็ต้องเห็น แถมเข้ามายังมาอ้วกแตกเหม็นห้อง..”เธอชะงัก มีอะไรแปลกๆ แล้ว หมอนี่อ้วกไปยกใหญ่ ทำไมไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวอะไรเลย เจ้าตัวกำลังยกแก้วดื่มน้ำอึกใหญ่ แต่เมื่อวางแก้วลง น้ำในแก้วกลับแทบไม่พร่อง เธอเอื้อมมือไปหยิบแก้ว แก้วนั้นกลับเย็นเฉียบ มองมือที่วางแก้วและใบหน้าซีดเซียวที่พยายามปั้นยิ้มแหยๆส่งให้ เธอเพิ่งสังเกตว่าผิวของเขาซีดขาวอมเทาเหมือนกระดาษ หรือว่า....

    “อา รู้แล้วสินะ” เขากล่าวกับเธอที่ตาค้างราวเห็นผี แต่ก็เห็นอยู่จริงๆ นี่ “ขอโทษที่บอกก่อนไม่ทัน จะลองจับชีพจรดูอีกทีระหว่างตั้งสติก็ได้” เขายื่นข้อมือขาวซีดมาให้ เธอถอยกรูดๆหนีไปจนชนประตู เขายังกล่าวต่อไปราวไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก “มีเรื่องนิดหน่อยจะขอรบกวนคุณ” เขาหันไปเห็นนาฬิกา “แต่นี่เก้าโมงครึ่งแล้ว ผมเองก็ยังมึนหัว ขอนอนแปบนึง คุณก็ออกไปจัดการร้านก่อน ผมไม่รีบ” สายตาของเธอยังคงจ้องเขาค้างอยู่ก่อนจะผลุนผลันออกไปหน้าร้าน ปิดประตูตามหลังดังปัง

    เธอรีบกวาดเอาฟักทองทุกลูกไปซ่อนไว้หลังตู้โชว์เค้ก ไขกุญแจประตูร้าน แน่นอนว่าลองเขย่าก่อนอีกรอบเพื่อความแน่ใจว่าล็อกเรียบร้อยดี ขณะโผล่หน้าออกไปแขวนป้าย open ก็เจอกับป้าขายอาหารตามสั่งร้านข้างๆที่สั่งกินประจำพอดี

    “วันนี้สั่งเหมือนเดิมมั้ยหนู เป็นอะไรไป ทำไมหน้าซีดแปลกๆยังกับเจอผี”

    จะตอบได้ยังไงว่าใช่ค่ะ เธอได้แต่ปั้นยิ้มฝืดฝืนตอบ “วันนี้ไม่สั่งค่ะ พอดีมีขนมเหลือเมื่อวาน” ดูเหมือนการพบเจอคนเป็นๆ จะทำให้เธอตั้งสติขึ้นมาได้หน่อย ป้าพยักหน้า ก่อนจะย้ายร่างอุ้ยอ้ายเข้าร้านลับตาไป

    เธอเดินกลับเข้าร้าน เกิดมาก็ไม่เคยเจอผี มือยังสั่นอยู่เล็กน้อย ดีที่ยังไม่มีลูกค้าเข้าร้าน แอบแง้มประตูดูห้องครัวเห็นคุณผีนั่งฟุบหลับอยู่กับโต๊ะจริงอย่างที่กล่าว เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแล้วตีสีหน้าปกตินั่งเฝ้าร้านต่อไป ผียังหลับได้ ฉันก็ต้องขายขนมได้สินะ ช่วงใกล้เที่ยงทุกอย่างเป็นไปตามปกติ พนักงานออฟฟิศกลุ่มใหญ่เข้ามาสั่งขนมกินหลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เธอมือเป็นระวิง ค่อยรู้สึกเหมือนวันธรรมดาขึ้นมาบ้าง หนึ่งในนั้นสั่งเครมบูเล่ เธอเดินกลับเข้าไปเอาโพรเพนในครัวเพื่อเอามาเตรียมขนม เห็นตัวปัญหาที่ทำให้วันนี้ไม่เป็นปกติยังคงนั่งหลับเป็นตายอยู่ในท่าเดิมตั้งแต่เช้า หลังจากลูกค้ากลุ่มนั้นกลับไปแล้ว เธอเดินกลับเข้ามาในครัว เดินไปหยิบชีสเค้กฟักทองออกมาเตรียมกินบ้าง ขณะหันไปอุ่นน้ำเพื่อชงชาดื่มด้วย เขาขยับตัว ยกหัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะร้องครางออกมาแล้วทิ้งหัวลงไปตามเดิม

    “ปวดหัว?” เธอถาม ก่อนจะตักขนมเข้าปาก กลิ่นเครื่องเทศและเนื้อสัมผัสของฟักทองประกอบกับผีตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้รู้สึกเหมือนวันนี้เป็นวันฮัลโลวีนยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก

    เขาไม่ตอบ เธอตักขนมกินอีกคำ ก่อนจะหันไปเทน้ำร้อนลงแก้วเพื่อชงชาแต่กลับชงมาสองแก้ว แก้วหนึ่งให้ตัวเอง อีกแก้ววางไว้บนโต๊ะข้างตัวเขาขยับขึ้นมองตามเสียง เธอตอบ “กินอะไรร้อนๆ จะได้สร่าง”ก่อนจะหยิบจานขนมที่ยังกินค้างอยู่พร้อมแก้วชาของตัวเองเดินออกประตูไปเฝ้าร้านต่อ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in