3
เราได้ฤกษ์ออกจาก
ห้องฉุกเฉินในช่วงบ่ายๆ แล้วก็โดนส่งไปที่วอร์ดโรคเลือดด้วยอีรถเข็นคันเดิมเพิ่มเติมคือโดนเจาะเลือดส่งท้ายก่อนออกมา เป็นครั้งสุดท้ายที่แบบ.. โดนแทงไปห้าหกทีกว่าจะได้เลือด คือไม่ได้ใส่พระสักยันต์นับถือบูชาอะไรทั้งนั้นอะมันบวมน้ำเกลือแล้วหาเส้นไม่เจอ แม่ง พอหลุดออกมาจากที่นั่นได้น้ำตาแตกไปตลอดทาง จริงๆก็เริ่มสงสัยแล้วว่าเป็นลูคีเมียหรือนางเอกเอ็มวี หัวใจบอบบางละเกินมึง
ที่วอร์ดโรคเลือด เราได้อยู่ห้อง 1 ซึ่งหน้าห้องเป็นเคาท์เตอร์พยาบาล ห้องที่เราอยู่มีสี่เตียงคือมันจะเป็นห้องกว้างๆ มีฝั่งละสองเตียง พอเทียบกับ
ห้องฉุกเฉินแล้วต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว เราได้นอนเตียงที่ 2 ตอนมาถึงน้ำตาเรายังนองหน้าอยู่เลย คุณป้าพยาบาลก็พยายามปลอบเราพร้อมกับแนะนำเรื่องต่างๆที่เราต้องทำตอนเป็นผู้ป่วยอย่างใจเย็น ตอนนั้นคือสะอื้นไปพยักหน้าไป ฮืออออออออออ อะไรจะขนาดนั้นไม่รู้ ที่นี่ไม่ให้นอนเฝ้าเพราะว่ามีพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว จะเปิดให้เยี่ยมเวลาสิบโมงถึงสองทุ่ม เข้าได้ทีละสองคน ต้องสวมแมสก์เพื่อป้องกันการติดเชื้อและล้างมือก่อนเข้าห้องทุกครั้ง เราก็คิดไว้แล้วแหละว่าคงจะเฝ้าไม่ได้ คือผ่านห้องฉุกเฉินมาได้เรื่องเฝ้าได้ไม่ได้เราก็ช่างมันละอะ พอตั้งสติได้ก็สำรวจรูมเมท เตียงหนึ่งกำลังจะได้กลับบ้านวันนี้หลังจากอยู่มาเดือนกว่า เตียงสามเป็นคุณป้า เตียงสี่.. พอเห็นเตียงสี่แล้วใจเราแกว่งเลย เราไม่ได้กลัวที่พี่เขาต้องใส่เครื่องช่วยหายใจนะ แต่เรากลัวว่าวันนึงเราจะไปถึงจุดนั้น เราไม่ได้คุยกับใครหรอก ตอนนั้นยังสะอื้นอยู่เลย แต่พี่เตียงหนึ่งกับคุณลุง(แฟนคุณป้าเตียงสาม)ก็มาให้กำลังใจเรา บอกเราว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก เราอายุยังน้อย ผ่านมันไปได้อยู่แล้ว ที่บ้านเราก็มาปลอบเราอีก เนี่ย แกเป็นปะ เวลาแกร้องไห้แล้วกำลังจะดีๆพอมีคนมาปลอบมากๆนี่แทนที่จะหายแต่มันยิ่งร้องหนักกว่าเดิม แล้วถ้าแกพยายามกลั้นจะยิ่งแย่อะ ปากเปิกสั่น หน้าตาแกจะตลกมาก เพราะงั้นจำไว้ว่าถ้าอยากจะร้องก็ร้องไปเหอะ ไม่มีกฎข้อไหนบอกว่าการร้องไห้เป็นเรื่องผิด
จำไม่ได้แล้วว่าอาหารเย็นของเราเป็นอะไร(จำได้แค่ข้าวแข็งสึส) หลังจากนั้นมีคุณพยาบาลที่เป็นหัวหน้าวอร์ดมาคุยกับเรา อธิบายเรื่องโรค ความเสี่ยง การติดเชื้อ เราจำคำพูดนึงของเขาได้ดี ' คืออยากให้คุณแม่เข้าใจก่อนนะคะว่านี่ก็เหมือนการว่ายน้ำมีทั้งถึงฝั่งและไม่ถึงฝั่ง บางคนอาจจะหมดแรงจมกลางทาง แต่ก็ไม่เป็นไรนะคะ น้องอายุยังน้อยร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว อย่าเครียด สู้! สู้มั้ย...' เหมือนจะเปรียบเปรยเพื่อให้เห็นภาพและให้หายเครียดปะ แต่คือ กูเครียดหนักกว่าเดิมอีก และก็นั่นล่ะก่อนที่ครอบครัวเราจะกลับบ้านเราร้องไห้(บอกละอีนี่ไม่ได้เป็นลูคีเมียหรอก มันเป็นนางเอกเอ็มวี) วันนั้นพี่สาวกับพ่อเราร้องไห้เพราะสงสารเรา เราจำได้คร่าวๆว่าเห็นพ่อร้องไห้ครั้งสุดท้ายคือตอนที่พี่ชายเราเสีย อืม แม่งเจ็บใจชิบหาย พอเขากลับไปเรานอนคิดเลยว่าเราต้องเข้มแข็ง คนอื่นผ่านไปได้เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ คีโมหรอมึงจะแน่สักแค่ไหนอะ มะเร็งหรอ กระจอกจัง มา มึงมาให้หมดเลยกูพร้อมบวกมึงละ ในขณะที่เราทำใจให้แข็งเพื่อพร้อมบวกกับไอ้โรคนี่ เราได้ยินเสียงคุณป้าเตียงสามคุยโทรศัพท์ ป้าร้องไห้บอกว่าไม่ไหวแล้วให้มารับหน่อย หัวใจ.. ไอ้ที่ทำใจแข็งเตรียมบวกไว้ตั้งแต่ต้นแม่งหายวับไปเลย หายไปพร้อมกับเสียงร้องไห้ของคุณป้าเลย
' คำว่าฮักเกิดขึ้นที่ใด เกิดกับไผก็บ่สำคัญ~ ' จ้ะ นั่นแหละ ป้าเปิดเพลงนั้นและอีกหลายๆเพลงหลังจากวางโทรศัพท์ไป ไม่เหลือเค้าเดิมของคนที่ร้องไห้เมื่อกี๊ และป้าไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้ผู้ป่วยมือใหม่จิตตกและกังวลจนเกือบนอนไม่ได้ ขอบคุณคุณป้ามา ณ ที่นี้ค่าาาาาาาาา
tbc
เวลาเราท้อใจกับโรค เราจะพยายามนึกถึงความฝัน สิ่งที่เราอยากทำ สิ่งที่เราชอบ สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขไว้เยอะๆ แม้ว่าตอนนั้นเราจะไม่รู้สึกได้ถึงความสุขเลย แต่เราจะนึกถึงมันเพื่อที่เราจะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวๆนี่ไปทำอะไรพวกนั้น บีมก็ลองดู
จาก ผู้ป่วยสาขาไหมไท ใจตะวัน
ปล. มีอะไรก็แชร์กับเราได้ตลอดนะ(หมูย่าง บิงซู บอนชอน ฯลฯ ยกเว้นน้องม๊ากลี)
ขอบคุณมากนะ เราไม่แชร์น้องมาร์คลี เพราะสี่ห้องห้วใจของเรามีแต่พี่เจ
จาก ผู้ป่วยสาขาก้อง ห้วยไร่ (คืออะไรอะ)