คุณรู้ตัวตอนไหนกันว่ามองใครบางคนพิเศษกว่าคนอื่น
คุณรู้หรือเปล่าว่าเสียงของเธอที่สั่นมวลอากาศก่อนจะวิ่งปะทะโสตประสาทของเรามันหวานหยด
รู้ไหมว่าประโยคเนิบๆ ของเธอทำให้เรารู้สึกสงบขึ้นมาแม้ช่วงเวลานั้นจะวุ่นวายแค่ไหน
รู้ไหมคะ ว่าเราเสียการควบคุมขนาดไหนในตอนที่ต่อประโยคสนทนากับเธอ
พิเศษเหรอ
ไม่ได้สิ แบบนี้ไม่ได้นะ..
เราอยากจะทึ้งหัวอีกเองสักสิบรอบที่คิดอะไรน่าอายแบบนี้
เราอยากจะกรีดร้องและทรุดสองขาลงกับพื้นในตอนที่มองแผ่นหลังของเธอ
แล้วมีความคิดประหลาดๆ อย่างเช่น อยากอ้าสองแขนแล้วกอดเธอแน่นๆจังวะ..
สตินะ ไปกันใหญ่แล้ว
-
26.03
สวัสดี จากอะไรหลาย ๆ อย่าง
ไม่อยากให้เราและเธอจบกันแบบนี้เลย
' ..อยากคุยด้วยจังว่ะ '
' หืม ได้สิ..'
บทสนทนาแรกเริ่มขึ้นแค่นั้น เค้นความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วส่งมันไป เราไม่เสียใจเลยที่เลือกทักเธอไปวันนั้น
เราและเธอคุยกันไม่บ่อย มีบ้างที่เรารีพลายสตอรี่ของเธอพร้อมกับพิมพ์เวิ่นเว้ออะไรสักอย่าง ซึ่งเธอก็ตอบอ่านและต่อบทสนทนาเสมอ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เราเริ่มคุยประโยคยาวๆกับเธอยาวมากแบบสิบบรรทัดต่อหนึ่งข้อความ เธออ่านมันและตอบกลับมาด้วยความยาวเท่าๆกัน รักอะไรแบบนี้จังแฮะ
-
09.05
ประโยคสุดท้ายก่อนจะเริ่มเทอมใหม่คือคำเว้าวอน(?) อืม อาจจะเป็นแค่ประโยคธรรมดา แต่ให้ตาย ประโยคนั่นทำใจเราอ่อนยวบจริงๆนะ
'เปิดเทอมวันที่เท่าไหร่อ่ะ?'
ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบเธอทันที
'ไม่รู้สิ อาจจะสิบห้า ไม่ก็สิบหก
แต่เราไปสิบหกแหละ'
เพราะตีตั๋วกลับวันก่อนหน้านั้นน่ะนะ
'ถ้าเปิดสิบห้าเค้าก็ไม่ได้คุยกับเธอน่ะสิ'
แววตาทอดอ่อนลงในตอนที่อ่านประโยคนี้
'แหมะะะ สิบหกแหละ55555' เราว่าเลขห้าต้องเกลียดเรามากแน่ๆที่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกที่มากมายของเราไว้เสมอ
แต่ช่างเถอะ เธอน่ารักชะมัด
เราสงสัยว่าเรากับเธอเข้ากันได้ดีหรือเปล่า
ก่อนจะปัดความสงสัยและคับข้องใจทั้งหมดนั่นทิ้งในตอนที่เริ่มเทอมใหม่ หัวหมุนและวุ่นวาย
หลาย ๆ อย่างเริ่มจืดจางตามวันเวลา
และความรู้สึกมากมายก็ค่อย ๆ ถูกกดทับไว้จนแทบจะลืมไปแล้วว่ามันเคยเกิดขึ้น
-
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in