เราอยากเล่าถึงเพื่อนคนนึงในห้อง
ตอนย้ายมาเรียนที่นี่วันแรก เราเดินสวนกับเธอระหว่างไปที่โรงอาหาร
เธอตัวสูงกว่าเราเกือบๆ10เซนได้ จัดฟัน ตัดผมสั้น และผมเธอที่ค่อนไปทางหยักก็งอม้วนจนดู.. อิหยังวะ
เธอพูดอะไรสักอย่างกับเพื่อนในกลุ่ม เราไม่ได้ยินหรอก
และเราก็เดินผ่านกันไปทั้งอย่างนั้น.. ตอนนั้นก็คิดแค่ว่าตัวเองนี่ช่างแย่ในเรื่องมนุษยสัมพันธ์เสียจริง
กับเพื่อนใหม่ โรงเรียนใหม่คงไม่ง่ายแน่ๆเลยว่ะ ...อ้อ แต่เมื่อกี้น่ะ
เธอยิ้มน่ารักชะมัด
เราไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันมากมาย จริงๆคือไม่ค่อยได้คุยกันด้วยซ้ำ
มันเลือนรางพอสมควรแต่เหมือนงานกลุ่มชิ้นแรกจะทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น
ซะที่ไหนกัน.. หลังจากแจงงานเสร็จก็ต่างใครต่างทำเลยนี่หว่า
และมันก็แค่นั้น.. ทั้งงานราชย์งานหลวง สอบย่อย มิดเทอมหรือแม้กระทั่งไฟนอล
ต่างผลัดกันปล่อยหมัดฮุคพุ่งชนเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนั้นก็คิดแค่ว่า..อย่าเพิ่งตายนะ
วันนึงที่นานมากพอสมควรจนเกือบจะลืมไปแล้ว
เราเกือบลืมไปแล้วว่าครั้งนึงเคยนิสัยเสียแอบเอาอีกฝ่ายมาวิ่งวนในความคิด
เธออยากเรียนต่อในสาขาที่.. อืมม ทำไมต้องอยากเรียนในสิ่งที่เรากำลังสนใจพอดีด้วยนะ
ระดับความน่าสนใจ+5 เรารู้สึกเหมือนในสองตาของเรามีประกายวิบวับลอยวนอยู่
เธอน่าสนใจชะมัด
คุณๆเคยรู้สึกกลัวตัวเองหรือเปล่าคะ เราเหมือนสตอร์คเกอร์เลย
หลังจากนั้นเราก็คอยสังเกตสิ่งที่เธอชอบ คอยลอบฟังประโยคที่เธอคุยกับเพื่อนในกลุ่ม
ระยะของความโรคจิตนี่เกิดขึ้นในองศาที่ 45 จากทางซ้ายมือ
ระยะที่โพล่งถามคำตอบของควิซย่อย แล้วเธอตอบกลับด้วยระดับเสียงที่เท่ากัน
ระยะที่เวลาเธอพูดหรือถามอะไรสักอย่างกับครูผู้สอนแล้วเราพยักหน้าเห็นด้วย
หนักหน่อยก็เออออเป็นคำพูดอีกต่างหาก บ้าไปแล้ว..
เปิดเทอมใหม่ ที่นั่งเปลี่ยนไปนิดหน่อย จากหลังห้องมาหน้าห้อง
เราไม่สามารถมองเห็นแผ่นหลังของเธอได้อีกแล้วว่ะ แต่แย่กว่านั้นอีก
แค่มองหางตาไปนิดนึงเอียงหัวอีกสัก20องศาเราก็เจอหน้าเธอแล้ว
ไอ่บ้าเอ้ย ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่เราชอบหันซ้าย แล้วพอหันไปก็เจอเธออยู่ตรงนั้นตลอด
ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือเธอหันมายิ้มให้เราด้วยนี่สิ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่เกือบทุกครั้งไป
วันเวลาล่วงผ่านไปเรื่อยๆ ถ้าหากวันนึงเราหันไปแล้วไม่เจอเธอมันจะเป็นยังไงกันนะ..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in