เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LIFE IS A LOTTERYSALMONBOOKS
02: พรุ่งนี้รวย!
  • ก่อนจะถูกรางวัลแจ๊คพอต ผมก็เหมือนหลายๆ คนที่ฝันอยากถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง เจียดเงินซื้อฝันนั้นทีละ 80 บาท แล้วก็ตั้งตารอวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน หวังให้มันเป็นวันประกาศอิสรภาพ คิดแต่ว่าถ้าคว้าเงินล้านได้เมื่อไหร่จะกระพือปีกหนีไปให้พ้นๆ จากความทุกข์ระทมในชีวิตโดยทันที

    ในระบบการศึกษา ผมเป็นเด็กระดับกลางๆ ที่ไม่โดดเด่น ไม่มีใครจดจำ ตั้งใจเรียนแค่ไหน ผลการเรียนก็ไม่เห็นจะดีเหมือนความตั้งใจ

    ในโลกการทำงาน ผมก็ยังเป็นแบบนั้น เป็นเพียงแรงงานดาษๆ ในแวดวงสิ่งพิมพ์ ที่ทำงานหนัก และรับเพียงค่าแรงขั้นต่ำสุดในวิชาชีพ เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ที่เพ้อฝันไปว่าตัวเองสลักสำคัญ ตอนจะลาออกครั้งแรก คิดแล้วคิดอีก นอนไม่หลับอยู่หลายคืน ห่วงว่าคนที่บริษัทจะอยู่กันยังไง แต่ในความเป็นจริง ถึงผมจะออกบ่ายนี้ พรุ่งนี้เขาก็หาคนทำแทนได้สบาย

    ถ้าบริษัทพูดได้ มันคงบอกผมว่า ไม่ต้องมาห่วงฉันหรอกว่าจะอยู่ยังไง ห่วงตัวแกเองเหอะ สารรูปแบบนี้ ออกไปแล้วจะมีข้าวกินครบทุกมื้อหรือเปล่า!

    ผมเชื่อว่า ตอนเกิดมา ทุกคนเหมือนได้ลอตเตอรี่ให้มาลุ้นกันคนละใบ ในบรรดาพวกเราจะมีบางคนได้รางวัลใหญ่ กลายเป็นผู้ร่ำรวย เป็นผู้ประสบความสำเร็จ

    มองชีวิตตัวเองช่วงนั้นแล้วรู้สึกว่า ลอตเตอรี่ชีวิตที่ถืออยู่ไม่ถูกรางวัลแหงๆ เริ่มเห็นแววแล้วว่าเรามันไม่ดีพอจะไต่เต้าขึ้นสู่ยอดพีระมิดได้อย่างคนอื่นๆ ทั้งที่ก็เชื่อฟังคำสั่งสอนมาตลอด คือตั้งใจเรียนให้มากๆ และเลือกทำงานกับบริษัทที่ดี แต่ก็ไม่เห็นจะมีโชคเหมือนเพื่อนในรุ่นราวคราวเดียวกันเลย ทั้งๆ ที่เริ่มต้นพร้อมกัน ผมกลับวนอยู่ที่การย้ายงานไปเรื่อยๆ เพราะยังหาตัวเองไม่เจอ ขณะที่พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว หลายคนเริ่มนำลอตเตอรี่ชีวิตไปขึ้นรางวัล บางคนคว้ารางวัลใหญ่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย น่าอิจฉาจริงๆ

    ผมเป็นได้แค่มนุษย์เงินเดือนที่ทำงานแลกคุณภาพชีวิต ใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อหาเงิน และก็เสียเงินที่ได้มาเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นสัญลักษณ์ว่าชีวิตประสบความสำเร็จ กินอยู่ในแต่ละวันโดยทำเป็นว่าเรามีรสนิยม เพราะกลัวว่าถ้าไม่ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดูดี จะน้อยหน้าคนอื่นเขา ดูเป็นคนล้มเหลวในชีวิต จึงเหมือนเกิดมาเพื่อทำงานๆ เครียดๆๆๆ กินๆๆๆๆ ซื้อของๆๆๆๆ ใช้หนี้ๆๆๆๆๆ แล้วก็ตายจากไป

    คนให้สิทธิ์ผมมาเกิดคงรู้สึกเสียดาย อุตส่าห์มอบโชคให้มามีประสบการณ์การเป็นมนุษย์ทั้งที

    แต่ไม่เห็นจะได้สัมผัสชีวิตที่แสนพิเศษนี้จริงๆ เลย
  • ทำให้ ‘โชค’ อยู่ในมือเรา

    สมัยยังทำงานกินเงินเดือน มีเวลาเมื่อไหร่ ผมก็เอาแต่สอดส่ายหาการเสี่ยงโชคที่คิดว่าจะเปลี่ยนชีวิต

    ซื้อลอตเตอรี่น่ะเหรอ...เคยอยู่แล้ว แต่ซื้อไม่เยอะ ตังค์ไม่ค่อยมี ซื้อแล้วก็เที่ยวไปติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำบุญแค่ยี่สิบบาท แต่ขอท่านช่วยดลบันดาลให้ถูกรางวัลสักสามสิบล้าน ลึกๆ ก็รู้นะว่าถูกยากจะตาย แต่ก็หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าซื้อแล้วไปบนบานศาลกล่าวแบบนั้นอาจถูกเข้าสักวันก็ได้

    หุ้นก็เล่นนะ...แต่เล่นแบบการพนันเลย เหมือนสมัยที่เพื่อนชวนพนันบอลตอนมหา’ลัยยังไงยังงั้น ได้ยินใครเชียร์หุ้นอะไร ก็แห่ไปซื้อตามโดยไม่มีความรู้สักนิด หันไปเห็นแถบตัวเลขตลาดหุ้นที่ขอบล่างของจอทีวีเมื่อไหร่ ราวกับเห็นกระดานไฮโล คอยเชียร์คอยแช่งให้ราคาหุ้นเป็นไปตามทิศทางที่เราลุ้นอยู่ เปิดคอมพ์ทีไร ก็เข้าเว็บดูการขึ้นลงของราคาทอง ราคาน้ำมัน หุ้นต่างประเทศ ค่าเงิน ซึ่งไม่รู้ว่าดูบ่อยๆ แล้วจะได้อะไรขึ้นมา แต่ก็เข้าไปดูมันได้ทั้งวันทั้งคืน โดยหวังว่าอาจมีข่าวใหญ่ๆ เกิดขึ้นในโลก และโอกาสทองอาจมาถึงเราผ่านตัวเลขพวกนี้

    เปิดหนังสือพิมพ์ นิตยสาร สายตาจะไวมากกับโฆษณา เชิญชวนให้ส่งชิ้นส่วนไปชิงโชคจึงไม่แปลกที่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของผมจะมีกรรไกร ไปรษณียบัตร ซองจดหมาย และแสตมป์ ของแบบนี้ต้องเตรียมให้พร้อมอยู่เสมอ จะได้ส่งไปได้ทันใจ
  • แล้วถ้าวันไหนถูกการทำงานสูบพลังชีวิตไปจนเหี่ยวแห้งก็ยิ่งเกิดความรู้สึกอยากรวยซะเดี๋ยวนี้ ไม่อยากให้ความเบื่อหน่ายในชีวิตกลับมาฉายวนซ้ำอีกต่อไปแล้ว

    มิน่า เวลาเดินผ่านแผงลอตเตอรี่แล้วเห็นป้าย ‘พรุ่งนี้รวย’ หัวใจถึงได้เต้นแรงนัก เพราะมันคือสิ่งที่เราปรารถนาอยู่นั่นเอง

    ใช่...เราอยาก ‘รวย’ แต่เราไม่ต้องการรอไปเรื่อยๆ อีกแล้ว!

    เราอยากรวย ‘พรุ่งนี้’ ! จะได้ลาออกให้รู้แล้วรู้รอด มีเงินเป็นล้านแล้วจะทนทำงานอยู่ทำไม ไม่เอาแล้วได้มั้ย ไอ้แบบที่ต้องถูกขังอยู่บนถนนรถเยอะๆ ให้ต้องทรมานทุกเช้าทุกเย็น ต่อจากนี้จะไม่ก้มหัวให้ใครเขาเอาเปรียบอีก จะใช้เงินก้อนโตนั้น จัดการหนี้สินรุงรังของที่บ้าน จากนั้นก็เสพสุขกับการเดินทางท่องเที่ยว ไปทุกที่ที่อยากไป ซื้อของที่อยากได้ และทำสิ่งต่างๆ อย่างที่ใจอยากไปทั้งชีวิต

    ใครจะว่าฝันกลางวันก็ช่าง แต่การได้ลองจินตนาการดูว่าเวลาได้รับรางวัลใหญ่แล้วจะรู้สึกยังไงนั้น มันสร้างความสุขอย่างเหลือเชื่อ

    ผมอยากมีเงินมากพอจะซื้อสิ่งต่างๆ ตอบแทนความรักที่พ่อแม่มีให้ อยากเห็นหน้าพวกเขาในวันที่บ้านเราไม่มีหนี้สิน มันคงวิเศษถ้าครอบครัวได้อยู่ดีกินดี ได้ไปเที่ยวเมืองนอกกันพร้อมหน้า สามารถกินอาหารทุกอย่างในร้านได้อย่างที่เราอยากกิน ไม่ใช่เลือกกินจานที่ถูกที่สุดในเมนู จะใช้แต่ข้าวของดีๆ และไม่ต้องเลือกเพราะมันซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ไม่ต้องใช้ชีวิตจำกัดจำเขี่ยอย่างทุกวันนี้อีกต่อไป
  • แต่...

    ก็เหมือนฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่เคยใกล้ความจริง ราวกับคำอธิษฐานยังไปไม่ถึงสวรรค์ สงสัยเพราะใครๆ ก็ปรารถนาลอตเตอรี่รางวัลใหญ่กันทั้งนั้นละมั้ง คิวสำหรับผู้โชคดีจึงยังมาไม่ถึงเราสักที

    ขนาดรางวัลเล็กสุด อย่างพวกเลขท้ายสองตัวสามตัวผมยังไม่เคยถูกเลย ซื้อสลากกินแบ่ง แต่กลับโดนสลากกินบ่อยแบบนี้ก็ไม่ไหว ตรวจลอตเตอรี่ทุกงวดก็ได้แต่สบถคำซ้ำๆ ว่า โอ๊ย...ถูกกินอีกแล้ว! แถมปลอบใจตัวเองไปว่า นี่ไง เขาออก 433 ของเรา 344 เกือบแล้วเกือบแล้ว งวดหน้าเอาใหม่

    แต่เอาใหม่หลายๆ รอบก็เซ็งนะ ตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยถูกลอตเตอรี่เลยสักครั้งเดียว ลงทุนหุ้น-พอร์ตก็เจอแต่ตัวแดง ชิงโชคอะไรไม่เคยจะได้ ไม่เข้าใจเลยอะไรจะไร้โชคขนาดนี้

    เวลาได้ยินข่าวใครถูกรางวัล ได้เงินมาง่ายๆ ก็นึกอิจฉา ขนาดเพื่อนถูกรางวัลเลขท้าย แล้วเอามาอวด ก็จะทำเป็นเสแสร้งแสดงความยินดี แต่ในใจน่ะเหรอ...ริษยามาก! ทำเป็นแซวไปแบบตลกบริโภคว่า “เลี้ยงเลย! เลี้ยงเลย!” เผื่ออย่างน้อยอาจได้กินฟรี

    มานึกๆ ดู ถ้าเอาเงินทั้งหมดที่เสียไปกับการเสี่ยงโชคหรือการเก็งกำไร ตลอดชีวิตมาหยอดกระปุกไว้ โอ้โห...เผลอๆ เปิดกระปุกออกมาอีกที คงรู้สึกว่าตัวเองถูกรางวัลใหญ่ไปแล้ว

    กลายเป็นว่า เงินจากการทำงานในแต่ละเดือนต่างหากที่จับต้องได้ ทำงานไป เงินมา ทำงานพิเศษเยอะ รายได้ก็เพิ่มขึ้นมาก ตอบแทนกันอย่างตรงไปตรงมาที่สุด เป็น ‘พรุ่งนี้รวย’ แบบของจริง

    ถ้าอยากเปลี่ยนฐานะ ไม่ต้องไปหาลอตเตอรี่ที่ไหนหรอก เดิมพันในตัวเองด้วยการทำงานนี่แหละ ที่สามารถซื้อความสุข สามารถดูแลปากท้องครอบครัวได้จริงๆ นึกแล้วเสียดายเหมือนกันที่สูญเสียอะไรต่อมิอะไรไปกับการเสี่ยงโชคแบบนั้น

    ถ้าเราทำตัวให้เจ๋งพอ อย่างน้อย ‘โชค’ ก็ยังอยู่ในมือเรา
  • กับดักของนักล่า

    นิสัยติดพนันถือเป็นนิสัยที่ถ้าติดแล้วเลิกได้ยากมาก โชคดีที่ผมไม่ได้ติดมันแบบงอมแงม ไม่ได้สนุกกับการลุ้นเลย แค่อยากได้เงินไม่ก็เล่นตามๆ เพื่อนไป

    พอผ่านการทำงานกินเงินเดือนสักสามสี่ปี ได้เปลี่ยนงานไปเจอกลุ่มสังคมใหม่ๆ ที่ไม่ชอบเสี่ยงโชค ผมก็ห่างหายจากเรื่องแบบนั้น จนเริ่มสังเกตเห็นว่าตัวเราไม่ค่อยเสียเงินกับเรื่องเสี่ยงๆ อีกแล้ว แม้ยังตัดชิ้นส่วนชิงโชคอะไรอยู่บ้าง ก็คิดว่าอย่างมาก แค่เปลืองแสตมป์ แต่จะให้ลงเงินกับลอตเตอรี่ การพนัน การเก็งกำไรหุ้นปั่นอะไรแบบนั้น เหอะ...ไม่เอาแล้ว

    เงินก็อยากได้นะ แต่เจ้ามือเก่งไป ไม่รู้เล่นยังไงถึงจะชนะ จะลงแข่งทั้งที ก็อยากแข่งในเวทีที่มันมีหวังหน่อย ไม่ใช่ถูกล่อเข้าไปให้โดนเชือดแบบนั้น

    ยิ่งเห็นแม่มาผิดใจกับคนรู้จักคนหนึ่ง ก็ยิ่งชิงชังการพนันเข้าไปอีก ตั้งแต่โตมาไม่เคยเห็นแม่ไม่พอใจใครแบบนั้นเลย ถามดูได้ความว่า เฮียคนนั้นมาชวนบ้านเราไปเที่ยว บอกว่าจะพาไปนั่งรถเล่นแถวชายแดนไทยเขมรฟรีๆ ไปแบบกินดีอยู่ดีด้วย ทีแรกผมยังคิดว่าดีออก เขาอุตส่าห์มาชวน ทำไมแม่ต้องโกรธเขา

    แม่บอกว่า ตอนเฮียนั่นมาชวน ยังขอบคุณเขาเป็นการใหญ่ ไม่ได้กะจะไปนะ ไม่อยากรบกวนเขา ก็แค่ขอบคุณที่มีน้ำใจชวน เพิ่งจะรู้ตอนหลังว่า เขาทำทีให้ไปเที่ยว แต่จริงๆ จะหลอกให้ไปเป็นลูกค้าหน้าใหม่ของบ่อน

  • ที่รู้เพราะเขาชวนคนรู้จักไปทั่ว มีคนหลงนั่งรถไปแล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่า บ่อนพวกนี้ขยายกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีวิสัยทัศน์ โดยให้ลูกค้าตัวเองไปชักชวนพวกพ่อแก่แม่บ้านที่สันนิษฐานว่าน่าจะพอมีเงินเก็บ และวันๆ อยู่บ้านเฉยๆ ชีวิตไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ให้เข้ามาลองสัมผัสบรรยากาศสนุกๆ และด้วยความที่ต้องนั่งรถไปกลับกับเขา ก็เท่ากับว่าสามารถอยู่ให้เขากล่อมไปได้ตลอดทริป ไม่รู้ว่าคนชวนได้เปอร์เซ็นต์จากบ่อนไปเท่าไหร่

    แม่ไม่ได้มองว่าเขาชวนขำๆ ประมาณว่าเข้าไปดูเฉยๆ เล่นไม่เล่นก็ได้ ไม่ได้บังคับกัน แต่แม่โกรธมากที่รู้จักกันมานาน ทำไมมาแนะนำอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้ ชวนไปเข้าบ่อนเนี่ยนะ! หลังจากนั้นเจอหน้ากันแม่ก็ไม่ยอมพูดกับเขาอีก 

    เห็นแม่โมโหจริงจังแบบนั้น ผมเลยมาลองคิดดูว่า ทำไมถึงต้องโกรธเขา

    จริงอยู่ว่าบางคนอาจมีภูมิต้านทานกับเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าเกิดตอนนั้นต่อมความยับยั้งชั่งใจของเราไม่แข็งแรงพอ จะทำยังไง การถูกชวนให้เข้าสู่โลกของการพนันเพียงครั้งเดียว ก็อาจเข้าสู่วังวนของความฉิบหายเป็นการถาวรเลยก็ได้

    ทัศนคติแบบหวังรวยเร็ว เสพติดความเสี่ยง ไม่ใช่มีแต่ในบ่อนเท่านั้น ถ้าติดนิสัยแบบนักพนันซะแล้ว อะไรๆ ก็เดิมพันได้หมด ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่า นักลงทุน นักธุรกิจ ก็สามารถหลงเข้าไปติดกับดักของเหล่านักล่าที่ชอบจับผีพนันเป็นเหยื่อได้ไม่ต่างกัน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in