"ชอบพี่อ่ะ" ตาใสจ้องมองเขาราวกับมันเป็นประโยคธรรมดาแต่สำหรับเขาก็ช็อคไปแล้ว มือที่ใหญ่กว่าผลักหัวเล็กเป็นเชิงเย้าแหย่ก่อนจะเดินนำคนตัวเล็กไปโรงเรียน
"ผมพูดจริงๆนะ" ตอนแรกๆยงจุนฮยองคิดว่ามันคงเป็นแค่ความรักความชอบของเด็กมัธยมคนหนึ่ง แปปๆก็คงหายไป เขาเองก็ไม่ได้ให้คำตอบ
ไม่ได้ปฏิเสธ
แต่ก็ไม่ได้ตกลง
"เพื่อนไปไหนอ่ะ" จุนฮยองทำตาดุใส่คนที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆอยู่เต็มปากแต่ก็ยังพูดอยู่ อีกีกวังเด็กมัธยมที่บอกชอบเขาวันนั้นกลายมาเป็นเด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยแล้ว
"ไปหาเมีย" หัวเล็กเอียงคอด้วยความสงสัย
"แล้วทำไมพี่ไม่หาบ้างอ่ะ" จุนฮยองเลิกคิ้วมองอีกคนด้วยความสงสัย
เอาจริงดิ
วันๆเขาก็อยู่แต่คณะกับเพื่อน ไปกินข้าวกับเพื่อนไม่ก็คนที่นั่งตรงกันข้ามกับเขาเนี่ย จะเอาเวลาไหนไปมีแแฟนได้ กีกวังเคี้ยวข้าวในปากให้ละเอียดก่อนจะถามต่อ
"หรือเป็นเพราะผมอ่ะ" ถ้าถามว่าชอบมั้ย ตอนนี้กีกวังตอบอย่างเดียวเลยว่ามันคงไม่ใช่ชอบแล้วแต่เขารักจุนฮยองไปแล้ว ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากตามตื้ออีกคนมากนัก ถ้าอีกคนรำคาญเขาก็พร้อมจะห่างออกไปหรือถ้าอีกคนเรียกหาเขาก็พร้อมจะไป
ก็นะ รักไปแล้วไปไหนไม่ได้อ่ะ
เห็นหน้าเหงาๆของอีกคนแล้วมันทนไม่ได้ ข้าวก็ไม่กิน นี่แค่เพื่อนมีแฟนถึงกับเศร้าขนาดนี้เลยหรอ
"เครียดงานจบด้วยแหละ" คนตัวเล็กคว้ามือของคนอายุมากกว่าไปหาอะไรทำ ตั้งแต่ดูหนัง ร้องเกะ หรือแม้แต่คีบตุ๊กตา
"โห เพิ่งรู้อ่ะว่าเก่ง" กีกวังที่กำลังพยายามโอบอุ้มตุ๊กกว่าแปดตัวไว้ในอ้อมแขน แต่ดูจะเป็นเรื่องยากไปจนจุนฮยองต้องช่วยถือสองสามตัวที่เจ้าตัวถือไม่ได้แล้ว
"ไม่ไหวก็บอก"
"นี่แฟนพี่" อีกีกวังคนนี้ทำไมเก่งจังวะ ทำไมยังอดทนอยู่ตรงนี้ได้ในตอนที่อีกคนพาใครไม่รู้ที่พวกเขาไม่รู้จักมาเปิดตัวพร้อมกับบอกว่าคนนี้คือคนที่จุนฮยองเลือกแล้ว
ตาใสที่มักยิ้มกว้างให้จุนฮยองเสมอดูสั่นไหวไปเพียงขั่วครู่ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม
"ปะ งั้นวันนี้ไปฉลองกัน"
สงสัยว่าเขาต้องเฟดตัวออกมาซักทีสินะ
สุดท้ายแล้วการอยู่ข้างๆมากจนเกินไป จนอีกคนชินและไม่เห็นเขาเลยแม้แต่น้อย
"พี่จุนฮยองทำไมไม่รับโทรศัพท์" คนตัวสูงถอนหายใจ แทนที่ทำงานมาเหนื่อยๆจะเจออะไรที่ลื่นหูกว่านี้ แม้พวกเขาจะคบกันปีกว่าแล้วแต่หลังมายอมรับว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไป
ไม่เห็นจะดีเลยหว่ะมีแฟนเนี่ย
"ตอบสิ"
"ไม่มีอารมณ์" คนตัวเล็กกำลังโกรธเขารู้ เขาไม่ควรพูดแบบนี้แต่เขาไม่อยากจะทนแล้ว
"เราคงอยู่ต่อไม่ไหวแล้วละ" คนตัวเล็กหันหลังปิดประตูเสียงดัง พร้อมกับเสียงโครมคราม
เขารู้
เขารู้ว่าอีกคนกำลังจะไปจากเขา
จุนฮยองหันหลังกลับออกไปข้างนอกอีกครั้ง มือเขากำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรหาใครซักคน
ใครที่พร้อมจะรับฟังเขา
'อีกีกวัง'
"โทษนะแต่คนอื่นไม่ว่างเลย" คนตัวเล็กะงักเล็กน้อยแต่ก็ไหวไหล่ให้ เขาควรจะชินกับการเป็นตัวสำรองแบบนี้ เมื่อเขาเพิ่งสอนเต้นเสร็จโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นเบอร์ของคนที่เขาไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบหกเดือน
กีกวังแค่ลองถอยออกมาจากที่รงนั้น เพราะมีใครบางคนอยู่ข้างจุนฮยองแล้ว
น้ำเสียงที่อ่อนแรงราวกับต้องการใครซักคนมันทำให้ความคิดที่อยากจะไปอาบน้ำนอนแผ่ที่บ้านถูกพับเก็บลงไป แล้วมาหาคนที่นั่งอยู่ที่ผับตั้งแต่สองทุ่มพร้อมกับซดเหล้าเพรียวๆไป
"ไหวปะเนี่ย" ผ่านไปสามชั่วโมง เป็นสามขั่วโมงที่กีกวังพูดน้อยมากเพราะจุนฮยองเป็นคนระบายเรื่องราวต่างๆมากมายออกมา รวมถึงการเลิกกัน
รู้ว่ากีกวังไม่ควรดีใจ
แต่หัวใจมันก็อดที่จะเต้นแรงไม่ได้
"กีกวังทำไมวะ"
อ่ะแล้วจะรู้มั้ย
"กลับมาไม่อยากจะเจอคนอารมณ์เสียใส่"
อื้ม ถ้าเป็นกีกวังคงไม่ทำแบบนั้น
"กอดให้หายเหนื่อยก็ไม่มี"
ถ้าพี่เต็มใจกอดผม ผมก็ทำให้ได้นะ
"แม่ง ไม่น่ามีใครซักคนเลยว่ะ"
"ทำไมพูดงี้อ่ะ" กีกวังเถียงกลับทันที ตาคมสบเข้ากับตาใสราวกับหมาน้อยที่เขามักชอบมองมันเพลิน จนกว่าที่เขาจะรู้ตัวว่าอยู่กับใครสบายใจมันจะสายไปมั้ย
ก็เพิ่งรู้ว่าคิดถึงใบหน้าของคนตรงหน้ามากแค่ไหน
ปากอิ่มกดจูบลงปากคนที่เอาแต่จ้องแน่น จุนฮยองแทบจะหายสร่างทันที คนตัวเล็กที่จับหน้าของอีกคนไว้ไม่ได้รุกล้ำใดๆราวกับเป็นปิดปากเท่านั้น
"หรือบางทีพี่โง่วะ"
"ของดีอยู่กับตัวกลับทำเป็นมองข้าม"
เหมือนบททดสอบทั้งใจของจุนฮยองและกีกวังมันได้จบลงซักที ต่อจากนี้แม้ว่าจะต้องเลิกกันแต่อย่างน้อยกีกวังก็ขอบคุณที่ให้เขาได้ลองใช้สิทธิ์รักกับจุนฮยองในฐานะคนรักดูซักครั้ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in