เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cineflixvividswift
Spider-Man: Far from Home (2019) - สไปดี้ทัวร์ยุโรป

  • *ปลอดสปอยล์*

    นี่น่าจะเป็นการเขียนรีวิวที่ตื่นเต้นและแปลกมากที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะการดู Spider-Man: Far From Home ของผมในครั้งนี้ เป็นการดูหนัง MCU ในระบบเสียงอังกฤษครั้งแรก ที่ผ่านมาดูแบบพากย์ไทยมาตลอดเลย และมันก็ยังเป็นการดูหนังในระบบ IMAX 3D ครั้งแรกในชีวิตด้วย โคตรเขินเลย 5555555

    หนังเล่าต่อจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame เป็นระยะเวลาราวๆแปดเดือน ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ (Tom Holland) ได้ไปทัศนศึกษาที่ยุโรป และต้องรับมือกับศัตรูตัวใหม่ แถมยังได้พบกับ มิสเตอริโอ (Jake Gyllenhaal) ฮีโร่ลึกลับที่ปีเตอร์ต้องร่วมมือด้วย ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางพิชิตใจเอ็มเจ (Zendaya) ไปพร้อมๆกัน

    ผมจำความรู้สึกตอนดู Homecoming ไม่ได้แล้ว จำอะไรเกี่ยวกับมันแทบไม่ได้เลย แต่ภาคนี้ออกมาสนุกมาก เป็นคนละฟีลกับตอนดู Endgame เลยแหละ คือเรื่องนั้นมันดาร์ค หดหู่ใช่มะ มาเรื่องนี้ก็เหมือนเป็นการพาเราไปพักร้อน ผ่อนคลาย ทั้งเรื่องก็จะเป็นโทนเฮฮา สดใส ได้กลิ่นอายหนังวัยรุ่นสไตล์ John Hughes เบาๆ

    แต่มันก็ยังมีเนื้อเรื่องและปมใหม่ๆที่เข้มข้นและน่าติดตาม ใครที่คิดว่ามันจะออกมาเบาๆโหวงๆคิดใหม่ได้เลย มันพาเราไปไกลกว่าที่คิดมาก คือมีสตอรี่ที่ดีมากๆเลยแหละ

    (source: IMDb)
    Jon Watts จากภาคที่แล้วยังคงคุมเรื่องได้อย่างดี หนังออกมาสนุก ให้ความรู้สึกสดชื่น เรียกว่าเป็น refreshment หลัง Endgame เลยก็ได้ มีฉากแอ็คชั่นที่มันส์กว่า Homecoming อีก (อันนี้ชื่นชมมาก) และพาร์ทโรแมนติกก็ทำได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ เป็นหนังรักวัยรุ่นดีๆเรื่องนึงได้เลยครับ

    ผมเล่าอะไรมากไม่ได้จริงๆ มีความรู้สึกอัดอั้นในใจที่มันแข่งกันจะทะลักออกมาเป็นคำพูดให้ได้ แบบ มันดีมากๆเลย ถ้าให้เทียบกับ Homecoming ผมให้เรื่องนั้นเหนือกว่านิดนึง แต่เรื่องนี้ก็ตามมาติดๆเลยแหละ มันสนุกทั้งสองเรื่อง มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลย (ส่วนที่ Homecoming เหนือกว่าหลักๆเลยคือมันมีตัวร้ายที่โคตรเยี่ยม พอๆกับซีโมใน Civil War เลย คือมันมีความเป็นมนุษย์อยู่สูงมาก และมันสร้างคนๆนี้ขึ้นมาได้อย่างน่าค้นหาสุดๆ)

    Tom Holland ยังคงเป็นสไปเดอร์แมนที่ร่าเริง แต่ก็แบกหน้าเครียดๆ (เป็นผลจากการสูญเสียโทนี่นั่นแหละ) Zendaya ภาคนี้นางดูน่ารักสดใสมากกว่าภาคที่แล้ว มีซีนเยอะกว่าด้วย ไม่ได้สวยจ๋าแต่มีเสน่ห์มากๆ Jacob Batalon กับบทเน็ดก็ยังเป็นส่วนเสริมที่ดี และที่ไม่พูดถึงไม่ได้กับพี่ Jake Gyllenhaal มาแบบเหนือคาดมาก จะเป็นยังไงต้องไปดูเอง

    (source: IMDb)
    ขอพูดถึงระบบ IMAX นิดนึง คือผมดูครั้งแรกเลย เลยบอกไม่ได้ว่าเรื่องนี้เหมาะกับการไปดูระบบนี้รึเปล่า แต่ให้พูดจริงๆผมก็ว่ามันตื่นตาดีนะ เวลาฉากสู้กันงี้ก็ตู้มต้ามกันเสียงดังสะใจมาก เอฟเฟกต์แน่นมาก ผมชอบแหละ ถ้าเป็นไปได้ก็ลองดูไอแม็กซ์ก็ได้ครับ จอยักษ์เจ๋งดี (แต่แอบปวดตานิดนึง คงเป็นเพราะผมไม่ค่อยได้ดูแบบ 3D เท่าไร)

    แฟนๆ MCU ครับ เรื่องนี้เป็นการปิดเฟส 3 ได้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มีครบทั้งความสนุก ความบันเทิง ฉากแอ็คชั่น เนื้อเรื่องที่เข้มข้น ความโรแมนติกวัยรุ่น มีครบเท่าที่หนังป๊อปคอร์นดีๆเรื่องนึงควรจะมี แนะนำมากๆ แต่ถึงไม่ใช่แฟนมาร์เวล ผมว่าคุณก็น่าจะสนุกกับมันอยู่ดีนั่นแหละ

    ปล. : หนังมีฉาก mid-credits กับ post-credits อย่างละตัว ห้ามพลาดครับ มาร์เวลไม่ทำกับคุณเหมือนที่ทำใน Homecoming แน่ๆ อันนั้นนี่แสบมาก
    ปล. 2 : ดูแบบ soundtrack ก็เวิร์คเหมือนกันแฮะ แต่ถ้าดูพากย์ไทยก็จะฮาไปอีกแบบ

    (source: IMDb)

    Score: 8.5/10

    Directed by: Jon Watts
    Based on the Marvel comic book by: Steve Ditko, Stan Lee
    Written by: Chris McKenna & Erik Sommers
    Genre: Action, Adventure, Comedy
    Runtime: 129 mins

    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ ^^

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in